บทที่ 104: ขี่ดาบ

“ถ้าฉันใช้พลังที่มองไม่เห็นนี้เป็นการโจมตีรูปแบบหนึ่ง”

หวังเต็งเริ่มไตร่ตรองในขณะที่เขาควบคุมลูกบอลน้ําในอากาศ

ทันใดนั้นเขาก็มีความคิด

เขาจ้องไปที่น้ําอย่างตั้งใจ พลังที่มองไม่เห็นเริ่มบีบน้ําเข้าด้วยกัน จากนั้นขนาดของมันก็เล็กลงเรื่อยๆ…

ในท้ายที่สุด เมื่อน้ําลดลงจนเหลือแค่หนึ่งในสามของขนาดเดิม น้ําก็ไม่หดตัวอีกต่อไป

หวังเต็งเปลี่ยนความคิดและบีบน้ําให้มีขนาดเท่าหนาม ปลายของมันคมมาก

ไป!

พลังที่มองไม่เห็นกลายเป็นแรงผลัก

เข็มหนามที่ทําขึ้นมาจากน้ําพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง มันเจาะเข้ากําแพงอย่างแรง

หวังเต็งเดินเข้าไปดู

มันมีรูปรากฏขึ้นบนผนัง หนามน้ํากว่าครึ่งได้จมหายไปในกําแพง

น้ําไม่ได้ถูกควบคุมโดยพลังที่มองไม่เห็นอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงกระจัดกระจายและไหลลงมา

นอกจากคราบน้ําแล้ว มันก็ไม่เหลือร่องรอยอะไรบนผนังอีกเลย

หวังเต็งจ้องไปที่รูบนกําแพงอย่างตะลึงงัน เขาอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่โชคดีที่เขาควบคุมตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะเผลอไปปลูกพ่อแม่ของเขาให้ตื่นแน่

ถึงกระนั้น มันก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้ถึงความตื่นเต้นที่ปรากฎอยู่ในแววตาของเขา

ทรงพลัง!

ทรงพลังมากๆ!

นี่เป็นเพียงน้ําธรรมดาๆเท่านั้น แต่ภายใต้การควบคุมของพลังที่มองไม่เห็น มันก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้

มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเปลี่ยนเป็นพลังฟอร์ส?

ถ้าฉันสามารถบีบอัดพลังฟอร์สแล้วยิงมันออกด้วยความเร็วสูงได้ อย่างงั้นแล้วมันจะแรงขนาดไหนกัน…

นอกจากนี้ฉันก็ยังสามารถใช้มันกับอาวุธพิเศษได้อีกด้วย!

พลังที่เหนือจินตนาการ!

หวังเต็งหายใจเข้าลึกๆ เขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของพลังที่มองไม่เห็นของเขา แต่บ้านของเขาก็ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสม

แค่การโจมตีจากน้ํานั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทิ้งรูไว้บนกําแพง แล้วถ้าเขาใช้พลังฟอร์สล่ะ? เขาอาจจะเผลอทําลายบ้านของตัวเองลงก็ได้

นี่เป็นสิ่งที่มีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นที่คิดจะทํา และเขาก็ไม่ใช่คนงี่เง่า

อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังสามารถทดสอบขีดจํากัดสูงสุดของมันได้

เขาเตรียมใจและมองไปรอบๆห้องของเขา เก้าอี้ โต๊ะ ตู้ หรือแม้แต่เตียงทั้งหมดก็เริ่มลอยขึ้นไปในอากาศ

ในทันใดนั้น แม้แต่ของที่อยู่ในห้องน้ําก็ยังเริ่มลอยขึ้นภายใต้อิทธิพลจากพลังที่มองไม่เห็นของเขา

พวกมันลอยขึ้นไปราวกับว่ามันไม่มีแรงโน้มถ่วง

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องง่ายๆ หวังเด็งส่ายหัว เขาควบคุมสิ่งของทั้งหมดและวางมันกลับลงที่เดิม

ไม่กี่วินาทีต่อมา ห้องก็ดูเหมือนเดิมอีกครั้งราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระโดดลงจากหน้าต่างพร้อมกับโลงศพบรรจุอาวุธบนหลังของเขา เขาออกจากบ้าน และไปที่ป่าเล็กๆที่ว่างเปล่าในเขตที่อยู่อาศัย

หวังเต็งมองไปรอบๆตัว มันไม่มีใครอยู่ที่นี่และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเองก็ไม่ค่อยมาที่นี่

หวังเต็งเปิดใช้งานอักษรรูนบนโลงศพบรรจุอาวุธและหยิบดาบของเขาออกมา เขาโยนมันขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ใช้พลังที่มองไม่เห็นของเขา

ภายใต้การควบคุมของพลังที่มองไม่เห็นของเขา ดาบก็ได้เริ่มบินไปรอบๆร่างของหวังเต็ง

เชี่ยยย

ดาบเริ่มบินเร็วขึ้นและเร็วขึ้น มันสามารถได้ยินเสียงอากาศที่มันแหวกผ่าน ในไม่ช้มันก็เห็นเพียงเงาของ ดาบเท่านั้น

เขาควบคุมดาบของเขาและเหวี่ยงมันไปที่ต้นไม่ใหญ่

ลําต้นของต้นไม้นั้นใหญ่พอที่จะให้คนโอบได้ กระนั้นมันก็ถูกดาบผ่าทะลุได้ในทันที

น่าประทับใจ!

มันเฉียบคมและเรียบเนียนกว่าการโจมตีของนักสู้ปกติ พลังในการทะลุทะลวงของมันนั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์!

หวังเต็งวิเคราะห์สถานการณ์ในใจของเขา จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปและดาบก็บินกลับเข้ามาในมือของเขาอย่างช้าๆ และในขณะที่เขากําลังจะเก็บมันเข้าไป เขาก็มีความคิดใหม่

ดาบบินออกจากมือของเขาและล่อนลงไปที่เท้าของเขา หวังเต็งยืนอยู่บนนั้น

ภายใต้การควบคุมของพลังที่มองไม่เห็น ดาบก็ค่อยๆลอยขึ้นไปพร้อมกับหวังเต็งที่อยู่ข้างบนนั้น มันบินไปในอากาศอย่างช้าๆ

นี่ถือเป็นการขีดาบใช่หรือไม่!

หวังเต็งอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

หลังจากบินไปสองรอบ หวังเต็งก็ค่อยๆชินกับมัน เขาต้องการเพิ่มความเร็วขึ้นแต่จู่ๆเขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นในหัว

ดาบเริ่มสูญเสียการบังคับอย่างควบคุมไม่ได้

หวังเต็งตกลงมาจากฟากฟ้า โชคดีที่เขาตอบสนองได้ทันเวลาเลยสามารถหลีกเลี่ยงจุดสําคัญๆได้

นี่เป็นสิ่งที่อันตราย!

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาลูบหัวและพึมพํากับตัวเอง “นั่นคือขีดจํากัดของฉันหรอ?”

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ได้นานขนาดนี้! นี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ

หวังเต็งเก็บดาบที่ร่วงหล่นเข้าไปในโลงศพบรรจุอาวุธขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็แบกมันและกลับบ้าน

เขาต้องการที่จะลองควบคุมพลังฟอร์สด้วยพลังที่มองไม่เห็น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาใข้พลังไปมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงทําได้แค่รอครั้งต่อไปเท่านั้น

ขีดาบ!

นี่เป็นฉากที่จะปรากฏในนิยายแฟนตาซีและละครเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทํามันได้

มันรู้สึกดีมาก

คืนที่เงียบสงบ

วันรุ่งขึ้น หวังเต็งลงไปรับประทานอาหารเช้โดยมีถุงใต้ตาสองข้าง

วันนี้เป็นวันสมัครเข้ามหาวิทยาลัย

หงังเฉินกัวกินอาหารเช้าของเขาและเตือนหวังเต็งว่า “พ่อคิดว่าลูกควรจะเป็นคนเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเข้า เอง ดังนั้นพ่อและแม่ก็จะไม่รบกวนการตัดสินใจของลูก ไม่ว่าลูกจะเลือกสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอันดับ หนึ่งหรือที่ตงไห่ เราก็พร้อมจะสนับสนุนลูกเสมอ”

“ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ” หวังเต็งพยักหน้า จากนั้นเขาพูดต่อว่า “ผมยังต้องการดูข่าวดีที่มหาวิทยาลัยต่างๆจะเสนอให้ผมในวันนี้”

“ลูกจะต้องพิจารณาเป็นการส่วนตัว ลูกสามารถจัดการกับสามอาจารย์ใหญ่จากสามสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ชั้นนําได้ ดังนั้นครูเหล่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นอัญหาสําหรับลูก” หวังเฉินกั่วยิ้มและตอบ

เมื่อหวังเล็งทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเขาก็ออกไป เขาขับรถไปที่โรงเรียนมัธยมตงไห่

มันมีป้ายแขวนอยู่เหนือประตูโรงเรียนมัธยมตงไห่

“ขอแสดงความยินดีกับหวังเต็งจากห้อง 8 สําหรับการเป็นปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้ของตงไห่อย่างรุ่งโรจน์”

ป้ายนี้ดูยิ่งใหญ่กว่าป้ายของสถาบันศิลปะการต่อสู้มาก

ดูมันสิ ยิ่งใหญ่!

ทําไมมันถึงมีรูปหัวของเขาและชื่อของเขาติดอยู่ทุกที่ที่เขาไปกันนะ?

เขามาที่ห้องแปด

ห้องเรียนมีเสียงดังมาก เมื่อหวังเต็งเดินเข้ามา มันก็เงียบสนิทไปในทันที

“ลูกพี่ใหญ่มาแล้ว!”

“ข้าขอคํานับท่าน!”

“บอส คุณยอดเยี่ยมมาก..”

พวกเขากําลังพูดถึงหวังเต็งเมื่อครู่ที่แล้ว และตอนนี้ ชายคนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว นักเรียนทุกคนต่างก็ตื่นเต้น

พวกเขารวมตัวกันรอบๆหวังเต็งและกล่าวทักทายหวังเต็งอย่างสนิทสนมทั้งๆที่บ้างคนไม่แม้แต่จะเคยคุยกับgขาด้วยซ้ํา

ปราชญ์ชั้นยอด!

ปราชญ์ชั้นยอดได้ปรากฏตัวขึ้นในชั้นเรียนของพวกเขา!

นอกจากนี้เขาก็ยังเป็นปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้

แค่คิดก็รู้สึกเป็นเกียรติแล้ว

ในยุคแห่งศิลปะการต่อสู้ ตําแหน่งอันดับต้นๆของการสอบศิลปะการต่อสู้นั้นก็มีน้ําหนักมากกว่านักเรียนอันดับต้นๆของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปกติ ในอนาคต พวกเขาอาจมีบุคคลที่มีอิทธิพลมาจากชั้นเรียนของพวกเขา

หวังเต็งไม่สามารถจัดการกับความกระตือรือร้นนี้ได้

“หวังเต็ง!”

ในขณะนี้ ครูใหญ่ของพวกเขา ฟานเว่ยหมิงก็ได้ส่งเสียงออกมาจากด้านนอกประตู

“ ครูกําลังตามหาผมอยู่หรือเปล่า” หวังเต็งถอนหายใจด้วยความโล่งอกและวิ่งออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ

“เจ้าหน้าที่รับสมัครจากมหาวิทยาลัยชั้นนําสองสามแห่งต้องการคุยกับเธอน่ะ ตามฉันมา” ฟานเว่ยหมิงกล่าว

“โอเค งั้นเราไปกันเถอะ” หวังเต็งพยักหน้าอย่างเร่งรีบ

“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอคงจะรู้สึกกลัวเพื่อนร่วมชั้นของเธอสินะ” ฟานเว่ยหมิงหัวเราะ

“พวกเขาน่ากลัวมาก!” หวังเต็งยิ้มอย่างขมขื่น

“ใครขอให้เธอทําคะแนนดีขนาดนี้กันล่ะ? เธอเป็นถึงปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้! ฉันหมายถึง” ปราชญ์ชั้นยอด “นะ ตั้งแต่ฉันทําหน้าที่เป็นครูมา ฉันก็ไม่แม้แต่จะเคยคิดว่าว่ามันจะมีปราชญ์ชั้นยอดในโรงเรียนของเรา” ฟานเว่ยหมิงคร่ําครวญ

“คุณแปลกใจไหม? ตกใจไหม?” หวังเต็งถาม

ฟานเว่ยหมิง:…

ขณะที่ทั้งสองคุยกัน จากนั้นพวกเขาก็มาถึงห้องพักครู เจ้าหน้าที่รับสมัครกําลังพูดคุยกันอยู่กับผู้อํานวยการ จากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนทีละคนและมองไปที่หวังเต็งด้วยรอยยิ้มที่สดใส