บทที่ 208 ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มนั้นเหมือนชิงอวี่อยู่หกถึงเจ็ดส่วน กำลังจ้องมองชายหนุ่มข้างกายด้วยความฉงน กระทั่งตัวเด็กหนุ่มเองก็ยังไม่รู้ว่าในแววตาตนมีแววนับถือบูชาเจืออยู่ในนั้นด้วย
โหลวจวินเหยายกยิ้มมุมปาก “ปีศาจหินพวกนั้นมีสติปัญญาขึ้นมาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ทำเรื่องโง่เง่าอย่างเอาไข่ไปกระทบหินแน่ ในใจพวกมันรู้ถึงความต่างของพลังดี รู้ว่าถึงพวกมันทั้งหมดจะรวมพลังโจมตีพร้อมกันทีเดียว สุดท้ายก็จะถูกซัดกลับไปจนพวกตนกลายเป็นผุยผงแทน”
ชิงเป่ยเลิกคิ้ว มองอีกฝ่ายด้วยสายตาพิศวง “พวกมันสัมผัสได้ว่าไม่ควรมาวอแวกับท่านจึงหลบเลี่ยงท่านงั้นหรือ?”
แต่นอกจากเรื่องที่หน้าตาดีกว่าคนอื่น ๆ อยู่บ้างแล้ว คนผู้นี้ก็ดูไม่ต่างจากคนอื่น ๆ เลยไม่ใช่หรือไร?
โหลวจวินเหยาได้ยินก็ทำเพียงยิ้มให้เด็กหนุ่ม ยื่นมือไปขยี้หัวเขา “วันไหนเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาได้เจ้าจะเข้าใจคำข้าเอง”
ตนถูกขยี้หัวโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ ชิงเป่ยกระโดดถอยไปสอง จ้องชายหนุ่มด้วยสายตาตกตะลึง “นิ… นิสัยชอบขยี้หัวผู้อื่นเช่นนี้….. ท่านติดมาจากชิงอวี่หรือ!?”
เขาถูกชิงอวี่ขยี้หัวเป็นลูกสุนัขยังไม่พอ ต้องให้ชายหนุ่มผู้นี้มาขยี้หัวเขาอีกคนจริงหรือ? อีกทั้งอีกฝ่ายยังมีพลังลึกล้ำสูงส่งจนเขาไม่อาจต้านทานได้ เขาสู้ไม่ได้จึงต้องปล่อยให้หัวถูกขยี้ไปเงียบ ๆ…..
คิดดังนั้นแล้วก็รู้สึกว่าชีวิตตนมืดมนนัก วันข้างหน้าของเขาต่อไปต้องถูกคนทั้งสองข่มเหงเช่นนี้หรือ? ให้เขามีศักดิ์ศรีบ้างเลยไม่ได้หรือไร!?
สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมาของเด็กหนุ่มน่ามองนัก เปลี่ยนไปมาจนกลายเป็นความสิ้นหวัง โหลวจวินเหยายกยิ้มขบขัน “อะไรกัน? นางก็ชอบขยี้หัวเจ้าด้วยหรือ?”
เขาเคยถามนางว่าทำไมเวลาแตะโดนหัวนางเข้าหน่อยจึงโกรธ เป็นเพราะนางชอบไปขยี้หัวน้องชายจนเคยตัวนี่เอง พอถูกคนอื่นทำบ้างจึงโกรธนัก
ได้ยินชายหนุ่มว่า “ด้วยหรือ” ชิงเป่ยก็มีสีหน้าตกตะลึงแล้วเอ่ยถาม “อย่าบอกนะว่าชิงอวี่ก็เคยขยี้หัวท่านมาก่อน…..”
โหลวจวินเหยาได้ยินแล้วก็หัวเราะหึ “นางไม่กล้าหรอก”
ชิงเป่ยพลันถอนใจ ก็นึกว่า…..
“อยู่ใกล้ข้าไว้ อย่ามัวแต่คิดอะไรไปไกล” เขาส่งเสียงมาจากด้านหน้า ชิงเป่ยรีบดึงสติ ก้าวเท้ายาว ๆ ตามเขาไปทันที
ซู่หลีม่อสงสัยในบุรุษชุดคลุมม่วงผู้นี้มานานแล้ว ได้เห็นพลังอันสูงส่งของเขากดข่มศัตรูจนพวกมันไม่กล้าเข้าโจมตีเต็มสองตาเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ที่ไหนก็ทำได้
เขาไม่เชื่ออยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงอาจารย์ระดับเจ็ดดาวธรรมดา
อีกทั้งเขายังชอบปรากฏตัวพร้อมกับเด็กชิงอวี่นั่น ทั้งสองคนดูเหมือนจะสนิทสนมกันมาก
ทว่าเด็กสาวเป็นคนที่พี่ใหญ่ชื่นชอบ เขาคงต้องคอยจับตามองเสียแล้ว
อีกด้านหนึ่ง จีเยี่ยนหลงนั่งอยู่บนที่นั่งยกสูงที่สุดของปราการเมฆาคล้อย มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ภายใน และในกระจกนั้นสามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในปราการ นับว่าทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา
จีเยี่ยนหลงกำลังมองคนทั้งหลายผ่านกระจก ทว่าภาพกลับดำมืดไป น้ำเสียงชั่วร้ายเจือแววขันดังแว่วมาพร้อมกับหมอกดำ “จีเยี่ยนหลง นายท่านสั่งให้เจ้าเปิดกับดักและค่ายกลทั้งหมดของปราการเมฆาคล้อย ทุกคนในวันนี้จะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ยกเว้นเด็กสาวนามชิงอวี่”
จีเยี่ยนหลงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงพลันชะงักไป ก่อนจะถามเสียงฉงน “ทำไมนายท่านถึงมีคำสั่งมาเช่นนั้นได้? ไหนว่าเขาจะไม่มายุ่งธุระกงการอะไรของข้าไม่ใช่หรือ? อีกทั้งวันนี้มีคนฐานะสูงส่งตัวตนลึกล้ำมากันหลายคน หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างพวกเขาเข้าร่วมงานสานสัมพันธ์ของหุบเขา แล้วข้าจะให้คำตอบกับคนของพวกเขาอย่างไร?”
น้ำเสียงชั่วร้ายยังคงดังขึ้น “คนเหล่านี้ไม่ได้ทำอะไรผิด โทษคนที่ไม่ควรเข้ามาที่นี่ที่ตอนนี้กลับย่างกรายเข้ามาเถอะ นายท่านหมายตาแค่คนผู้นั้น แต่ของธรรมดา ๆ ในปราการเมฆาคล้อยแห่งนี้ไม่อาจทำอันตรายคนผู้นั้นได้ มีเพียงกับดักที่นายท่านเป็นคนวางไว้เท่านั้นจึงจะโค่นคนผู้นั้นลงได้”
“งั้นหรือ?” จีเยี่ยนหลงประหลาดใจเล็กน้อย “ทำเอาข้าสงสัยว่าคนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”
ใบหน้าบนกระจกที่ถูกหมอกดำปิดบังพลันเปลี่ยนไป เงาร่างของบุรุษคนหนึ่งปรากฏขึ้น จีเยี่ยนหลงไม่คุ้นตาเงาร่างนั้น เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน “คนผู้นี้ล่วงเกินนายท่านไว้งั้นหรือ?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ เขาไม่ได้มาจากแดนมุกหยก แต่เป็นจอมยุทธ์ฝีมือสูงส่งจากแดนสูงกว่า พลังเขาล้ำลึก ใช้วิธีธรรมดาหยุดยั้งไม่ได้ จำไว้ว่าเปิดใช้กับดักและค่ายกลทั้งหมดด้วย นายท่านไม่ต้องการให้เขามีชีวิตรอดออกไป ส่วนคนอื่น ๆ เจ้าก็จัดการตามที่เห็นสมควร”
จีเยี่ยนหลงพลันหน้าซีดเผือด “นายท่าน แดนมุกหยกเองก็มีกฎของตน หากข้าคิดจะสังหารคนจากแดนสูงกว่า เกรงว่าข้าจะถูกรังควานได้ มีหรือที่จะกล้า…..”
“หากมีนายท่านอยู่ เจ้ายังต้องกลัวอะไรอีก? ไม่นาน ใต้หล้าจะตกอยู่ในมือนายท่าน สังหารคนจากแดนสูงกว่าสักคนจะเป็นไรไปเล่า? เจ้าช่างขลาดเขลานัก” น้ำเสียงชั่วร้ายดังส่อเสียด ในทุกคำมีแต่ความเคารพให้คนที่เขาเรียกว่านายท่าน
เมื่อมีแรงสนับสนุนเช่นนี้ จีเยี่ยนหลงก็วางใจลงได้บ้าง ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มจางประดับ ตอนนี้กลับเคร่งขรึม
เขาคิดวิเคราะห์ครู่หนึ่ง จีเยี่ยนหลงก็เอ่ยปาก “เช่นนั้นข้าจะทำตามคำสั่งนายท่าน แต่หากข้าต้องถูกผลจากการกระทำครั้งนี้เล่นงานเข้า หวังว่านายท่านจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น หากเจ้ารับใช้นายท่านด้วยความภักดี นายท่านย่อมปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี” น้ำเสียงนั้นเย่อหยิ่งจองหอง ยังพูดต่ออีกว่า “อย่าลืมว่าห้ามทำอันตรายเด็กชิงอวี่นั่นแม้แต่ปลายผม”
พูดจบ หมอกดำในกระจกก็ค่อย ๆ สลายหายไป กลายเป็นภาพเมื่อก่อนหน้า ตอนนี้คนที่มุ่งหน้ามาได้เร็วที่สุดขึ้นมาได้กว่าพันขั้นแล้ว หนึ่งในคนกลุ่มนั้นคือชิงอวี่นั่นเอง
จีเยี่ยนหลงทำสีหน้าไม่อยากเชื่อ พลันพึมพำเสียงเบาออกมา “เด็กชิงอวี่นี่…. เป็นใครกันแน่? กระทั่งเจ้าคนใจดำไร้อารมณ์อย่างซีจ้านเฉินยังพยายามเข้าใกล้ ตอนนี้นายท่านก็ยังปฏิบัติกับนางต่างจากคนอื่นอีก แปลกนัก…..”
———————————————–
“มีใครรู้สึกเหมือนกันไหมว่ายิ่งขึ้นก็ยิ่งรู้สึกหนาว?”
หมิงอีอีริมฝีปากซีดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางถูกพิษมานานหลายปีหรือไม่ ยามสภาพอากาศเย็นลงจึงสัมผัสได้เร็วกว่าใคร
แม้นางจะได้รับการรักษา ไม่เกรงกลัวความหนาวอีกต่อไป แต่จู่ ๆ อากาศเย็นลงเช่นนี้ก็ทำให้นางไม่สบายตัวอยู่บ้าง
“ข้าเองก็หนาวอยู่หน่อย ๆ” มู่ไหลพยักหน้าเห็นด้วย
อาจจะไม่ใช่แค่หนาวหน่อย ๆ แล้ว
นางหลุบตาลงมองมือตนเอง ลองกำนิ้วเรียวงามตนเองดู พบว่ามีเศษน้ำแข็งเล็ก ๆ แตกกระเด็นส่องล้อแสง
ฤดูหนาวผ่านไปแล้วแท้ ๆ สภาพอากาศไม่ควรจะหนาวเหน็บได้เช่นนี้ อีกทั้งอากาศในหุบเขาไร้กังวลมักจะอบอุ่นกว่าสำนักละอองหมอกที่หนาวเหน็บจนถูกหิมะขาวปกคลุมไปจนหมด
ชิงอวี่ที่เดินอยู่หน้าสุดพลันชะงักฝีเท้า นัยน์ตาส่องประกายวาบ จากนั้นเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้น “เผยตนออกมาเสีย!”
มู่ไหลกับคนอื่น ๆ ก็ชะงักไป อะไรกัน?
ชิงอวี่ว่าจบ ก้อนขาว ๆ ก็ร่วงลงมาจากฟ้านับไม่ถ้วน ไม่นานที่พื้นก็มีของสีขาวเงินกองอยู่จนทั่ว
หิมะเริ่มตกแล้ว
เรื่องประหลาดเกิดขึ้นเช่นนี้ย่อมแสดงว่ามีสิ่งชั่วร้ายกำลังดำเนินอยู่เท่านั้น คนทั้งหลายเกร็งร่างแล้วมองรอบกายอย่างระมัดระวัง
ฉับพลันมีน้ำแข็งคมถูกซัดเข้ามาทางพวกนางอย่างดุร้าย ที่ปลายแหลมมันแต้มไปด้วยสีน้ำเงิน
ชิงอวี่ตาทะมึน “ระวังด้วย! ที่ปลายแหลมมันอาบพิษ!”
คนทั้งหลายรีบหลบทันที คมน้ำแข็งเหล่านั้นซัดถูกแมลงดูดเลือดเรืองแสงที่อยู่โดยรอบ พริบตาต่อมาพวกมันก็หม่นแสงลง ตายสนิททันที
หลังจากหลบเลี่ยงการโจมตีมาได้แล้วความสงบก็เข้าปกคลุม ไม่มีสัญญาณอะไรอีก
หากแต่ความสงบกลับรั้งอยู่ไม่นาน ที่ปลายเท้าพลันรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ราวกับเบื้องหน้ากับหลังมีบางสิ่งใกล้เข้ามา เป็นเสียงฝีเท้ากำลังย่ำพื้นมาทางพวกนาง
“มันอะไรกัน…..”
สิ่งที่ปรากฏขึ้นแหวกความมืดตรงหน้าพวกนางคือลิงยักษ์ที่ร่างทำจากน้ำแข็งและหิมะ เขี้ยวมันลากยาวมาถึงคอ นัยน์ตาจ้องพวกนางอย่างดุร้ายโหดเหี้ยม
หิมะยังคงตกลงมาไม่หยุดหย่อนและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักนิด ไม่นานก็ตกหนาจนมาถึงตาตุ่ม
ภาพเช่นนี้มันคุ้นตานัก
ชิงอวี่กับมู่ไหลมองหน้ากันแล้วก็เห็นว่าต่างคนต่างเข้าใจ
เมื่อครั้งพวกนางอยู่ที่รังอสูรด้วยกัน ในพื้นที่เขตหนาวทางเหนือเมื่อหลายปีก่อน พวกนางเผลอตกลงมาในถ้ำแห่งหนึ่ง พบเข้ากับเรื่องเช่นนี้เข้า
แต่ที่พวกนางพบคือมนุษย์โบราณที่ทั่วร่างมีแต่น้ำแข็งและหิมะ สุดท้ายก็หนีออกมาได้ ตอนนั้นพวกนางเพิ่งอายุได้สิบกว่าขวบเท่านั้น
ในเมื่อน้ำและน้ำแข็งไม่ควบรวมกัน แต่เมื่อน้ำแข็งตัวก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง ดังนั้นมันจึงกลัวไฟ
แต่แน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่น้ำแข็งธรรมดา ไม่อาจใช้ไฟธรรมดาจัดการมันได้เช่นกัน
ชิงอวี่พลันเผยยิ้มเจิดจ้า มองหญิงสาวอีกคนที่มีสีหน้าเย็นชาด้านข้าง “จำได้หรือไม่ว่าเมื่อตอนนั้นกว่าเราจะสังหารมนุษย์หิมะนั่นได้ใช้เวลาตั้งกว่าหนึ่งชั่วยาม? ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะใช้เวลาเท่าไหร่?”
มู่ไหลหัวเราะหึ นัยน์ตาจ้องไปยังวานรน้ำแข็งด้วยความดูถูก หมายจะฉีกร่างมันเป็นชิ้น ๆ เอยเสียงเย็นขึ้นว่า “แค่ครึ่งชั่วยามก็น่าจะเหลือหลาย”
“เช่นนั้นข้าเดาว่าสักหนึ่งเค่อก็พอ” ชิงอวี่เอ่ยยิ้ม ๆ
พริบตาต่อมา ทั้งสองก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาพร้อมกัน คนหนึ่งเผยเพลิงสีทองเหลือบแดง อีกคนคือพลังสายฟ้าสีม่วงที่ส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะ พวกนางพลันซัดพลังในมือออกไปรวมกันกลางอากาศ คลื่นพลังทำเอาสภาพอากาศโดยรอบแปรปรวน
พลังธาตุทั้งสองต่อสู้กันไม่นานก็ควบรวมเข้าด้วยกัน จากนั้นพวกนางก็กระแทกคนละหนึ่งฝ่ามือออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ผลักพลังก้อนนั้นพุ่งเข้าใส่วานรน้ำแข็ง
วานรน้ำแข็งคำรามลั่นอ้าปากกว้าง กลืนก้อนพลังลงท้องไป ราวกับไม่มีผลกับมันสักนิด ยังคงปล่อยการโจมตีใส่พวกนางต่อไปไม่หยุดยั้ง
ชิงอวี่ไม่เปลี่ยนสีหน้า สายตาจดจ้องวานรน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามา
จากนั้นก็นับเสียงอยู่ในใจ หนึ่ง สอง สาม…..
“ตูม!”
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ตามมาด้วยแสงสว่างจ้าจนแสบตาส่องทั่วฟ้ายามค่ำคืน แรงระเบิดรุนแรงมาก กระทั่งพวกบุรุษที่ขึ้นมาจากอีกฝั่งยังสัมผัสได้