หลินกุ้ยเหรินพลันพยักหน้าและเผยยิ้ม “เสี่ยวเฉิง… พ่อไม่ได้จะห้ามเรื่องตามหาเบาะแสของแม่หรอกนะ แต่ลูกไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะปลอดภัยหรือเปล่าที่จะเข้าไปพัวพันกับพวกกลุ่มคนในอดีตอะไรทำนองนั้นน่ะ? พ่อคิดว่าความขุ่นแค้นเรื่องพ่อที่แท้จริงของลูกกับตระกูลเย่น่าจะจบไปตั้งแต่ตอนที่เขาเสียชีวิตแล้วนะ… อันที่จริง พ่อดีใจมากเลยล่ะที่ลูกยอมทำทุกอย่างและเปลี่ยนตัวเองจนเป็นคนใหม่ได้ ถึงมันจะมาพร้อมกับอันตรายก็เถอะ แล้วก็อีกอย่าง… ลูกช่วยรับประกันให้พ่อสบายใจหน่อยได้ไหมว่าจะไม่ทำให้หลินจื้อซือเข้ามาพัวพันกับเรื่องพวกนี้ด้วย?”

“เอ่อ…” เสี่ยวเฉิงเริ่มลังเล

หลินกุ้ยเหรินพลันถอนหายใจ “นับตั้งแต่ลูกกลับมาที่นี่และเข้าร่วมกองทัพเพื่อเปลี่ยนตัวเอง พ่อก็รู้แล้วว่แหละาลูกคงละทิ้งความคับแค้นใจเรื่องของพ่อที่แท้จริงกับคนในตระกูลเย่ไม่ได้ ถ้าลูกอยากจัดการเรื่องของตัวเองให้เสร็จ พ่อก็จะไม่ห้ามอะไร แต่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ช่วยนึกถึงหลินจื้อซือด้วยนะ อีกอย่าง พ่อกับแม่มาที่นี่ก็เพื่อให้ลูกทั้งสองได้หย่ากัน พ่อจะพาหลินจื้อซือกลับไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษน่ะ”

เสี่ยวเฉิงพลันจ้องมองไปยังผ้าห่มตรงหน้าและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เขากับหลินจื้อซือแทบจะไม่ได้คุยหรือใช้ชีวิตด้วยกันเลย ในตอนแรก พ่อกับแม่เป็นฝ่ายบังคับให้ทั้งสองแต่งงานกัน แต่สุดท้าย ทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน จนถึงตอนนี้ การหย่าร้างก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทว่า ด้วยเหตุผลบางประการ เสี่ยวเฉิงก็กลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

บางที มันก็อาจเป็นเพราะเมื่อเขาต้องพยายามดิ้นรนทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จ การคิดถึงชื่อของหลินจื้อซือในทะเบียนสมรสก็อาจจะทำให้หัวใจของเสี่ยวเฉิงอบอุ่นและมีแรงบันดาลใจขึ้นมา แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ แต่เมื่อใดก็ตามที่เสี่ยวเฉิงตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การนึกถึงหลินจื้อซือก็อาจจะทำให้เขารู้สึกมีความหวังและอยากลุกขึ้นสู้ต่อ ถึงกระนั้น นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ครูฝึกของกองทัพภาคที่ห้าเคยกล่าวเอาไว้ว่าเสี่ยวเฉิงถือเป็นนายทหารคนหนึ่งที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ตลอดเวลา

ถึงอย่างไร เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเฉิงคงจะไม่บอกหลินจื้อซือเรื่องนี้แน่ เพราะเมื่อครั้งที่เสี่ยวเฉิงล้มเหลวในการเข้าร่วมหน่วยรบมังกร เขาก็เอาแต่ไปเมาหัวทิ่มอยู่ที่บาร์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้เสี่ยวเฉิงขาดความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับหลินจื้อซือโดยตรง

“แล้วหลินจื้อซือพูดว่าไงบ้างเหรอครับ? เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้?” เสี่ยวเฉิงเงยหน้าขึ้นและถามหลินกุ้ยเหริน

“เธอบอกว่าขอเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนน่ะ” หลินกุ้ยเหรินพลันตอบกลับ

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มอย่างขมขื่น “บางที เธออาจคิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้นะครับ เพราะผมเองก็ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ยังไงเสีย ถ้าเธอต้องการหย่า ผมก็จะยอมเซ็นใบหย่าให้เลยครับ”

– ด้านนอก –

หลินเล่ยกำลังพิงกำแพงและกล่าวคำพูดกับหลินจื้อซือที่กำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง “ผมไม่สนใจหรอกว่าพี่จะแต่งงานกับใครในอนาคต แต่พี่ชายที่อยู่ในห้องนั้นก็เป็นพี่เขยเพียงคนเดียวที่ผมรู้จัก บางที พี่อาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าพี่เฉิงต้องเผชิญกับความลำบากอะไรมาบ้าง แต่ผมรู้นะ เขายอมทิ้งทุกอย่างทั้งภูมิหลังของชีวิตและสถานะทางสังคมของตัวเอง… พี่เฉิงนี่แหละเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดแล้ว! ตั้งแต่ประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าพี่เฉิงเป็นคนหัวรั้น เขามักจะถูกทางโรงเรียนลงโทษอยู่ตลอดเลย เขามักจะดูนินทาอยู่ตลอดด้วย ทุกคนต่างก็เหยียดเขาตลอดว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ แถมเขายังเคยถูกเพื่อนในห้องตั้งฉายาสุดห่วยให้อีก แม้แต่คุณครูประจำชั้นเองก็ยังเคยบอกเลยว่าพี่เฉิงจะกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาทางจิตซึ่งสืบเนื่องมาจากปมด้อยในชีวิต แต่พี่หลินรู้อะไรไหม? พี่เฉิงเป็นคนที่คอยจัดการปัญหาให้พี่ตลอดเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นพวกเด็กผู้ชายที่เคยมาหาเรื่องหรือยุ่งกับพี่สมัยเรียน พี่เฉิงนี่แหละที่เป็นคนไปซัดหน้าเด็กพวกนั้นหลังเลิกเรียน นั่นคือสาเหตุที่พี่เฉิงมักจะกลับมาบ้านพร้อมกับเลือดที่มุมปากอยู่เสมอ อีกอย่าง ตอนที่พี่เฉิงถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็ไม่ต้องการให้พี่รู้สาเหตุเลยด้วยซ้ำว่าทำไม ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้เจ้าชายจากราชวงศ์อังกฤษบ้านั่นมันต้องการตัวพี่… คืนนั้นมันแอบใส่ยานอนหลับลงไปในแก้วน้ำผลไม้ของพี่ แต่พอพี่เฉิงรู้เรื่องเข้า เขาก็พุ่งเข้าไปซัดไอ้เจ้าชายคนนั้นจนแทบจะพิการเลยล่ะ! นั่นแหละคือสาเหตุที่พี่ไม่เคยเจอเจ้าชายคนนั้นอีกเลยหลังจากวันนั้น อันที่จริง ผมรู้เรื่องของพี่เฉิงทุกอย่างแหละ เพราะผมเป็นคนเดียวที่เคยใช้ห้องร่วมกับพี่เฉิง ผมมักจะถามพี่เฉิงตลอดเลยด้วยว่าสิ่งที่เขาทำไปมันคุ้มค่ากับผลที่ได้รับหรือเปล่า…”

ดวงตาของหลินจื้อซือแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ น้ำตาพลันไหลอาบอยู่ข้างแก้มของเธอ “แล้วตอนนั้นเขาตอบกลับมาว่ายังไงบ้างล่ะ?”

“พี่เฉิงก็แค่ต้องการให้พี่ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด เขาอยากทำให้พี่กลายเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ตั้งแต่ตอนที่พี่เฉิงถูกพ่อของเรารับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับพี่… พี่เฉิงก็คิดมาตลอดเลยว่าพี่ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาทำให้พี่รู้สึกมัวหมองเป็นแน่!”