ตอนที่ 154

My Disciples Are All Villains

หมิงซี่หยินได้ปรากฏตัวข้างๆ ฮั๊ววู่เด๋าอย่างรวดเร็ว เขายื่นแขนออกไปพร้อมกับส่งพลังลมปราณของตัวเองไปที่ร่างของฮั๊ววู่เด๋า

“หมิงซี่หยิน เจ้า…” ฮั๊ววู่เด๋าไม่ได้หันกลับไปมอง ในตอนนี้คือช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ หมิงซี่หยินควรที่จะเตรียมควบคุมรถม้าล่องเมฆาถึงจะถูก แล้วทำไมเขาถึงได้ปรากฏตัวอยู่ตรงนี้กันล่ะ?

ด้วยพลังพิเศษของรถม้าล่องเมฆาร่วมกับพลังผนึกตราประทับทั้งหก ถ้าหากผู้ที่ควบคุมรถม้าคนนั้นมีพลังมากพอ รถม้าล่องเมฆาทั้งคันจะต้องหนีออกจากสุดยอดเวทมนตร์คาถาที่กำลังจะโจมตีใส่ได้แน่ แม้ว่าพลังของสิบคนทรงจะลึกล้ำมากสักแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถใช้เวทมนตร์คาถาที่มีโจมตีใส่นอกพื้นที่ได้

“อย่ามัวแต่พูดเลยผู้อาวุโสฮั๊ว! …ท่านน่ะควรรู้สึกเป็นเกียรติมากกว่านะที่ข้าช่วยท่านแบบนี้น่ะ” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“…”

ด้วยการช่วยเหลือของหมิงซี่หยิน ตัวหนังสือ ‘ไฟ’ ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นเองตัวหนังสือที่เหลือทั้งหมดก็เปล่งแสงสว่างแวววาวมากยิ่งขึ้น ผนึกตราประทับทั้งหกในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

ฝนดาวตกสีม่วงถูกพลังของผนึกตราประทับทั้งหกสกัดเอาไว้ได้ พลังของผนึกนั่นมันแข็งแกร่งขึ้นมาก!

ลั่วฉีซานที่เห็นแบบนั้นก็ได้ใช้น้ำเสียงนุ่มลึกพูดออกมา “พวกเจ้าดิ้นรนไปก็ตายอยู่ดี…”

ลู่โจวจ้องมองไปที่วู่เซียนก่อนที่จะหันไปมองลู่ฉีซานอย่างรวดเร็ว “แล้วเจ้าล่ะ อยากที่จะตายด้วยอย่างงั้นสินะ? “

ลั่วฉีซานหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วครู่ในขณะที่กำลังลอยตัวอยู่บนด้านนอกของพลังผนึกตราประทับทั้งหก การโจมตีจากคลื่นสายฟ้าเมื่อครู่นี้ทำให้ตัวเขาไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองได้เลย แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และเพราะแบบนั้นเองลั่วฉีซานจึงได้พูดออกมาอย่างหยิ่งผยอง “นี่คือพลังทั้งหมดที่ปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีอย่างงั้นสินะ? พลังนั่นยังไม่พอที่จะทำให้ข้ากลัวได้หรอก”

หวืด!

ดาบของลั่วฉีซานสั่นไปทั่วทั้งเล่ม มันสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงขึ้นมา

ในขณะเดียวกันสิบคนทรงทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งที่ยืน พวกเขาได้ยืนเรียงกันเป็นแถว 2 คน แถว 3 คน และแถว 5 คน

วู่เฉิงและวู่กวนในตอนนี้ถูกวู่เซียนและวู่จีสถิตร่างอยู่ตรงหน้า

“ในที่สุดพลังของสิบคนทรงก็ถูกใช้จนสำเร็จได้…ศาลาปีศาจลอยฟ้าน่ะจบสิ้นแล้ว! ” เร็นบู้ผิงได้พูดออกมาอย่างตื่นเต้น

พลังวงแสงสีม่วงบนพื้นทั้งสิบได้หายไปเป็นที่เรียบร้อย ในตอนนั้นเองเวทมนตร์คาถาที่เป็นพลังแห่งความมืดค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแทน พลังแห่งความมืดนั้นได้บดบังทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์เอาไว้

ทุกๆ คนที่ได้เห็นแบบนั้นได้แต่จ้องมันอย่างหมดหวัง

ด้วยพลังสุดยอดของสิบคนทรง แม้แต่ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้รับพลังสนับสนุนมาจากหมิงซี่หยินก็คงจะไม่อาจที่จะต้านทานได้!

ลั่วฉีซานวางแผนเอาไว้ว่าจะหยุดการเคลื่อนไหวของรถม้าล่องเมฆาเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แม้แต่ผู้ฝึกยุทธที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 8 กลีบก็คงจะไม่อาจที่จะหยุดพลังของสิบคนทรงได้อีกต่อไป ดวงตาของลั่วฉีซานในตอนนี้กำลังจับจ้องไปที่สถานการณ์ตรงหน้าโดยที่ไม่ละสายตา

ในขณะเดียวกันคนจากวิหารปีศาจเองก็จ้องมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างไม่กะพริบตา

จอมเวทชุดแดงทุกคนยังดูเป็นปกติเช่นเคย พวกเขาคุ้นเคยที่จะเห็นเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว

ผู้ฝึกยุทธจากเมืองถังซีต่างก็จ้องมองท้องฟ้าที่มืดดับลงไป พวกเขาทั้งหมดมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงของพลังตราผนึกทั้งหกที่ล้อมรอบอยู่ที่รถม้าล่องเมฆา

รถม้าล่องเมฆาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง!

หยวนเอ๋อที่กำลังควบคุมรถม้าอยู่เหงื่อแตก แม้ว่าเธอจะมีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ตามแต่ถึงแบบนั้นการจะบังคับรถม้าบินได้ก็ยังยากอยู่ดี แม้ว่าจะมีฝานซง, โจวจี้เฟิง และจ้าวยู่ช่วยอยู่ก็ตาม “ท่านอาจารย์…ศิษย์ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว! “

ลู่โจวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ‘ดูเหมือนว่าจะต้องใช้การ์ดวิเศษอย่างช่วยไม่ได้สินะ ตัวเขาที่คิดแบบนั้นได้เดินไปที่ขอบพลังผนึกตราประทับทั้งหก ในตอนนั้นเองที่มือของเขามีแสงจางๆ ส่องสว่างขึ้น

ในตอนนั้นเองวู่เซียนก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง “เลิกซ่อนตัวอยู่หลังลูกน้องได้แล้ว ออกมาซะ! “

พลังแสงสีม่วงได้ก่อตัวกันเป็นรูปกรวยแหลมก่อนที่จะตรงมายังลู่โจวในทันที

ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘นี่ฉันจะต้องใช้การ์ดป้องกันไร้ที่ติสินะ? แต่นี่คือพลังชะตาแห่งความมืดแน่หรอ? แล้วศัตรูจะทำอะไรต่อไปกัน? ‘

ในเวลาเดียวกัน ในตอนนั้นเองเสียงคำรามก็ได้ดังขึ้นมาจากท้องฟ้า

วู๊……

ทุกคนจ้องมองไปที่ด้านหลังพลังสีม่วง

ร่างกายของวิซซาร์ดห่อหุ้มไปด้วยพลังอันบริสุทธิ์

“วิซซาร์ด! “

วิซซาร์ดรู้สึกได้ว่าผู้เป็นเจ้านายของมันกำลังตกอยู่ในอันตราย มันได้ปรากฏตัวขึ้นจากบนท้องฟ้าก่อนที่จะวิ่งวนเป็นวนกลม พลังอันบริสุทธิ์ได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราบกับหิมะ ทันทีที่พลังอันบริสุทธิ์สัมผัสกับพลังสีม่วง พลังจากเวทมนตร์คาถาก็ได้อ่อนแรงลงในทันที ท้ายที่สุดแล้วพลังอันบริสุทธิ์ก็สามารถชะล้างพลังเวทมนตร์คาถาได้

ทุกๆ อย่างล้วนมีจุดอ่อน!

ผู้คนบนรถม้าล่องเมฆาต่างก็ตื่นตกใจที่วิซซาร์ดปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่เหมาะสมแบบนี้

“สัตว์ขี่ในตำนานล้วนแต่มีความสามารถพิเศษติดตัว พวกมันสามารถปลดปล่อยพลังพิเศษออกมาได้เมื่อผู้เป็นเจ้านายกำลังต้องการ” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

ผู้นำสิบคนทรงอย่างวู่เซียนได้หรี่ตาลงก่อนที่จะจ้องมองไปยังวิซซาร์ด แม้ว่าตัวเขาจะเป็นหนึ่งในสิบคนทรงที่ผ่านอะไรมากมายหลายอย่างในชีวิตมา แต่ถึงแบบนั้นดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อต้องได้เห็นวิซซาร์ด

เสียงร้องของวิซซาร์ดได้กลบเสียง “สรรเสริญ” ของเหล่าสิบคนทรงไป

เสียงของวู่เซียนที่ได้พูดออกมาอีกครั้งสั่นเครือไปทั่ว “วะ…วิซซาร์ด? “

วู่จีเองก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาเช่นกัน “เป็นไปไม่ได้! พวกเราที่เป็นถึงสิบคนทรง เป็นถึงกับวีรชนอันชาญฉลาด เพราะเหตุใดกันวิซซาร์ดถึงได้ขัดขวางพวกเราแบบนี้? “

วิซซาร์ดเป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคล สิ่งที่จะอยู่ตรงข้ามกับพลังแบบนี้ได้ก็คือพลังอันชั่วร้ายนั่นเอง

สิบคนทรงทั้งหมดล้วนตกตะลึง พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะชั่วร้ายแบบนี้ สิบคนทรงทั้งหลายต่างก็คิดมาก่อนว่าเหล่าสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าที่อยู่บนรถม้าล่องเมฆาเป็นพวกชั่วร้าย!

‘เจ้าพวกนั้นมันสมควรตาย! เจ้าพวกนั้นไม่ควรที่จะได้รับการปกป้องจากวิซซาร์ดเลย! ‘

‘ทำไมกัน? ‘

‘พวกเราผิดอะไร? ‘

การปรากฏตัวของวิซซาร์ดทำให้ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจมาก

ในตอนนั้นเองพลังสิบคนทรงได้อ่อนแอลงมาก

รถม้าล่องเมฆาในตอนนี้กำลังอาบไปด้วยพลังอันบริสุทธิ์ที่ได้มาจากพลังของวิซซาร์ด ม่านพลังเองก็ได้รับพลังอันบริสุทธิ์ไปได้ส่องแสงสว่างแวววาวมากขึ้นเช่นกัน

ในตอนนั้นเองตัวหนังสือตัวใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้น มันเป็นตัวหนังสือที่อ่านได้ว่า ‘วิโยค’

ฮั๊ววู่เด๋าที่เห็นแบบนั้นแทบที่จะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตัวเขาได้ฝึกฝนกระบวนท่าผนึกตราประทับทั้ง 6 มากว่าหลายสิบปีแล้ว แต่ถึงแบบนั้นตัวหนังสือตัวที่เก้าก็ยังไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน แต่เพราะพลังอันบริสุทธิ์ของวิซซาร์ทำให้ตอนนี้ในที่สุดตัวหนังสือตัวใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว!

ทุกๆ ครั้งที่มีคนได้อะไร ย่อมมีหนึ่งคนที่จะต้องสูญเสีย

ผนึกตราประทับทั้งหกที่เพิ่มพลังมาได้ผลักคลื่นพลังสีม่วงที่มาจากเวทมนตร์คาถากลับไปอย่างง่ายดาย

วู๊….

เสียงของวิซซาร์ดได้ทำให้หัวใจของทุกคนกระชุ่มกระชวย

นี่ถือเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ!

การ์ดวิเศษในมือของลู่โจวได้จางหายไป

ต้วนมู่เฉิงเองได้ระเบิดพลังลมปราณจำนวนมหาศาลขึ้นมา พลังลมปราณของต้วนมู่เฉิงได้กระจายตัวออกไปจนกลายเป็นคมดาบใส่ทั่วทุกทิศทาง

ผู้คนที่อยู่บนรถม้าล่องเมฆาต่างก็ส่งเสียงออกมาอย่างตื่นตกใจ “ท่านต้วนมู่เฉิง! เขาผลิกลีบอีกใบแล้ว! “

ต้วนมู่เฉิงรู้สึกโกรธเกรี้ยวตลอดเวลา ตัวเขาไม่สามารถทำอะไรสิบคนทรงผู้ที่เป็นศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้เลย และเพราะแบบนั้นในที่สุดตัวเขาก็สามารถระเบิดพลังขึ้นมาได้

พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีดอกบัวสองกลีบ!

ต้วนมู่เฉิงที่ในมือถือหอกมังกรราชันย์เอาไว้ได้ใช้มันพุ่งเข้าหาสิบคนทรงอย่างรวดเร็ว!

“เจ้านี่พยายามที่จะโจมตีท่านวู่เซียนอย่างงั้นหรอ? เจ้าน่ะต้องผ่านข้าไปให้ได้ก่อน! ” เร็นบู้ผิงได้หันไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว “ต้วนชิง! “

“ครับ ท่านเจ้าสำนัก! ” ต้วนชิงเห็นเร็นบู้ผิงได้เข้าไปใกล้ต้วนมู่เฉิงมากขึ้น ตัวเขาเองที่เห็นแบบนั้นก็ได้ตามเร็นบู้ผิงไปด้วย แต่พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ไปใกล้กับรถม้าล่องเมฆา พวกเขาทั้งสองคนได้หายตัวไป!

หลังจากที่ได้รับคำสั่งของเร็นบู้ผิงไป ในตอนนั้นเองต้วนชิงก็ได้จับจ้องไปที่ต้วนมู่เฉิง “ต้วนมู่เฉิงแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า จงตายซะ! “

พลังร่างอวตารดอกบัว 7 กลีบของเร็นบู้ผิดได้ปรากฏขึ้น!

ดอกบัวกลีบใหม่ได้ปรากฏขึ้น ในตอนนี้จากพลังร่างอวตารดอกบัว 7 กลีบก็ได้กลับกลายเป็น 8 กลีบแล้ว

ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นได้โบกมือขึ้นมาอย่างไม่แยแส “ข้าบอกแล้วว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเจ้า! ” เร็นบู้ผิงเป็นผู้ที่โจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้ามาแล้วหลายครั้งต่อหลายครั้ง เร็นบู้ผิงคนนี้ไม่ช้าก็เร็วยังไงซะเขาก็ยังเป็นเสี้ยนหนามที่จะต้องถูกกำจัดไป ถ้าหากจัดการเขาตั้งแต่ตอนนี้ มันก็คงจะดีกับลู่โจวมากยิ่งขึ้น ลู่โจวได้โบกแขนเล็กน้อยและในตอนนั้นเองพลังลมปราณที่ดูคล้ายกับกระแสน้ำวนก็ได้ปรากฏขึ้นบนมือขวาของตัวเขา

สิบคนทรงต่างก็เห็นภาพนี้ เร็นบู้ผิงเองก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ…

“ปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้า ข้าน่ะได้เก็บตัวฝึกฝนตัวเองมาหลายปีต่อหลายปี ท่านน่ะไม่สามารถทำอะไรข้าได้หรอก! ” เร็นบู้ผิงมั่นใจมากกว่าจะต้องเอาชนะลู่โจวได้ด้วยพลังร่างอวตารที่ตัวเขามี

เร็นบู้ผิงตั้งใจที่จะต้านทานการโจมตีของลู่โจว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็อยากที่จะฉวยโอกาสนี้จัดการกับต้วนมู่เฉิงให้ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ต้วนมู่เฉิงในตอนนี้เองก็สัมผัสได้ถึงอันตราย แต่ถึงแบบนั้นเป้าหมายของตัวเขาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว

ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้โบกมือขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเองคลื่นพลังก็ได้ไหลออกมาจากฝ่ามือของเขา

ฝ่ามือของลู่โจวได้ปล่อยคลื่นพลังทั้ง 9 ออกมาก่อนที่จะมันหลอมรวมกันจนเป็นคลื่นพลังเพียงเส้นเดียว พลังที่มาจากฝ่ามือทั้งเก้าล้วนแต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเห็นแบบนั้นลู่ฉีซานถึงกับผงะ “พลังฝ่ามือเต๋าทั้งเก้า?! ในตอนแรกก็มีสัตว์ขี่ในตำนานวิซซาร์ด และในตอนนี้ก็ยังมีพลังฝ่ามือทั้งเก้าอีก! ” หลังจากที่ได้เห็นแบบนั้น ลู่ฉีซานก็ได้เหม่อลอยไปชั่วขณะ