ตอนที่ 161 เหยื่อของจ่าฝูงหมาป่า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

เนื่องจากบ้านของตนก็เก็บผลไม้ป่ามาขายให้แก่บ้านตระกูลหลินจึงยังพอสร้างรายได้ให้ครอบครัวหลายสิบอีแปะ หากไปผิดใจด้วยแล้วนางไม่รับซื้อผลไม้จากบ้านตน จะไม่เหมือนตัดช่องทางทำมาหากินเสียเองหรือ ?

พวกผู้ชายในหมู่บ้านจัดกลุ่มที่เชี่ยวชาญในการเก็บของป่าขึ้นมาหนึ่งกลุ่ม พวกเขาเก็บของป่าจำพวกลูกสน เมล็ดต้นเจินและพีแคน นอกจากนี้ยังเชิญหลินเว่ยเว่ยและพรานหวังมาช่วยนำทางให้ด้วย โดยเฉพาะหลินเว่ยเว่ยซึ่งเส้นทางในการเก็บของป่านางเป็นคนเลือก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยได้พบสัตว์ร้ายจู่โจมเลย

ในอดีต สำหรับตระกูลหลินและตระกูลเจียงที่หลบหนีภัยสงครามมาจากต่างถิ่น จึงถูกชาวบ้านจำนวนมากในหมู่บ้านฉือหลี่โกวต่อต้าน มีเพียงคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่ยอมคบหาด้วย

ตั้งแต่เจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ยเป็นแกนนำในการสร้างกังหันวิดน้ำและขุดคูน้ำให้หมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านไปจนถึงลูกบ้านก็มีท่าทีเปลี่ยนไปต่อสองครอบครัวนี้

หลินเว่ยเว่ยพบว่าระยะเวลาหนึ่งแปลงนาของตนจะถูกใครบางคนรดน้ำให้อย่างเงียบ ๆ หากมีปัญหาอันใดก็จะมีคนเข้ามาช่วยอย่างกระตือรือร้น เวลาเดินอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ว่าคนแก่หรือเด็กล้วนฉีกยิ้มหน้าบานให้นาง…

แม้แต่เจ้าหนูน้อยก็ยังสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ เด็กในหมู่บ้านที่ยอมเล่นกับเขามีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม มีเด็กบางคนที่โตกว่าเขาหน่อย หลังเก็บผลไม้ป่ากลับมาแลกเป็นเงินที่บ้านตระกูลหลินเสร็จแล้วยังจะช่วยเขาเกี่ยวหญ้าให้กระต่ายด้วย เจ้าหนูน้อยที่เคยถูกทอดทิ้งและมีสหายน้อยจึงกลายเป็นที่ต้อนรับมากในหมู่บ้าน

หลินเว่ยเว่ยเป็นคนที่เมื่อผู้อื่นดีด้วย นางก็จะดีตอบเป็นสองเท่า ดังนั้นตอนที่ผู้ใหญ่บ้านพาคนหนุ่มมาเชิญนางไปเก็บเมล็ดสนบนภูเขาด้วยกัน นางก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลย

ด้วยการคุ้มครองของจ่าฝูงเจ้าเทา หลินเว่ยเว่ยแทบจะเดินได้ทั่วทุกแห่งในภูเขาสองสามลูกซึ่งอยู่ติดกัน ในอาณาเขตของฝูงหมาป่ามีป่าสนแดงผืนใหญ่และในเวลานี้มันก็กำลังออกดอกออกผล นางคนเดียวเก็บสองเดือนก็ยังเก็บไม่หมด

ปีนี้ภัยแล้งรุนแรง แม้คนในหมู่บ้านฉือหลี่โกวจะไม่เหมือนหมู่บ้านอื่นที่ต้องขูดเปลือกไม้ ขุดรากหญ้ากินหรือขายบุตรหลาน แต่ก็ยังกังวลเรื่องอาหารการกินอยู่ หากไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ใครจะกล้าเสี่ยงขึ้นเขาโดยไม่คำนึงถึงอันตรายในชีวิต ?

หลินเว่ยเว่ยรู้ดีแก่ใจว่าหากคนในหมู่บ้านใช้ชีวิตต่อไม่ได้ พวกเขาก็จะพุ่งเป้ามายังตระกูลหลินซึ่งมีการค้าอันรุ่งเรือง ในสถานการณ์ที่คนอดอยากเจียนตายแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น ! ดังนั้นนางต้องสร้างทางรอดให้คนในหมู่บ้าน…

หลินเว่ยเว่ยติดสินบนจ่าฝูงเจ้าเทาและฝูงหมาป่าด้วยน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณโดยให้พวกมันออกไปที่อื่นและออกห่างจากป่าสนแดงในเวลากลางวัน จากนั้นค่อยกลับมาอีกทีในเวลากลางคืน มิหนำซ้ำนางยังไปเยือนอาณาเขตของหมีควายที่อยู่ด้านข้างแล้วใช้กำลังข่มขู่หมีขี้ขลาดตัวนั้นจนท้ายที่สุดก็ค่อยปลอบลูกหมีที่น่ารักและติดคนอีกที

วันนี้ หลังจากที่นางพาพวกชาวบ้านมายังป่าสนแดงผืนนี้แล้ว พรานหวังก็พบร่องรอยของฝูงหมาป่าบนพื้นดินอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปทันทีและรีบเตือนทุกคนว่า “ระวังให้มาก แถวนี้มีฝูงหมาป่าอยู่ ! รีบออกไปจากป่าสนแดงผืนนี้เร็ว ! ”

พวกชาวบ้านเห็นลูกสนเต็มต้นราวกับได้เห็นเงินและอาหารกำลังกวักมือเรียกพวกตนอยู่ ฝูงหมาป่าเช่นนั้นหรือ ? จะเป็นไปได้อย่างไร ? หากมีฝูงหมาป่าจริง แล้วเหตุใดนางหนูรองยังพาพวกตนมาที่นี่อีก ?

มีชาวบ้านบางคนที่ใจร้อนจึงรีบปีนขึ้นไปบนต้นสน หลังขึ้นไปอยู่บนลำต้นแล้วก็ใช้ไม้ตีลูกสนลงมา คราวนี้ผู้ใหญ่บ้านก็มาด้วยและใช่ว่าไม่เชื่อพรานหวัง แต่เขาเชื่อหลินเว่ยเว่ยมากกว่า

“เสี่ยวเว่ย ! ลุงหวังของเจ้าบอกว่าที่นี่มีฝูงหมาป่า เจ้าว่าอย่างไร ? ” ผู้ใหญ่บ้านก็เสียดายป่าสนแดงผืนนี้เหมือนกัน เขาแอบคำนวณในใจว่าถ้าทำงานทั้งวัน ทุกคนจะได้เมล็ดสนถึง 100 ชั่ง ! หากนำไปขายในเมืองก็จะแลกเป็นข้าวสารกลับมาได้ไม่น้อย !

“ฝูงหมาป่าเช่นนั้นหรือ ? ลุงหวังคงเห็นมูลหมาป่าเข้ากระมัง ? ไม่ต้องห่วง หมาป่าฝูงนั้นออกไปไกลแล้ว ผู้ใหญ่บ้าน หากท่านไม่วางใจ ข้าจะไปเดินโดยรอบนี้สักรอบ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นเราจะออกจากที่นี่ทันที ดีหรือไม่ ? ” ถ้าหลินเว่ยเว่ยรู้จักร่องรอยของฝูงหมาป่า ดังนั้นย่อมไม่มีทางปิดบังนายพรานมากประสบการณ์ได้อยู่แล้ว แต่นางมั่นใจว่าแค่สามารถรับประกันความปลอดภัยของชาวบ้านได้ก็เพียงพอ

ผู้ใหญ่บ้านเห็นนางแสดงท่าทางมั่นใจจึงพลอยรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก ทว่าชาวบ้านที่ขึ้นเขาในวันนี้ล้วนเป็นแรงงานเด็กและชายวัยกลางคนทั้งหมดของหมู่บ้าน หากเจอฝูงหมาป่าจริง ๆ สำหรับฉือหลี่โกวแล้วจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ ดังนั้นจึงไม่อาจละเลยได้

“ถ้าเช่นนั้นต้องรบกวนนางหนูรองช่วยเดินดูโดยรอบ แต่เจ้าวางใจได้ ลูกสนที่เก็บในวันนี้จะแบ่งให้ทุกครอบครัวอย่างเท่าเทียม ไม่ขาดส่วนของเจ้าแน่นอน ! ” ท่ามกลางภัยธรรมชาติ ชาวบ้านฉือหลี่โกวต้องร่วมมือกันเข้าไว้ถึงจะผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ !

ในหมู่บ้านฉือหลี่โกว นอกจากครอบครัวที่ย้ายเข้ามาอยู่ในช่วงสงครามแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็มีความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกันทั้งนั้น ในเวลาปกติหากบ้านใครมีปัญหา คนในหมู่บ้านก็จะร่วมแรงช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตอนนี้ครอบครัวสองสามหลังที่กำลังลำบากที่สุดในหมู่บ้านก็ได้ตระกูลหลินช่วยเหลือ นอกจากทำให้คนในครอบครัวไม่ต้องทนหิวก็ยังช่วยประหยัดอาหารให้ผ่านฤดูหนาวไปได้ด้วย

เรื่องนี้ทำให้ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจอย่างโล่งอก…ครอบครัวไม่กี่หลังนี้หากไม่มีบิดามารดาป่วยไข้หรือพิการก็ต้องเป็นแม่ม่ายลูกติดสองสามคน…หากบอกว่าให้ทนดูพวกเขาหิวตายก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ตอนนี้ทุกบ้านก็กำลังดิ้นรนเพื่อปากท้อง ไม่มีกำลังจะช่วยเหลือจริง ๆ โชคดีที่ตระกูลหลินทำการค้าใหญ่โต โชคดีเหลือเกิน…

ตอนนี้นางหนูรองตระกูลหลินยอมเสี่ยงอันตรายหาทางรอดให้พวกตน ทั้งพาคนในหมู่บ้านขึ้นมาเก็บลูกสน ภายใต้ความเสียสละเช่นนี้ หากพวกเขายังคิดเล็กคิดน้อยกับการแจกจ่ายแล้วก็จะดูน่าเกลียดทั้งเห็นแก่ตัวเกินไป ! พวกคนแก่และคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านต่างเห็นด้วยกับวิธีแจกจ่ายของผู้ใหญ่บ้าน…แม้ว่าการแจกจ่ายให้คนที่มีกินมีใช้ดูไม่ยุติธรรมไปหน่อยก็เถิด

เพื่อความสบายใจของทุกคน หลินเว่ยเว่ยจึง ‘ลาดตระเวน’ รอบป่าสน พรานหวังไม่ค่อยวางใจ…นางเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีแรงเยอะหน่อยก็ออกไปคนเดียว หากเจอสถานการณ์คับขันขึ้นมา แม้แต่คนไปเรียกใครมาช่วยก็ไม่มี ด้วยเหตุนี้พรานหวังจึงแอบตามนางไปเงียบ ๆ

เมื่อเดินเล่นไปสักพัก หลินเว่ยเว่ยก็ไม่ทันระวังจนออกจากป่าสนมายังสถานที่ซึ่งฝูงหมาป่ากำลังล่าเหยื่อ ว้าว ! ฝูงหมาป่าหลายสิบตัวล้อมรอบกวางมูสตัวอ้วนไว้สองสามตัว ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ ทำให้เลือดในกายพลุ่งพล่านได้เลย

โดยเฉพาะกวางมูสสองตัวตรงนั้น ลำตัวยาวกว่า 2 หมี่ หากวัดจากสายตาแล้วน่าจะหนักประมาณ 500 กว่าชั่ง สำหรับหลินเว่ยเว่ยแล้ว ทุกตัวล้วนเป็นเนื้อกวางแผ่นเดินได้…นั่นเป็นเงิน 100 กว่าตำลึงเลยนะ !

จ่าฝูงเจ้าเทามีหน้าที่วางแผนและออกคำสั่ง มันเหลือบมองหลินเว่ยเว่ยที่กำลังนั่งน้ำลายไหลอยู่ข้างชายป่าครู่หนึ่ง มันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของนางตั้งนานแล้ว แต่มันก็ทำตามสัญญาให้นางยืมผืนป่าสนแดงแล้วไม่ใช่หรือ ? นางจะมาที่นี่ด้วยเหตุใดอีก ? คงไม่ได้พุ่งเป้าหมายมายังเหยื่อที่พวกมันกำลังล่ากระมัง ?

ทันใดนั้นหูของมันก็กระดิกแล้วค่อย ๆ หมุนตัว จากนั้นก็เดินหันคมเขี้ยวสีขาวอันแหลมคมมาทางหลินเว่ยเว่ย…เมื่อหลินเว่ยเว่ยหันไปมองทางด้านหลัง นางก็พบกับใบหน้าขาวซีดของพรานหวังที่กำลังเดินมาหา

“ลุงหวัง เหตุใดมาอยู่ที่นี่ได้ ? ” หลินเว่ยเว่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย

จ่าฝูงเจ้าเทามองมาทางพวกนางพักหนึ่ง หลังเก็บคมเขี้ยวแล้วมันก็เบนสายตากลับไปมองในสนามรบใหม่…ตอนนี้ฝูงของพวกมันจัดการกวางมูสหลายตัวนั้นได้แล้ว…ความเร็วยังพอใช้ได้ คราวหน้าต้องลองใช้กลยุทธ์ใหม่บ้าง !

ตอนต่อไป