บทที่ 189 โดนเวนคืนกระทันหัน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่189 โดนเวนคืนกระทันหัน

ใบหน้ากู่มู่สวีนดีใจออกนอกหน้า

เขาไม่คิดเลยว่ามู่เซิ่งจะตอบรับมาง่าย ๆ แบบนี้ ทว่าโครงการสร้างสรรค์อำเภอซานเซี่ยงนี้ ก็ได้ผ่านการศึกษาเจาะหารายละเอียดอย่างมาก จึงกล้านำเสนอต่อมู่เซิ่ง

“คุณมู่ครับ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน!” กู่มู่สวีนพูดเหมือนรับบัญชาการงานออกศึก

ตั้งแต่ถูกอัปเปหิออกจากตระกูลกู่ ไฟสู้ของเขาไม่ได้พัดกระพือให้ลุกโหมขึ้นมานานแล้ว

มู่เซิ่งผงกหัว เดินออกจากห้องพิเศษนั้น

กลับลงมาถึงชั้นล่าง เขาขยับจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จึงค่อยเปิดประตูเดินเข้าไป

ภายในห้องยังคงเห็นจ้าวหลินคุยโอ่อยู่ สภาพตอนนี้ เธอกลายเป็นจุดเด่นของทั้งห้องไปแล้ว ถึงยังไงภาพเหตุการณ์ตอนที่เฉินเสวียลี่ถูกกดดันจนไปคุกเข่าให้มู่เซิ่งนั้นยังติดตาทุกคนอยู่ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปกระทบจ้าวหลินหาความซวยมาเข้าตัว

“ลูกเขยแสนดีของฉัน กลับมาแล้วเหรอ?”

พอจ้าวหลินเห็นมู่เซิ่งกลับเข้ามา พลันก็พูดขึ้นอย่างลิงโลดทันที

“มู่เซิ่ง คุณกู่หาเธอด้วยเรื่องอะไรหรือ?” เจียงหว่านที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถามขึ้น

เมี่อตะกี้ที่มู่เซิ่งกับคุณกู่ออกไปด้วยกัน ด้วยสัมผัสที่หก (ซิกเซนซ์) เฉพาะตัวของผู้หญิงก็ได้บอกเธอ คุณกู่จะต้องมีเรื่องอะไรที่จะขอให้มู่เซิ่งช่วยทำให้เป็นแน่ ทำให้จิตใต้สำนึกของเธอก็รู้สึกอยากรู้ด้วย

“ไม่มีอะไร ธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ” มู่เซิ่งพูดไปเนือย ๆ

เจียงหว่านผงกหัวรับรู้ แล้วก็ไม่รบเร้าถามต่อ เธอไม่ได้คิดเลยว่า คำว่าธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ปากมู่เซิ่งพูดนั้น จะเป็นการพลิกโฉมระบบของเขตอำเภอซานเซี่ยงอย่างฟ้าถล่มทลาย

หลังจากเห็นมู่เซิ่งกลับมาแล้ว จ้าวหลินยิ่งรู้สึกลำพองในใจ แต่ว่ามู่เซิ่งไม่ได้พูดจา จ้าวหลินก็เลยรู้สึกละอายอยู่แก่ใจไม่กล้าออกหน้าแย่งซีนของมู่เซิ่ง คนทั้งบ้านจึงลงมือรีบกินอาหารกัน คิดว่าจะได้รีบกลับไปพักที่ห้องโรงแรมสักพัก แล้วจะได้กลับเจียงหนาน

แต่ เพียงเพิ่งก้าวออกจากประตูโรงแรม ก็เห็นกองเสื้อผ้าทิ้งเกลื่อนบนพื้น สายตามองไป คนทั้งบ้านของจ้าวเหมยเหมยยืนอยู่หน้ากองเสื้อผ้า เชิดคางทำลอยหน้าลอยตา

“พวกแกจะทำอะไรกันอีกนั่น?” เจียงหว่านพูดด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน

พวกคนบ้านนี้ ไม่รู้จักกันเลยว่าอะไรเรียกว่าความละอาย มาถึงตอนนี้กวนหาเรื่องมาช้ำแล้วซ้ำอีก มันทำให้เธอรู้สึกเกลียดจนถึงที่สุด

“ไม่มีอะไร ฉันเพียงแต่มาช่วยเป็นธุระให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ” จ้าวเหมยเหมยชี้ไปที่กองเสื้อผ้าบนพื้น พูดทำเสียงจีบปากจีบคอ

มู่เซิ่งก้มมองลงไป

เสื้อผ้าราคานับหลายล้านนี้ เขาไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเลย นอกจากที่เจียงหว่านช่วยเขาเลือกขึ้นมาไม่กี่ชุด นอกจากที่เขาได้เอากลับไปใช้ใส่กับตัวแล้ว ก็ไม่ได้ไปสนใจกับสูทชุดตัวอื่นเลย ฉะนั้นกับเสื้อผ้าขาด ๆ ที่จ้าวเหมยเหมยเอามาโยนไว้ทั้งกองไว้นั้น เขาก็จำไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาซื้อมาจากGUGC

“จ้าวเหมยเหมย นี่คุณคิดจะพูดเรื่องอะไร พูดมาตรง ๆ เถอะ” มู่เซิ่งพูด

“ก็ไม่มีอะไร ก็แค่ช่วยส่งเสื้อผ้ามาให้พวกคุณเท่านั้น” จ้าวเหมยเหมยหัวเราะคิกคักพูดว่า “เสื้อผ้าพวกนี้ก็ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าที่พวกคุณไปซื้อมาจากที่GUGCนั่นไง แต่พวกเขารู้สึกจะส่งผิด ดันเอาเสื้อผ้าพวกนี้ส่งไปที่บ้านอิฉัน อิฉันถึงยังไงก็เป็นน้องสาวของคุณจ้าวหลินนะ ฉะนั้นเลยจัดตรงส่งคืนมาให้ด้วยตัวเอง”

“มิต้องเกรงใจหรอกนะ พวกเราต่างก็เป็นญาติกันนะ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นเรื่องที่สมควร”

นี่นะการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เจียงหว่านได้ยินที่พูดเข้า ตาแดงก่ำขึ้นมาทันที

เธอมองออกแล้ว เสื้อผ้าที่กองบนพื้นนั่น ทั้งสกปรกทั้งขาด ทั้งยังมีไม่น้อยที่ถูกฉีกจนขาดเละเทะ ถ้าไม่ใช่จ้าวเหมยเหมยบอกว่านี่เป็นเสื้อผ้าที่มู่เซิ่งซื้อเอง น่ากลัวเจียงหว่านเองก็คงจำไม่ได้!

ยิ่งไปกว่านั้น ในความรู้สึกของเธอ พนักงานของGUGCเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งเสื้อผ้าผิดที่ เสื้อผ้าที่ปรากฏอยู่ที่นี่ได้ จะต้องเป็นเพราะจ้าวเหมยเหมยเองไปเอาออกมา!

“จ้าวเหมยเหมย เธอรู้หรือเปล่าว่าเสื้อผ้าพวกนี้มู่เซิ่งเป็นคนซื้อ เธอยังไปทำจนเป็นสภาพแบบนี้!” เจียงหว่านพูดไปพร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

มู่เซิ่งยืนอยู่ข้าง ๆ มองเหตุการณ์อย่างเย็นชา ในความรู้สึกน่าขัน

เสื้อผ้าราคาสี่ล้านกว่าพวกนี้ ก็แค่เขาหยิบฉวยซื้อมาส่ง ๆ เท่านั้น ถ้าจ้าวเหมยเหมยคิดว่าแบบนี้จะกระตุ้นความโกรธของเขาได้ คงเป็นการหลงตัวเองมากไปมั้ง?

เห็นมู่เซิ่งไม่กล้าต่อปาก จ้าวเหมยเหมยอดไม่ได้หัวเราะออกมา “ทำไมมาเป็นแบบนี้ได้?ฉันก็ทำด้วยความหวังดีนะ เพราะรู้ว่าพวกเธอพรุ่งนี้ต้องกลับเจียงหนานแล้ว ถ้าเสื้อผ้าพวกนี้ทิ้งไว้ที่อำเภอซานเซี่ยง พวกเธอจะเดือดร้อนใจมาก อีกทั้งฉันก็แบกเสื้อผ้าจำนวนขนาดนี้มาไม่ไหว ก็เลยต้องใช้วิธีลากเอามา”

“นั่นสิ แม่ฉันก็กลัวว่าพวกคุณจะลำบาก ก็ถึงได้ไปรีบลากเอามา พวกคุณน่าจะรู้ดีรู้ชั่วบ้าง” ถงเสว่เหมยก็พูดเสริมอยู่ข้าง ๆ

มาถึงตอนนี้ สีหน้าของเจียงหว่านแดงเดือดขึ้นมาจนเป็นสีตับหมูแล้ว เจ้าสองคนนี้เออมาอวยไป แสแสร้งให้เป็นว่าทำด้วยตั้งใจดี แต่คนที่อยู่ในบริเวณไม่ว่าใครก็ดูออก พวกเขานั้นตั้งใจทำให้เสื้อผ้าพวกนี้เสียหาย ก็มุ่งหวังทำให้มู่เซิ่งเสียหน้า!

แต่นี่มูลค่ามันตั้งสี่ล้านกว่านะนั่น!

ต่อให้มู่เซิ่งไม่เห็นว่าเป็นค่าเงินอะไรเท่าไหร่ แต่เจียงหว่านก็เจ็บลึกเข้าอยู่ในใจ

“ฮ่า ๆ ๆ ต้องเสียใจด้วยนะ”

เห็นเจียงหว่านออกอาการใจแป้วให้เห็น จ้าวเหมยเหมยกับถงเสว่เหมยทั้งสองเลยได้หัวเราะกันอย่างสะใจขึ้นไปอีก

โดนตบหน้ามาเสียนาน พวกเธอก็ได้ทำให้เจียงหว่านได้เจ็บบ้างในที่สุด!

“มู่เซิ่ง คุณก็มีเงินมากมาย คงไม่มาใส่ใจกับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่เพียงเท่านี้มั้ง?”

แล้วก็ในทันทีนั้น จ้าวเหมยเหมยก็ยังหันหน้ากลับมา มองหน้ามู่เซิ่งด้วยความชื่นมื่น

จ้าวหลินเดือดดาลขึ้นมาเต็มที่ กำลังจะชี้หน้าด่าใส่จ้าวเหมยเหมย กลับถูกมู่เซื่งโบกมือห้ามไว้

“ไม่มีอะไร” มู่เซิ่งยกมือโบกแบบสบาย ๆ เปลี่ยนเรื่องพูดไปทันควัน พูดว่า “ทำให้ของเกิดความเสียหายก็ต้องชดใช้ เป็นกฎเกณฑ์ตามกระบวนการ ในเมื่อพวกคุณทำสิ่งของของผมเสียหาย ก็ชดใช้กันไปก็เท่านั้นแหละ”

“ชดใช้?”

จ้าวเหมยเหมยได้ยินคำพูดนี้เข้า ให้รู้สึกสุขสมสะใจเหมือนเห็นดอกไม้บาน

เธอพยายามเก็บกดรอยยิ้มไว้พูดว่า “มู่เซิ่ง ก็รู้สึกไม่สบายจริง ๆ นะ บ้านพวกเราก็จนมาก คงมีปัญญาเอาเงินออกมาไม่ได้มากเท่าไหร่ อีกทั้งเฉินเสวียลี่ก็ไปแล้ว ถ้าไม่งั้น เงินจำนวนนี้ก็ขอติดเธอไว้ก่อนลัวกันนะ?”

“พวกเราก็ญาติกัน คุณเชื่อพวกเราได้ รอให้พวกเรามีเงินได้ จะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้เสื้อผ้าพวกคุณเสียหายแน่นอน”

เจียงหว่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นิ้วที่จะชี้ก็ยังสั่นระริกขึ้นมา

เธอเคยเห็นคนหน้าด้านมา แต่นี่คงเป็นครั้งเดียวที่เธอจะเห็น คนหน้าด้านไร้ยางอายแบบจ้าวเหมยเหมยคนนี้!

พวกเธอตอนนี้บอกว่าติดหนี้หยางเฉิน แต่เดี๋ยวรอให้เดินออกไป จะไม่มีทางยอมรับสภาพหนี้เด็ดขาด ถึงแม้ถ้าให้พวกเขาเกิดโชคฟลุ๊คเหมือนเหยียบถูกกองขี้หมาได้เงินมา ไอ้พวกคนขี้เหนียวแบบนี้ ยิ่งไม่มีทางจะคืนเงินให้

มู่เซิ่งกลับวางสีหน้าเรียบเฉย ท่าทีเหมือนลมโชยพลิ้วเมฆ พูดว่า “ไม่ต้องรอให้ทีหลังหรอก ตอนนี้พวกคุณก็มีเงินอยู่แล้ว”

“ตอนนี้ก็มีเงินอยู่แล้ว?”

จ้าวเหมยเหมยชะงักอึ้ง “มู่เซิ่ง เธอจะบ้าไปหรือไง เครดิตการ์ดของฉันหักลบกลบหนี้กับธนาคารแล้วมีเหลือก็แค่พันกว่า อย่างนี้ก็เรียกได้ว่ามีเงินหรือไง?”

“พวกคุณอยู่ที่หมู่บ้านซานขุยใช่ไหม?” มู่เซิ่งถาม

ถงเสว่เหมยใช้น้ำเสียงเย้ยเยาะ พูดว่า “คุณแม่ หนูว่ามู่เซิ่งต้องมีปัญหาทางสมองเป็นแน่ ขนาดตัวเองเพิ่งถูกไล่ออกมาจากที่นั่นยังไม่รู้เลย”

“ฮ่า ๆ ๆ”

เสียงหัวเราะดังเบา ๆ อยู่รอบ ๆ

“ในเมื่อคุณอยู่ที่หมู่บ้านซานขุย นั่นก็ดีละ เขตย่อยแห่งนี้กำลังจะถูกเวนคืนแล้ว พวกคุณมีห้องชุดอยู่สองห้อง รวมเป็นเงิน รวมเป็นเงิน……” มู่เซิ่งย่นหัวคิ้วทำเป็นคิดคำนวณ หันหน้ากลับไป ถามไปที่กู่มู่สวีนว่า “คุณกู่ ห้องชุดสองห้องนี้ จะได้เงินค่าเวนคืนสักเท่าไหร่?”

“คิดตามราคาปัจจุบันที่สองพันหนึ่งร้อยต่อตารางเมตร ห้องของพวกเขาจะได้รับค่าเวนคืนที่สี่ล้านกับสี่หมื่นเจ็ดพัน” กู่มู่สวีนรีบรับมุก ตอบไปอย่างนอบน้อม

“ก็พอดีเลย”

มู่เซิ่งแค่นหัวเราะ “เงินจำนวนนี้ คุณจัดการโอนใส่บัญชีผมโดยตรงเลย ส่วนที่เหลืออีกสามพัน คุณน้าจ้าว พวกเรามันก็ญาติกันนะ น้าก็ไม่ต้องจ่ายแล้วแหละ”

พอขาดคำที่มู่เซิ่งพูด

จ้าวเหมยเหมยช็อกไปทั้งตัว

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

บ้านของพวกเธอ จู่ ๆ ก็โดนเวนคืนไปแล้ว?