บทที่ 190 แกอยากตาย ฉันก็จะช่วยแกให้ได้สมดังใจ

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่190 แกอยากตาย ฉันก็จะช่วยแกให้ได้สมดังใจ

“แก แกว่าอะไรนะ?”

ได้ยินคำพูดนี้ จ้าวเหมยเหมยสะท้านไปทั้งตัว คนทั้งคนนิ่งอึ้งอยู่กับที่

โดนเวนคืน?

บ้านของพวกเขาทำไมโดนเวนคืนไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้?

“เธอจะร้องไห้ไปทำไมกัน นี่มันเป็นเรื่องดีนะ” หลี่หรานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะพลางพูดไปว่า “ใกล้ ๆ นี้ตระกูลกู่จะพัฒนาให้อำเภอซานเซี่ยงให้กลายเป็นเขตเมืองท่องเที่ยว หมู่บ้านซานขุยที่คุณอยู่นั้น พอดีอยู่ในเขตบริเวณบุกเบิก ฉะนั้นจึงถูกเวนคืน”

ได้ยินหลี่หรานย้ำยืนยัน จ้าวเหมยเหมยเซ่อไปเลยจริง ๆ ทีนี้

โดนเวนคืนจริง ๆ หรือนี่?

คำว่าโดนเวนคืนสำหรับคนทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ห้องขนาดร้อยตารางเมตรสองห้องในเขตย่อยของเมือง ค่าเวนคืนจะได้ถึงสี่ล้านกว่า พอให้ไปซื้อบ้านพักระดับหรูชั้นหนึ่งในอำเภอซานเซี่ยงเลยทีเดียว หรือไม่ก็ได้ห้องทั่วไปถึงสี่ห้าห้อง แม้ว่าให้เอามาใช้อย่างคนมือเติบ ก็ยังพอให้ผลาญไปได้นานพอดู

แต่ทว่า ตอนนี้โดนเวนคืนแล้ว เงินสี่ล้านกว่านี้ กลับถูกโอนคืนไปให้ในบัญชีมู่เซิ่ง นี่เท่ากับพวกเธอต้องเสียบ้านไปสองหลังฟรี ๆ เลยนะ!

“ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นเงินค่าเวนคืนบ้านของพวกเรา จะโอนเข้าไปในบัญชีแกได้ยังไง!” จ้าวเหมยเหมยเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที พูดอย่างว่ากันตามหลักครองธรรม

ถงเสว่เหมยก็พูดกับกู่มู่สวีนอย่างไม่รู้จักตายว่า “คุณกู่ นี่มันเป็นเงินของบ้านพวกเรา คุณไม่มีสิทธิ์จัดการเองได้!”

แม่หญิงสองคนนี้ซุกแทรกอยู่แต่ในซอกร่องของเงิน เงินสี่ล้านกว่านี้ในสายตาของพวกเธอ จัดได้ว่าเป็นเงินมหาศาลทีเดียว พวกเธอไม่มีทางจะยอมให้ใครมาแตะต้องได้!

“คุณผู้หญิงจ้าว พวกคุณทำลายของของคนอื่นจนเสียหาย ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ก็จะต้องชดใช้คืนตามมูลค่า ฉะนั้นเงินจำนวนนี้ ผมจะช่วยพวกคุณโอนเข้าไปในบัญชีของคุณมู่เซิ่ง” กู่มู่เซิ่งส่ายหน้า พูดกับจ้าวเหมยเหมย

“ไม่ได้ ไม่ได้!”

จ้าวเหมยเหมยตะโกนลั่นเป็นคนบ้าไป

“ไอ้แก่ แกเป็นแค่พวกนักธุรกิจงานอสังหาริมทรัพย์ แกไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”

“ถ้าแกขืนกล้าเอาเงินพวกเราก้อนนี้โอนไปให้มู่เซิ่ง ฉันก็จะขึ้นศาลฟ้องแก ฟ้องในข้อหาที่แกยักยอกทรัพย์ของฉัน ฉันจะให้ทนายจัดการกับแกแน่ ๆ!”

มองดูกู่มู่สวีนไม่เห็นได้รู้สึกสะทกสะท้าน จ้าวเหมยเหมยก็รีบลนลานพูดไปว่า “หรือไม่ก็เอางี้ คุณกู่ คุณโอนเงินจำนวนนี้มาให้ฉันก่อน แล้วฉันก็จะคืนเงินให้มู่เซิ่งอีกทีดีมั้ย?ฉันเป็นคนติดเงินใครไม่เป็นหรอก คุณโอนมาให้ฉันดูก่อนแล้วกัน”

พูดมาถึงตอนสุดท้าย จ้าวเหมยเหมยดูเหมือนจับจุดเพี้ยนไปหมด พูดจาจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่มีหลักเกณฑ์เหตุผลใด ๆ แล้ว

มู่เซิ่งฟังแล้วมีแต่อยากหัวเราะ

ไอ้เจ้าจ้าวเหมยเหมยคนนี้ไล่เขาออกมาจากบ้าน เดิมทีนี้ก็ทำให้มู่เซิ่งรู้สึกขัดใจอยู่มากแล้ว ตอนนี้หาเรื่องกันมาซึ่ง ๆ หน้า ทำลายเสื้อผ้าเสียหาย คราวนี้ ก็จัดการรวมยอดเคลียร์ทั้งปัญหาเก่าและปัญหาใหม่รวมกันไปเลยทีเดียวจบ

ก็พอดี จะได้ทำให้พวกเธอที่คอยจะเยาะเย้ยเจียงหว่านไว้ ได้ลิ้มรสความเป็นคนไม่มีบ้านจะกลับ ต้องเร่ร่อนกันอยู่ริมทางดูบ้าง

ในช่วงเวลานั้น ขณะที่มู่เซิ่งกับเจียงหว่านกำลังเตรียมตัวจะออกไป ไม่มีใครคาดคิดได้ จ้าวเหมยเหมยจู่ ๆ ก็วิ่งเข้าไปขวางหน้าเจียงหว่าน ใช้มือผลักตรงเข้าไป

“นังแพศยา แกถือดีอะไรมาเอาเงินของตระกูลพวกเรา แกใช้ฐานะอะไร!”

ในสายตาของเธอ เรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นการชี้นำของเจียงหว่าน ก็ที่ได้รู้มาว่าตระกูลเจียงกับมู่ซื่อกรุ๊ปมีการร่วมงานกันอย่างลึกซึ้ง ส่วนตระกูลกู่นี้ คงต้องเป็นเพราะเห็นแก่หน้าเจียงหว่านจึงได้ทำแบบนี้!

การกระทำอย่างกะทันหันนี้ เจียงหว่านไม่ทันได้ตั้งตัว ขาปัดสลับไขว้ ตัวก็เซล้มไปข้างหลัง ถ้าไม่ได้มู่เซิ่งประคองรับไว้ทัน เจียงหว่านคงได้ล้มกลิ้งไปกับพื้นแล้ว

นัยน์ตาที่อมยิ้มอยู่แต่เดิมของมู่เซิ่ง พลันปกคลุมเต็มไปด้วยหมอกดำทะมึน!

เจียงหว่านถ้าถูกผลักล้ม กระแทกลงไปกับพื้นที่เป็นปูนทั้งหมดนี้ บาดเจ็บนั้นเรื่องหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคืออาจทำให้เสียโฉมก็เป็นได้!

จิตใจของคนบ้านนี้ ช่างเหี้ยมเกรียมอะไรถึงขนาดนี้!

แต่ จ้าวเหมยเหมยที่คุ้นชินกับการมองมู่เซิ่งเป็นแค่เศษขยะ ไม่ได้ไปมองหน้าเขา ยังคงเงื้อมือขึ้นต่อ ฟาดฝ่ามือลงใส่ไปที่หน้าของเจียงหว่าน

“นางแพศยา แกพูดออกมาซิ!”

สีหน้าเจียงหว่านหนาววูบ ด้วยสัญชาตญาณ หลับตาแน่นทั้งสองข้าง

แต่ทว่า ฝ่ามือนี้ไม่ทันได้ตบลง เจียงหว่านอดไม่ได้เผยอตาหรี่ขึ้นเล็กน้อยพอมองลอดออกไปดู แววตาของมู่เซิ่งหนาวเยือกเป็นน้ำแข็ง มือที่แกร่งเหมือนเหล็กทั้งคู่ จับต้นแขนจ้าวเหมยเหมยไว้แน่น

ในฉับพลันนั้น

บรรยากาศโดยรอบในรัศมีสิบลี้ ถูกควบแน่น

“ไอ้ขยะ แก แกปล่อยฉันนะ!” ในความรู้สึกที่หวาดกลัวของจ้าวเหมยเหมย แต่ปากก็ยังแข็งตะโกนด่า

นัยน์ตามู่เซิ่งดูหยาบช้า คลายมือออก ติดตามมาอย่างกระชั้น ด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ขย้ำบีบไปที่คอของจ้าวเหมยเหมย ใช้แรงส่งไปที่นิ้วทั้งห้า ยกเอาตัวของเธอลอยขึ้นเหนือพื้น

“ในเมื่อแกอยากตาย ฉันก็จะช่วยแกให้ได้สมดังใจ!”

เสียงที่หนาวเยือก เหมือนเสียงกระซิบของมัจจุราช ใส่ลงข้าหูของจ้าวเหมยเหมย

“ฉัน ฉัน……” จ้าวเหมยเหมยคิดอยากตะโกน ความรู้สึกหายใจไม่ออกปิดกั้นเสียงที่จะออกจากคอหอยในฉับพลัน

ถงเสว่เหมยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขวัญหายใจหนาวเยือกไปสุด ๆ

มีเมื่อไหร่กันที่เธอจะเห็นมู่เซิ่งแข็งกร้าวขนาดนี้?ครู่เดี๋ยวนั้นเอง แค่จะออกเสียงขอคนช่วยยังลืม

เห็นขาทั้งสองข้างของจ้าวเหมยเหมยเริ่มห้อยลงอย่างหมดแรง ตาค่อย ๆ เหลือกขาวขึ้น เจียงหว่านตกตื่นขึ้นมาทันที “มู่เซิ่ง พอแล้ว ถ้าเธอยังไม่ปล่อยเธอลง เธอต้องตายแน่ ๆ เลย”

แม้ว่าเคยเห็นมู่เซิ่งฆ่าคนมาแล้ว แต่ให้มาเห็นอีก ในบริเวณลานกว้างต่อหน้าผู้คนมากมาย เจียงหว่านก็ยังคงทำใจไม่ได้

คำว่าฆ่าคน สมัยอยู่ในแนวรบแดนเหนือ มู่เซิ่งทำมานับไม่ถ้วนครั้ง การทำให้จ้าวเหมยเหมยตาย มันยิ่งกว่าแค่เพียงบี้มดปลวกทิ้งไปเท่านั้น ในห้วงจิตใจของเขาไม่มีสะทกสะท้านอะไรแม้แต่น้อย แต่ว่าพอเจียงหว่านเอ่ยปากออกมา มู่เซิ่งก็รีบหยุดสิ่งที่ทำอยู่ในทันที เขาไม่อยากให้เจียงหว่านมีใจห่างเหินจากเขา ด้วยการกระทำของเขาในครั้งนี้

สองมือคลายออก จ้าวเหมยเหมยก็ร่วงลงกับพื้น ทั้งตัวเหมือนกุ้งแม่น้ำที่ถูกจับโยนขึ้นมาอยู่บนบก ชักกระตุกไปทั้งขาทั้งมือเพราะขาดหายใจ อ้าปากกว้างหอบเอาลมที่ผ่านจมูกมาเข้าไปอย่างเต็ม

มู่เซิ่งกวาดตามองไปอย่างหนาวเยือก พูดว่า “ถ้ามีครั้งหน้าอีก ฉันรับรองได้ พวกแกจะไม่มีทางรอดชีวิตออกพ้นสายตาฉันไปแน่!”

พูดจบ

มู่เซิ่งพาเจียงหว่านกับพวก ไม่ใส่ใจจ้าวเหมยเหมยที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่พื้น เดินลอยชายออกไป

พวกเหล่าบรรดาญาติตระกูลจ้าวยืนมองกันเซ่ออยู่ข้าง ๆ คำพูดที่มู่เซิ่งทิ้งไว้ เหมือนเสียงฟ้าผ่า เป็นเสียงระเบิดลั่นอยู่ในสมองของทุกคน ถึงแม้มู่เซิ่งไม่ได้พูดให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็ยังตกใจกลัวกันฉี่เล็ด

ไอ้เศษขยะคนนี้ กลับมีอีกด้านหนึ่งที่น่าเกรงขามสยบคนได้ด้วย!

“จ้าวเหมยเหมย ต่อไปนี้นะ เธออย่าได้ไปกวนมู่เซิ่งดีกว่านะ”

“ใช่เลย จ้าวเหมยเหมย ขนาดคนตระกูลกู่กับหลี่หรานยังดูแลเขาด้วยความเคารพยำเกรงขนาดนั้น เธอไปกวนหาเรื่องเขา มันก็คือรนไปหาที่ตายนั่นแหละ ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าเธอจะรนไปหาที่ตายเอง ก็อย่าได้ให้มาเดือดร้อนพวกเราด้วยละกัน”

“ก็นั่นสิ วัน ๆ เอาแต่ว่าเขาเป็นพวกขยะ ฉันดูเธอนะ ขยะของจริงเลยนี่แหละ”

เรื่องนี้เห็นกันชัดเจนว่าเป็นความผิดของจ้าวเหมยเหมย เหล่าบรรดาญาติทั้งหมดก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจ ต่างก็ระดมปากว่าใส่ ถึงมู่เซิ่งจะไปพ้นแล้ว พวกเขาก็ยังอยู่กับที่เดิม ชี้หน้าด่าจ้าวเหมยเหมยกันคนละยก ถึงได้จากไปอย่างสบายใจ

ให้ได้อย่างนี้ มู่เซิ่งจึงจะไม่ไปถือสาเอาความกับพวกเขามัง

“คุณแม่ แม่ไม่เป็นอะไรนะ?”

จนเหล่าบรรดาญาติตระกูลจ้าวจากออกไปจนหมดแล้ว ถงเสว่เหมยก็ได้ประคองเธอขึ้นมา ถามด้วยความห่วงใย

จ้าวเหมยเหมยอ้าปากกว้างหอบหายใจ เมื่อกี้นี้เดินเฉียดไหล่กับมัจจุราชมา ทำเอารู้สึกกลัวเอาอย่างมาก แต่ว่า พอคิดถึงเงินสี่ล้านที่ถูกมู่เซิ่งชิงไป ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาอัดเต็มในใจอีก

เธอถึงแม้จะกลัวตาย แต่ว่า เงินสี่ล้านที่หายไปนี้ ทำใจไม่ได้ยิ่งกว่าที่จะให้เธอตายเสียอีก!

“ไม่เป็นไร ลูกสาว พวกเราไป!เงินสี่ล้านนี่ พวกเราถึงยังไงก็จะไม่ให้มู่เซิ่งเอาไปได้!” จ้าวเหมยเหมยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดไปอย่างเคียดแค้น