บทที่ 191 จับมันโยนลงไป

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่191 จับมันโยนลงไป

“ไม่เป็นไร ลูก พวกเราไปกันก่อน!แต่เงินสี่ล้านนี่ แม่ไม่มีทางยอมให้มู่เซิ่งเอาไปแน่!” จ้าวเหมยเหมยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด

มู่เซิ่งให้เก่งกาจมากอิทธิพลแล้วจะทำไม?เขาก็ได้แต่ข่มขู่เราเองไปเท่านั้น มู่เซิ่งมีหรือกล้าที่จะฆ่าเธอ?

และยิ่งกว่านั้น มู่เซิ่งก็เป็นคนแย่งเอาเงินสี่ล้านที่เดิมต้องเป็นของพวกเขาไป เงินก้อนนี้ เธอจะต้องหาทางเอากลับให้ได้!

“ถงเสว่เหมย แม่เคยได้ยินว่าเธอรู้จักกับพี่ใหญ่คนหนึ่งในพวกกลุ่มสีเทา เธอไปขอร้องเขาหน่อย ให้เขาไปกระทืบไอ้มู่เซิ่งสักที เสร็จแล้ว จัดการชิงเอาเงินที่อยู่ในมือมันคืนมา เป็นยังไง?” จ้าวเหมยเหมยพูด

“ได้ค่ะ คุณแม่ หนูรู้จักเขา เขาอยู่ที่เจียงหนาน พรุ่งนี้พวกเราไปหาให้เขาช่วย!” ถงเสว่เหมยรับปากไปทันที

ผู้ชายคนนี้ เป็นเพื่อนชายคนก่อนหน้านี้ของเธอ ชื่อเจียงหง เล่น ๆ กันระยะหนึ่งแล้วก็ทิ้งเธอไป แต่ทั้งสองก็ยังมีติดต่อกันอยู่ คิดว่าใช้เงินสักหน่อยไปขอเขาช่วย น่าจะไม่มีปัญหา

“คุณเมียจ๋า คิดว่าไม่งั้นก็ช่างมันเถอะ……” ถงมู่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมาอย่างแหยง ๆ

ในใจของเขา คิดถึงการที่จะทำแบบนี้ ให้ความรู้สึกมีลางไม่ดีอยู่ตลอด

“ช่างมัน?เอาอะไรมาพูดว่าช่างมัน!เธอนี่ก็พวกขยะ ถูกเขารังแกแล้วยังคิดจะช่างมัน พูดเป็นแต่แบบนี้ มีแต่จะทำให้คนบ้านของมู่เซิ่งยิ่งทำเชิดจมูกมากขึ้น!” จ้าวเหมยเหมยขมึงตาจ้องใส่ พูดด้วยเสียงกร้าว

“เฮ้อ…….” ถงมู่ส่ายหน้า ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

เขาก็รู้อยู่ ตั้งแต่ต้นจนจบ มีแต่จ้าวเหมยเหมยเป็นต้นตอหาเรื่อง เชิดจมูกขึ้นหน้าตลอด ถ้าไม่ใช่เมียเขาคนนี้ทำเกินไป พวกเขาทั้งบ้าน ก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพต้องมาลงเอยแบบนี้

แต่โดยประจำอยู่ทุกวัน เขาถูกจ้าวเหมยเหมยด่าว่าจนกลัวหงอแล้ว เรื่องพวกนี้ ถงมู่เองได้แต่ซุกเก็บไว้ในใจ พูดออกมาไม่ได้

“ช่วงนี้ ที่บ้านผมมีงานหน่อย ผมต้องแวะไปที่บ้านดูสักหน่อย ไว้พวกคุณหาคนทำธุระกันเสร็จแล้ว ผมค่อยกลับมานะ” ถงมู่หาข้ออ้างพูดไป

“ไสหัวไปเลย เรื่องแบบนี้ไม่มีแกก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกัน!” จ้าวเหมยเหมยก็มอง ถงมู่ทะลุอยู่แล้ว พูดด้วยเสียงแค่นหัวเราะเย้ย

ถงเสว่เหมยก็ส่ายหน้าถอนหายใจ

พ่อของตัวเองแท้ ๆ ทำไมทำตัวเป็นเศษขยะถึงขนาดนี้ไปได้หนอ?

กลับไปถึงบ้าน จ้าวเหมยเหมยพบว่า ของในบ้านเธอทั้งหมด ได้ถูกบรรจุใส่หีบห่อไว้แล้วทิ้งออกมาอยู่ข้างนอก สภาพแบบนี้ ก็เหมือนกับวันนั้นที่เธอไล่คนทั้งบ้านของมู่เซิ่ง รูปแบบเหมือนกันอย่างลอกมา

จ้าวเหมยเหมยโกรธเจียนบ้า คนกลุ่มนี้ ถึงกับกล้าเข้ามายึดครองบ้านของเธอ!

เธอโวยวายขึ้นมาลั่น ทันทีนั้นก็มีกลุ่มรปภ.ที่อยู่รอบข้างเข้ามาตามเสียง แล้วก็ถูกหิ้วปีกพาตัวออกไป ชี้แจงให้รับรู้ว่ากำลังจะเริ่มลงมือทำงาน ขอให้บุคคลภายนอก อย่าได้เข้ามาในบริเวณเขตจำกัด

“จ้าวเหมยเหมย เธอเป็นอะไรไปล่ะ รอมาเสียตั้งนาน ในที่สุดเขตย่อยของพวกเราก็ถูกเวนคืนจนได้แล้ว เธอคงดีใจมากใช่ไหม?”

“ใช่สิ ฮ่า ๆ ๆ ห้องเดียวของฉันได้มาตั้งสองล้านกว่า พอไปซื้อบ้านหลังกำลังดีแล้ว ยังมีเงินเหลืออีกเพียบ ของเธอมีตั้งสองหลัง อย่างน้อยก็สี่ล้านเลยสินะ?คืนนี้เล่นไพ่นกกระจอกกันนะ?คืนนี้ฉันว่าจะจ่ายให้มันมือสักหน่อย!”

พวกเพื่อนบ้านได้รับแจ้งกันแล้ว แต่ละคนหน้าชื่นตาบานมาพูดคุยต่อหน้าจ้าวเหมยเหมยกัน

ในวันธรรมดาที่ผ่านมา จ้าวเหมยเหมยมักจะคุยอวดต่อหน้าพวกเขาจนเคย ตอนนี้กลับล่มจมไม่มีเหลือทั้งเงินทั้งบ้าน เรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ เธอจะเล่าออกมาให้พวกฟังได้ยังไง

ได้แต่แค่นหัวเราะเยือก ๆ “อ๋อใช่ พวกเราวันนี้จะไปเจียงหนานกัน”

ตอนนี้บ้านก็หลุดไปแล้ว จะอยู่ก็ไม่มีที่จะอยู่ จ้าวเหมยเหมยเองก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป สองคนกับถงเสว่เหมย ก็รีบพากันเดินทางไปเจียงหนาน

ภายในบริเวณสังเวียนมวยใต้ดินของจางเสวียนหลง

มู่เซิ่งกลับมาถึงเจียงหนาน ก็ได้รับโทรศัพท์จากจางเสวียนหลง อีกฟากโทรศัพท์บอกว่า เตาจั๋วได้รับบาดเจ็บ

ฉะนั้น มู่เซิ่งจึงปลีกเวลาตอนกลางคืนเดินทางไป ตั้งใจเข้ามาดูให้รู้สภาพเท็จจริง

เท่าที่ตัวเขาเองรู้มา เตาจั๋วนั้นถึงแม้ฝีมือจะมาเทียบเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เทียบเท่าได้กับนักบู๊ระดับปรมาจารย์อย่างโอวหยางฟู่เช่อแล้ว นอกจากพวกยอดฝีมือถือสันโดษลงมือเอง น่าจะไม่มีใครทำร้ายเตาจั๋วถึงบาดเจ็บได้

ที่ทำให้มู่เซิ่งรู้สึกแปลกใจอีกก็คือ พอเขามาถึงสังเวียนมวยใต้ดินแล้ว กลับได้เจอกับคนที่รู้จักคุ้นเคยกันอยู่คนหนึ่ง เซียวผิง

ไอ้หมอนี่โดนตบหน้าตอนอยู่ที่บ้านตระกูลหลิ่วแล้ว เก็บความแค้นต่อมู่เซิ่งอย่างเข้ากระดูก ตอนนี้พอเห็นมู่เซิ่งเข้า ก็รู้สึกคาดไม่ถึง ที่เขามานี่ เพราะทางบ้านของเขายากนักที่จะปล่อยให้เขาออกจากบ้านได้ ก็เตรียมที่จะมาระบายอารมณ์ให้ได้ผ่อนคลายหน่อย ไม่คิดว่ามู่เซิ่งจะส่งตัวเองมาขึ้นเขียงได้

“มู่เซิ่ง ช่างเหมาะเจาะดีแท้!” เซียวผิงยิ้มเยือก ๆ เดินตรงเข้ามา

ถูกขังตัวอยู่กับบ้านหนึ่งเดือน นานยิ่งกว่าที่ตระกูลไป๋อีก เล่นเอาเซียวผิงถูกขังเสียเกือบบ้า ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เรื่องที่เกิดอะไรขึ้นข้างนอก เซียวผิงก็เลยไม่ได้รู้เรื่องเอาเลย

“ฟลุ๊คจริง ไม่คิดว่าอยู่ที่นี่ ก็ยังพบคุณได้อีก” มู่เซิ่งแค่นหัวเราะชืด ๆ

“ยังหัวเราะได้อีก?อีกเดี๋ยวเถอะ ฉันว่าแกก็จะหัวเราะไม่ออกแล้ว!” เห็นท่าทางของมู่เซิ่ง ความโมโหเดือดของเซียวผิงไม่รู้ถล่มเข้ามาจากทางไหนต่อทางไหน ชี้ลงไปที่สังเวียนมวยข้างล่างพูดว่า “หนึ่งล้าน พี่เฮยเจียว พี่ช่วยผมจับมันโยนลงไปเลย!”

ในสนามมวยนอกจากเป็นที่ต่อสู้กันของนักมวยใต้ดินด้วยกันแล้ว ก็มีไม่น้อยที่คนธรรมดาจะถูกจับโยนลงไปในสังเวียน เพียงแต่ว่าคนธรรมดาพวกนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่ไปกระทบกระทั่งพวกที่ไม่ควรไปแตะต้อง ผลลัพธ์นั้น ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

เฮยเจียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งขึ้นมาในใจ ไอ้หมอนี่ ถึงกับคิดจะจับมู่เซิ่งโยนลงไปเลยหรือ?

แกไม่รู้หรือไงนั่น เฮียหู่ยอดนักมวยใต้ดินคนเดิมนั่น ทำไมตอนนี้ต้องตกต่ำถึงขนาดต้องไปเป็นยามเฝ้าประตูเขตคฤหาสน์ซีไห่?ก็เพราะไปกระทบกระทั่งคุณมู่เซิ่งนั่นแหละ!

“พี่เฮยเจียว ล้านนึงน้อยไปหรือ?ไม่เป็นไร ผมให้เพิ่มอีกสองล้าน สำหรับมิตรภาพของเรา สามล้านน่าจะมากพอนะ?” เซียวผิงพูดด้วยรอยยิ้มเหยียด ๆ สายตาจ้องอยู่ที่มู่เซิ่ง

ในสายตาของเขา มู่เซิ่งพอได้ยินว่าจะถูกจับโยนลงไปในสังเวียน จะต้องตกใจจนคุกเข่าขอขมา เสียใจกับการที่ทำไมจะต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่ว่า ที่เขาเห็นในสายตา มู่เซิ่งกลับไม่ยินดียินร้ายอะไรเอาแต่มองหน้าพวกเขา เหมือนกำลังดูตัวตลกอะไรแบบนั้น

สายตาเหยียดหมิ่นกันขนาดนั้น ก็ไปกระตุ้นความโกรธแค้นของเซียวผิงขึ้นไปอีกในฉับพลัน “พี่เฮยเจียว ผมให้ห้าล้าน ผมขอนักมวยสองคนจัดการกับมัน!”

“เพื่อนแกหรือ?” มู่เซิ่งแค่นหัวเราะ

“ไม่ ผมไม่รู้จักเขา——-”

เฮยเจียวสะท้านไปทั้งตัว เหงื่อแตกอย่างกับฝนตก อย่าว่าแต่ห้าล้านเลย ต่อให้ถึงห้าร้อยล้าน เขาก็ยังไม่กล้าแตะมู่เซิ่งเลย นี่เขาเป็นลูกพี่ของท่านหลงเลยเชียว มันนี่จะรนหาที่ตายแล้วมั้ง?

“พี่เฮยเจียว ก็ที่วันก่อนพี่ยังพูดชัด ๆ กับผมเลยว่า…….”

“หุบปาก!”

เฮยเจียวด่าออกไปลั่น ตามเสียงที่ตวาดออกไป มือข้างหนึ่งของเขากระชากคอเสื้อเซียวผิง แล้วยกเขาจนตัวลอยขึ้นมา

“พี่เฮยเจียว พี่…พี่ทำอะไรอ่ะ?ทำไมมาลงมือกับผมอ่ะ?” เซียวผิงลนลานขึ้นมา “พี่เฮยเจียว พี่จับผิดคนแล้วหรือเปล่า?”

“ผิดคน?คนที่กูจะจับก็มึงนี่แหละ!ไอ้กระจอกมีตาหมาไม่รู้จักภูผาไถ้ซาน พี่มู่นี่อย่างมึงไปกระทบกระทั่งได้ด้วยหรือ?” เฮยเจียวพูดเสียงเยือก

“พี่…….มู่?”

เซียวผิงหน้าซีดเป็นขี้เถ้าแห้ง อะไรกัน มู่เซิ่งก็แค่ไอ้ขยะเท่านั้น ทำไมเฮยเจียวไปเรียกเขาเป็นพี่นะ?

“พี่เฮยเจียว พี่จำผิดคนแน่ ๆ เลย เขาชื่อมู่เซิ่งนะ เป็นพวกกากเดน พวกเศษขยะเท่านั้นนะ!”

ขาทั้งสองของเซียวผิงถีบอยู่กับอากาศ ตะโกนพูดเสียงลั่น

เขาไม่ยอมเชื่อ มู่เซิ่งหรือจะอยู่ในฐานะขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะแสงไฟในสนามมวยใต้ดินมืดเกินไป เลยทำให้พี่เฮยเจียวเราจำคนผิด

เฮยเจียวไม่ได้ให้คำตอบเขา มองไปที่มู่เซิ่งด้วยสายตานอบน้อมยำเกรง ค้อมหัวพูดว่า “พี่มู่ จะให้จัดการไอ้หมอนี่ยังไงดี?”

“เงินห้าล้านก็เก็บมาแล้วนี่ ก็ต้องจัดการธุระให้เสร็จ ส่วนจะโยนใครลงไปนั้น คุณก็ตัดสินใจเอาเองนะ” มู่เซิ่งยิ้มเรียบ ๆ

เซียวผิงยังไม่ทันฟังชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร พี่เฮยเจียวเราปล่อยมือออก ก็ส่งโยนเขาลงไปยังสังเวียน

ปึง!

ถูกคนโยนลงไปจากบนอัฒจันทร์สูงอยู่หลายเมตร หลังของเซียวผิงกระแทกพื้น ความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวงแทบจะทำให้เขาสลบ

แต่คนดูบนอัฒจันทร์ ในนาทีนั้นเอง เดือดพล่านกันขึ้นมา

“มีคนถูกโยนลงไปแล้ว”

“ฮู้ว์ ฮู้ว์ จะได้เห็นเลือดกันซักที ทุกทีมีแต่พวกนักมวยสู้กัน ไม่เห็นจะมันสะใจกันเลย”

“ไอ้ตัวซวยคนนี้มันใครกัน ถึงขนาดให้ใช้นักมวยออกมาถึงสองคน ไอ้นี่ท่าจะไปกระทบกระทั่งเอาคนที่ไม่ควรแตะต้องแน่”

“สมน้ำหน้า ฮ่า ๆ ๆ!”

เสียงหัวเราะเอะอะระคนสะใจดังเข้าหู เซียวผิงคลานลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วก็มองไปเห็นชายฉกรรจ์ที่มีบาดแผลเต็มตัวสองคน กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา

เซียวผิงสะท้านสั่นไปทั้งตัว “พี่เฮยเจียว พี่ทำไมจับผมโยนลงมา ผมเป็นคนให้เงินพี่ไปห้าล้านนะ!”

“โอ๊ย!”

“ช่วยด้วย พอแล้ว ช่วยด้วย!”