นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 35 เขายังไม่ได้นอนกับเมียเลย
“ต่อไปห้ามเข้าป่าลึกอีกนะ ได้ยินไหม!”
เธอถลึงตาใส่อย่างดุร้าย
มือที่สวีฉางหลินกำลังตักข้าวหยุดชะงัก หันมองเมียตัวเอง
นี่นางเป็นห่วงเขา?
ในใจรู้สึกยินดีอย่างแปลกพิกล
“ได้”
พอเห็นเขารับคำง่ายๆ โจวกุ้ยหลานรู้สึกไม่ชอบใจ กลัวเขาไม่ใส่ใจ บอกอย่างดุดันว่า “ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะพาเสี่ยวเทียนแต่งกับคนอื่น! และจะเอาเงินที่เจ้าใช้ชีวิตแลกมาไปใช้ที่ตัวบุรุษอื่นด้วย! ลูกชายเจ้าก็ต้องเรียกคนอื่นว่าท่านพ่อ!”
คำพูดนี้ทำเอาสวีฉางหลินขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เมียที่เขายังไม่ได้นอนด้วยเลย จะโดนชายอื่นมานอน?
ไม่ได้!
ลูกชายเขาจะเรียกคนอื่นว่าพ่อไม่ได้!
“ข้าไม่อนุญาต!”
โจวกุ้ยหลานยิ้มเย็นบอก “เจ้าไม่มีชีวิตแล้ว จะไม่อนุญาตอะไร? ใครจะสนใจคนตาย?”
คำพูดนี้ยิ่งทำสวีฉางหลินไม่สบายใจหนักกว่าเดิม
พอคิดถึงว่าชายอื่นจะมานอนกับเมียเขา และยังจะฮุบลูกชายเขาอีก ไฟโกรธในใจเขาพลันเพิ่มขึ้นอย่างพลุ่งพล่าน หากชายผู้นั้นมายืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาต้องเอามีดฟันคอมันขาดแน่!
“คนอย่างข้าโจวกุ้ยหลานพูดจริงทำจริง เจ้าพึ่งตาย ข้าก็จะพาลูกชายหาผัวใหม่ ไม่เชื่อเจ้าลองดูสิ” โจวกุ้ยหลานแค่นเสียงเย็นชา ก้มหน้าพุ้ยข้าวเข้าปาก ค่อยๆกัดกลืน และไม่มองสวีฉางหลินอีก
ฮึ คนในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอย่างเธอยังจะจัดการผู้ชายในยุคโบราณล้าหลังนี่ไม่ได้รึ?
เสี่ยวไน่เป่าเงยหน้ามองพ่อที่กำลังโกรธอย่างงุนงง และมองหน้าแม่ที่ดูไม่ดีนักด้วยความหวาดหวั่น
พ่อแม่โกรธกันหรือ? เสี่ยวเทียนดื้อหรือ?
แม่เหมือนพูดว่าจะแต่งงานใหม่ จะไปจากบ้านนี้รึ?
ระหว่างคิด ดวงตาเขาแดงก่ำ หันมองโจวกุ้ยหลาน พูดอย่างน้อยใจว่า “แม่ไม่ต้องการพ่อแล้วรึ? ไม่ต้องการเทียนเทียนแล้วรึ?”
โจวกุ้ยหลานชะงัก หันไปมอง และเห็นดวงตาเสี่ยวไน่เป่าแดง
ไอ้หยา หัวใจเธอแทบสลายแน่ะ
โจวกุ้ยหลานรีบอุ้มเขาเข้ามา พลางเผยยิ้มปลอบ “เสี่ยวเทียนว่าง่ายนะ แม่ไม่ได้บอกอย่างนี้ แม่ไม่จากเสี่ยวเทียนไปไหนหรอก!”
“แม่เจ้าจะพาเจ้าไปจากพ่อ” สวีฉางหลินพูดอย่างจริงจังออกมาหนึ่งคำ
เสี่ยวไน่เป่าตาแดงหนักกว่าเดิม พยายามกลั้นน้ำตาไว้
โจวกุ้ยหลานปวดใจหนักมาก หันไปจิกตาใส่สวีฉางหลิน ผู้ชายคนนี้ทำเกินไปแล้วนะ กล้าใช้เสี่ยวเทียนเป็นเครื่องมือ!
ความเป็นผู้ชายมาดแมนแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงหายไปไหนล่ะ? กล้าใช้เด็กเป็นเครื่องมือ! ชิ!
ไม่สนใจสายตาอาฆาตที่ส่งมาของโจวกุ้ยหลาน สวีฉางหลินสำรวจอย่างละเอียดมาก พูดอย่างจริงจังต่อไปว่า “และจะให้เสี่ยวเทียนเรียกคนอื่นว่าพ่อ”
เสี่ยวไน่เป่าเอามือเล็กไปจับมุมเสื้อสวีฉางหลิน พยายามกลั้นน้ำตา พูดเสียงแหบเครือว่า “เสี่ยวเทียนไม่อยากจากพ่อไป…”
โจวกุ้ยหลานทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอวางตะเกียบลง ลุกขึ้นก้าวเดินเข้าไปอุ้มเสี่ยวเทียนเข้าอ้อมกอด ตบหลังเขาเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “ว่าง่ายนะ พวกเราไม่ไปจากพ่อ เสี่ยวเทียนอย่าร้องไห้ แม่ปวดใจเหลือเกิน”
หนึ่งเดือนกว่าแล้ว เสี่ยวไน่เป่ายังไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายมาตลอด ตอนนี้มาเจอแบบนี้เข้า เธอปวดใจเหลือเกิน
สวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆได้ยินโจวกุ้ยหลานพูดอย่างนี้ ก็พอใจมาก สำทับต่ออีกคำว่า “ถ้าข้าตาย เจ้าต้องครองตัวเป็นม่ายให้ข้า”
โจวกุ้ยหลานรู้สึกโกรธแทบเป็นลม เกือบโพล่งด่ากราดกับผู้ชายคนนี้แล้ว
แต่พอเห็นสายตาเสี่ยวเทียน เธอทำได้แต่กัดฟันกรอดบอกว่า “ได้! เจ้าตายแล้วข้าก็จะครองตัวเป็นม่ายให้เจ้า!”
เจ้าบ้านี่ กล้าเอาเสี่ยวไน่เป่ามาข่มขู่เธอ!
ครองตัวเป็นม่ายให้เขากะผีสิ!
นี่เขาอยากให้ตัวเองตายเร็วมากงั้นสิ!
พอได้ยินนางพูดแบบนี้ และเข้าใจว่านางจะไม่จากเขากับพ่อไป เสี่ยวไน่เป่าถึงสงบลง น้ำตาก็โดนกลืนกลับเข้าออกไป
เสี่ยวเทียนต้องว่านอนสอนง่าย อย่าทำให้แม่ไม่พอใจเด็ดขาด
ในขณะเดียวกันผู้ชายที่ได้รับการรับประกันก็พอใจ ยกชามข้าวกินต่อไป
โจวกุ้ยหลานอยากกัดเขาตายจริงๆ ผู้ชายที่ปกติเห็นซื่อตรงทึมมะลื่อไม่ซื่อเลยสักนิด
หลอกตาทั้งนั้น! ถ้าผ่าเขาออกมา หัวใจต้องเป็นสีดำแน่!
ข้าวมื้อนี้กินอย่างพลิกผันตาลปัตร หลังจากจัดการกินเสียเรียบ สวีฉางหลินยังรู้สึกว่าตนกินไปแค่หกส่วนของกระเพาะเท่านั้นเอง
พอคิดถึงสีหน้าเมียเมื่อครู่ เขาตัดสินใจไม่ไปหาเรื่องนางชั่วคราว
โจวกุ้ยหลานเก็บกวาดถ้วยชามเรียบร้อย หลังจากให้อาหารไก่กับนกกระทา ถึงมาเก็บกวาดบ้าน และพาเสี่ยวไน่เป่าไปนอนกลางวัน ด้านนอกของเตียง สวีฉางหลินหลับไปนานแล้ว
เธอกอดเสี่ยวไน่เป่า ค่อยๆย่องขึ้นเตียง เธอนอนหลับด้านใน
อาจเพราะไม่ได้เจอสวีฉางหลินมานานแล้ว เสี่ยวไน่เป่าที่ปกติจะนอนกอดโจวกุ้ยหลาน วันนี้กลับหันไปกอดสวีฉางหลินแทน
หลังจากหลับกลางวันพอ ตอนโจวกุ้ยหลานตื่น สวีฉางหลินยังไม่ตื่นเลย
เธอหันไปทำงานต่อ พอกลับมา ก็เห็นว่าสวีฉางหลินยังไม่ตื่น
พอคิดว่าเขาลำบากนัก เธอตัดสินใจเอาไก่ป่าที่เขาเอากลับมาทำน้ำซุปไก่บำรุงเขาเสียหน่อย
และเอาพุทราที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ออกมาตุ๋นซุปไก่ป่าในหม้อดินเผาที่เธอซื้อมา ส่วนอย่างอื่น เธอไม่คิดจะขายแล้ว เธอถอนขนไก่ ทาเกลือ และวางตากแห้งไว้บนกำแพง
เสี่ยวไน่เป่าตื่นแล้ว สวีฉางหลินยังไม่ตื่นเลย
พอเห็นซุปไก่ตุ๋นเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลานตักชามหนึ่งให้เสี่ยวไน่เป่า เสี่ยวไน่เป่าซดกินอย่างเอร็ดอร่อย
โจวกุ้ยหลานตักซุปชามใหญ่ออกมาอีก ใช้อีกชามใส่ไว้ วางในตะกร้า เตรียมเอาไปให้แม่และพี่ชายตนกิน
เสี่ยวไน่เป่ายังจำเรื่องตอนเที่ยงได้ เลยไม่ยอมจากโจวกุ้ยหลานไปไหน
ช่วยไม่ได้ โจวกุ้ยหลานได้แต่พาเขากลับบ้านเดิมด้วย
เธอเดินเข้าไปในบ้าน และได้ยินเสียงจากห้องครัว เลยพาเสี่ยวไน่เป่าเข้าไปในครัว และได้เห็นโจวเหล่าไท่ไท่กำลังทำอาหาร
พอเห็นเธอ โจวเหล่าไท่ไท่โจวขมวดคิ้วถาม “ทำไมเจ้ากลับมาอีกแล้วล่ะ?”
ถ้าเป็นคนอื่นมาได้ยิน คงคิดว่านางรังเกียจคนที่มา แต่โจวกุ้ยหลานรู้จักนิสัยแม่ดี อีกอย่างเธอหน้าหนา ไม่ระคายหูหรอก
“ท่านแม่ ข้าตุ๋นน้ำแกงมา ให้ท่านกับพี่ชายคนละชาม”
ระหว่างพูด ก็หยิบชามน้ำแกงออกมาจากตะกร้า
โจวเหล่าไท่ไท่พอใจ ยัดท่อนฟืนใส่ในเตา และหันมามองซุปไก่ จากนั้นถึงเปิดฝาหม้อออก หยิบทัพพีค้นไปที่ข้าวต้มรวมมิตรในหม้อเล็กน้อย
“ฉางหลินกลับมาแล้วรึ?”
“หลับอยู่ในห้องน่ะ ตอนนี้ยังไม่ตื่นเลย” โจวกุ้ยหลานตอบก่อนให้เสี่ยวไน่เป่าไปนั่งข้างๆ เธอนั่งลงหน้าเตา ยัดท่อนฟืนใส่เตา
โจวเหล่าไท่ไท่ปิดฝาหม้อ มองซุปไก่ และหยิบชามมาเทซุปไก่ใส่ลงไป จากนั้นล้างชามที่โจวกุ้ยหลานเอามาจนสะอาด
“เดี๋ยวเจ้าไปเด็ดผักกุ้ยช่ายจากด้านหลังแล้วเอากลับไปหน่อย ผัดไข่เจียวให้เขากิน เขาควรจะบำรุงสักหน่อยเหมือนกัน ไม่งั้นร่างกายจะรับไม่ไหวเอา”
โจวกุ้ยหลานก็ไม่ปฏิเสธ และเล่าเรื่องที่ตนจะสร้างบ้านให้โจวเหล่าไท่ไท่โจวฟัง
โจวเหล่าไท่ไท่ได้ยินแล้วแอบเบ้ปาก ลูกเขยคนนี้เก่งจริง จะสร้างบ้านแล้ว
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ โจวเหล่าไท่ไท่โจวเองก็ดีใจ
“ตอนนี้ในดินก็ไม่มีงานแล้ว ถึงเวลาให้พี่ชายเจ้าไปช่วย พรุ่งนี้ข้าไปบ้านลุงใหญ่เจ้าสักหน่อย ให้พวกลูกผู้พี่ชายไปช่วยพวกเจ้าด้วย แล้วข้าค่อยหาคนในสองหมู่บ้านให้เจ้าต่อ”