ตอนที่ 26 กลับสู่เมืองอิชกะ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 26 กลับสู่เมืองอิชกะ

นี่ก็สองเดือนได้แล้วมั้ง ตั้งแต่ที่ผมไม่ได้กลับมาที่เมืองอิชกะ โดยการกลับมาครั้งนี้ของผมก็มีถึงสองสิ่งที่ผมนำกลับมาด้วย

อย่างแรกก็คือดาบสีดำเล่มนี้

แน่นอนว่ามันไม่ใช่อาภรณ์วิญญาณผมหรอก มันเป็นเพียงอาวุธธรรมดาสร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กที่เป็นมนุษย์

แต่ถึงจะบอกว่าเป็นอาวุธธรรมดาแต่มันก็ถูกสร้างโดยช่างตีเหล็กของจักรวรรดิ แอด แอสเทอร่าที่มีเหล็กดำซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งเป็นวัตถุดิบในการตี เพียงแค่ก้อนเดียวก็สามารถทำให้เหรียญทองสามารถหายไปได้หลายสิบเหรียญแล้ว และสำหรับค่าใช้จ่ายของผมในครั้งนี้ก็อยู่ราวๆ 50 เหรียญทองได้

เหตุผลที่ผมหายตัวไปเสียนานเกือบสองเดือนก็เพราะมีเรื่องของดาบเล่มนี้ด้วยนี่แหละ

ส่วนเงินกว่า 50 เหรียญทองนั่นก็เป็นผลมาจากการขายซากพวกสัตว์อสูรและของที่ผมล่าได้ภายในป่าทีทิส

ของอย่างพวกหางแมนติคอร์นี่ได้ราคาดีพอสมควรเลย ก็เลยทำให้ได้เงินจากส่วนนั้นมา 10 เหรียญทอง ต่อมาก็เป็นสัตว์อสูรตัวอื่นกับสมุนไพรที่อยู่ภายในส่วนลึกของป่า

นอกจากนั้นก็ยังมีอุปกรณ์ที่หลงเหลือจากพวกนักผจญภัยที่เป็นเหยื่อของราชาแมลงวัน เนื่องจากว่ามันอาจจะสร้างปัญหาให้ผมได้ในภายหลังหากผมเอาพวกมันมาขายภายในอาณาจักรคานาเรียอีก ผมก็เลยต้องไปเคลียร์พวกมันที่จักรวรรดิแทน

สร้อยคอเสริมพลังเวท โล่กันเวท ของพวกนั้นมีราคาสูงมากจนผมทำเงินได้จากมันประมาณรวมกับของเก่าที่ 70 เหรียญทอง พอรวมเข้ากับของที่เหลืออีกนิดหน่อยก็สรุปเป็นยอดเงินทั้งหมดที่ 80 เหรียญทอง

เหรียญทองเพียงแค่เหรียญเดียวก็สามารถทำให้คนใช้ชีวิตได้สบายๆไปเดือนหนึ่งแล้ว ดังนั้นไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าผมที่มีถึง80เหรียญทองมันจะเป็นยังไง

มันเป็นเงินก้อนใหญ่พอที่จะทำให้ผมเผลอพูดออกมาได้เลยว่า “รวยแล้วสิเรา”

แต่ก็นะ กว่าครึ่งตอนนี้ก็หายไปเพราะไอ้เจ้าดาบดำนี่แล้ว แพงชะมัดเลย!

แต่มันก็ช่วยไม่ได้

ดาบสีดำมีความโดดเด่นและเป็นที่นิยมมากเนื่องจากรูปลักษณ์ที่สวยงามและคุณสมบัติที่แข็งแกร่ง แตกหักยากเมื่อเทียบกับดาบทั่วไป อีกทั้งยังมีช่างตีเหล็กน้อยมากที่จะสร้างมันขึ้นมาได้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างมาก

เอาจริงๆถ้าผมซื้อดาบปกติมาแต่แรกก็คง ได้มีเวลาเอาเงินส่วนนั้นไปหาความสุขใส่ตัวแล้ว แต่เหตุผลที่ผมจำเป็นต้องซื้อมันมาก็เพื่อจะทำให้อาภรณ์วิญญาณของผมไม่สะดุดตาคนอื่นเกินไป

ถ้าผมกลับมาที่เมือง แล้วลงเอยที่ต้องต่อสู้ต่อหน้าฝูงชนด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แล้วอยู่ดีๆก็เรียกดาบสีดำจากที่ไหนไม่รู้ออกมาคงจะเด่นไม่น้อย

นักผจญภัยบางคนอาจจะรู้ถึงการมีอยู่ของอาภรณ์วิญญาณแล้วก็ดาบเดียวมายาก็ได้ พวกเขาอาจจะเชื่อมโยงตัวผมไปถึงตระกูลมิตสึรุกิก็ได้

แถมชื่อโซระนี่มันก็ฟังเหมือนชื่อชาวตะวันออกจริงๆด้วยแหละ

เอาเป็นว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทุกประการที่อาจจะเกิดขึ้น

ผมก็เลยจำเป็นต้องพกดาบสีดำนี่ไว้ที่เอว มันจะได้ไม่เป็นที่สังเกตนักหากผมเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาในเวลาฉุกเฉิน

ก็นั่นแหละคือสาเหตุที่ผมหมดเงินไปกับไอ้เจ้านี่โดยที่ไม่เลือกเอาดาบปกติมาแทน

ก็เห็นได้ชัดแหละว่าเจ้านี่มันไม่ดีเท่าอาภรณ์วิญญาณผม แต่อย่างน้อยมันก็เป็นดาบเหมาะมือผมพอสมควร ถือว่าคุ้มกับเงินที่เสียไป

ดังนั้นตอนนี้ผมก็เลยเหลือเงินอยู่แค่ 30 เหรียญทอง

อ้อของชิ้นต่อมาที่ผมจะบอกก็คือ เด็กสาวมนุษย์สัตว์ที่กำลังแบกกระเป๋ามาให้ผมนี่แหละ

พอผมหันหลังไปหาเธอ เด็กสาวคนนั้นก็เปิดปากพูดด้วยใบหน้าเกร็งๆ

「มีอะไรให้ฉันรับใช้เหรอคะ นายท่าน?」

เพศหญิง วัยกำลังโต สุขภาพดี ทนทานต่อการต่อสู้ได้ดี

พอผมบอกลักษณะของทาสที่ต้องการให้พ่อค้าทาสฟัง เธอคนนี้มีชื่อว่า ชีล อารูส ก็คือคนที่ตรงกับเงื่อนไขทั้งหมดนั้น

ซึ่งดูเหมือนจะหมายถึง เจ้าสาวของราชสีห์ โดยชื่อดังกล่าวนั้นมักจะถูกมอบให้กับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียบ

…..แต่ถึงผมจะพูดมาขนาดนี้ แต่สภาพของยัยนี่น่ะไม่เคยถืออะไรมาก่อนนอกจากของอย่างเครื่องมือทำฟาร์มหรอกนะ จนตอนแรกนึกว่าไม่ใช่มนุษย์สัตว์ด้วยซ้ำ

「เปล่า ไม่มีอะไร」

อดไม่ได้ที่จะเหมือนรู้สึกโดนเจ้าพ่อค้าทาสนั่นแหละเลยแฮะ

แต่ก็เพราะผมบอกไปว่าต้องการ “พวกที่ทนต่อการต่อสู้ได้ดี” ไม่ใช่ “ต่อสู้เก่ง” ก็คงจะบ่นอะไรเอาป่านนี้ไม่ได้

นอกจากนี้พอผมสังเกตพฤติกรรมของเธอตลอดระยะเวลาการเดินทางจากจักรวรรดิมาที่นี่ก็พบว่าไม่มีปัญหาใดๆ

ถึงเธออาจจะยังขจัดความสับสน ความกังวลออกไปได้ไม่หมดเนื่องจากเธอเพิ่งจะเป็นทาสได้ไม่นานนี้เอง แต่ผมว่าก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ก็เหมือนกับดาบสีดำนี่แหละ ผมก็ว่าเธอก็ถือเป็นการซื้อที่คุ้มค่าดี ถึงจะไม่ได้คิดแต่แรกว่าจะต้องจ่ายไอ้ 30 เหรียญทองที่เหลืออยู่เพราะเธอจนหมดเลยก็เถอะ

ทำไมชีวิตผมต้องมาเสียเงินที่หามาได้จนหมดทุกทีเลยนะ?

เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้เสียเป็นค่าโง่เหมือนตอนโสเภณีคราวก่อนแล้วกัน

ระหว่างที่คิดเช่นนั้นอยู่ในใจ ผมก็เปิดประตูโรงแรมออก

“บ้านนกน้อยสีน้ำเงิน”

มันเป็นโรงแรมที่ทางกิลด์แนะนำหรือก็คือโรงแรมที่ผมเคยอยู่เมื่อก่อนนั่นแหละ

◆◆◆

ผมทำการจ่ายค่าที่พักล่วงหน้าเป็นจำนวนหนึ่งเดือนด้วยเหรียญเงินที่เหลืออยู่ พร้อมกับเพิ่มอีกบางส่วนเป็นทิปให้กับลูกสาวของเจ้าของโรงแรมนี้

ถึงอาจจะดูเป็นเงินที่เยอะไปมากสำหรับค่าทิป แต่ผมก็อยากจะให้เธอรับมันไว้เป็นค่าที่ผมเคยสร้างความรำคาญให้กับที่นี่

ในอนาคตผมว่าก็จะให้ทิปเท่าเดิมนี่แหละหากมีโอกาส

พอผมนึกถึงใบหน้าของเจ้าของโรงแรมแล้วก็ลูกสาวของเขาที่กำลังอยู่ในอาการสับสนพร้อมกับกลืนน้ำลายแล้ว

ก็ช่วยไม่ได้เลยแฮะที่จะรู้สึกดีเหมือนได้แก้แค้นหน่อยๆด้วย แต่เหตุผลที่ผมเลือกโรงแรมนี้จริงๆไม่ใช่แค่เพราะผมอยากจะแสดงความมั่งคั่งที่ตนมีกับพวกเขาหรอก

แต่มันเป็นเพราะโรงแรมนี้ถูกแนะนำมาโดยทางกิลด์นั่นก็หมายความว่าเหล่านักผจญภัยจำนวนมากก็จะวนเวียนเข้ามาพักที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของทางโรงแรมนี้กับกิลด์ก็ย่อมถึงกันมากอยู่แล้ว

ขนาดตอนที่ผมถูกเตะออกมาจากกิลด์ ข่าวของผมยังมาถึงนี่ภายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง

และถ้าผมเลือกที่จะอยู่ที่นี่แล้ว ข้อมูลของผมก็ย่อมไปถึงพวกกิลด์ได้อย่างง่ายดาย นั่นแหละเป้าหมายจริงๆ

ถึงความสงสัยในตัวผมที่มีต่อมิโรสลาฟก็จะหายไปแล้ว แต่เรื่องที่ผมไปทำงามหน้าไว้กับกิลด์มาสเตอร์ก็ใช่จะจบไปด้วย

ในระหว่างที่ผมยังมีข้อพิพาทกับพวกดาบฮายาบูสะ ทางกิลด์ก็ยังน่าจะจับตาดูผมในฐานะบุคคลอันตรายต่อไปแน่

นั่นเลยเป็นอีกเหตุผลที่ผมอยู่ที่นี่เพื่อจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้ง่ายขึ้น

จัดมาเลยเชิญตรวจสอบฉันได้เท่าที่พวกนายต้องการ

ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเออ ดังนั้นถ้ามันเกิดอะไรขึ้นก็หมายความว่าไม่ใช่ฝีมือผม มันยังสามารถช่วยให้กิลด์ยืนยันความบริสุทธิ์ของผมได้ง่ายขึ้นด้วย หุหุหุหุ

ก็อย่างที่ว่ามา หากมันมีอะไรเกิดขึ้นทันที่หรือไม่กี่วันหลังจากผมกลับมาที่เมืองอิชกะ มันก็คงจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

ดังนั้นผมก็เลยต้องให้เวลากับการเก็บตัวบ้างสักพัก

เรื่องแผนที่ผมเตรียมไว้ก็บอกคนคนนั้นไปแล้วด้วย ทีนี้ผมก็แค่เป็นเด็กดีแล้วรออีกสักพัก

จริงสิ กลับไปเก็บสมุนไพรต่อแล้วกัน ผมกล้าพูดเลยว่างานเก็บสมุนไพรนี้ถือเป็นงานที่เยียวยาใจผมได้เป็นอย่างดีเลย

อันที่จริงด้วยความสามารถของผมในตอนนี้ จะให้ไปสู้กับพวกมอนสเตอร์หรือพวกโจรก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก

แต่เพราะนั่นมันเป็นเควสของทางกิลด์ คนโดนขับไล่ออกมาจากกิลด์อย่างผมจึงไม่สามารถรับได้

ยิ่งไปกว่านั้น ผมคิดว่าควรจะปกปิดฝีมือของตัวเองเอาไว้ให้คนคิดว่าผมเป็นเพียงไอ้เลเวล 1 ไปก่อนจะดีกว่า

ถึงจะมีบางคนที่สงสัยอยู่ว่าผมรอดมาจากราชาแมลงวันได้ยังไง แต่ส่วนมากก็ยังจำผมในฐานะ “ปรสิต” อยู่ดีแหละนะ

ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนความคิดของพวกเขาตอนนี้

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code