ตอนที่ 25 มิโรสลาฟ ซัลซ่า 2
มิโรสลาฟ ซัลซ่าเธอเกลียดผู้ชาย
ถ้าถามว่าสาเหตุคืออะไร มิโรสลาฟก็คงจะเอ่ยชื่อพ่อของเธอเป็นอันดับแรก
เธอเกิดมาในครอบครัวของบริษัทซัลซ่า ซึ่งเป็นหนึ่งในสามบริษัทการค้าที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรคานาเรีย
โดยพ่อของเธอนั้นคือผู้ที่สร้างธุรกิจขนาดใหญ่นี้ขึ้นมาได้ภายในรุ่นเดียว
จากร้านเสื้อผ้าขนาดเล็กในหัวมุมถนนของเมืองหลวง สู่บริษัทการค้าขนาดใหญ่โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 ปี พ่อของเธอเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้านับในฐานะคนเป็นพ่อแล้วถือว่าล้มเหลว..ไม่สิเรียกว่าเลวร้ายเลยจะดีกว่า
เขามักจะมีผู้หญิงอยู่ข้างกายเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ซ้ำหน้ากันทุกวันด้วย ความต้องการในผู้หญิงของเขานั้นมันมากกว่าธุรกิจที่เขาดำเนินการเสียอีก
มิโรสลาฟก็เป็นลูกสาวของเมียน้อยคนที่เจ็ดของพ่อเธอ
แม่ของเธอเป็นนักเต้นในคาราวาน และมิโรสลาฟเกิดขึ้นมาได้เพราะความหลงใหลในการเต้นและผมสีแดงเพลิงของพ่อเธอ
ในตอนที่เธอยังเด็ก เธอไม่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลักของตระกูลซัลซ่า แต่เธออาศัยอยู่ในที่วิลล่าราคาถูก ซึ่งคนแถวนั้นก็ต่างเรียกมันว่าคฤหาสน์ของพวกเมียน้อย
เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการพูดคุยกับพ่อของเธอในวัยเด็กอยู่เลย พวกลูกๆของภรรยาเขาต่างก็ใส่เสื้อผ้าที่ดูมีสีสันกันทุกคน แต่เธอกลับใส่เพียงเสื้อผ้าบ้านๆที่ซอมซ่อซึ่งทำกันเองภายในคฤหาสน์เมียน้อย
ภายในที่พักของเธอ แม่เธอและพวกเมียน้อยคนอื่นๆจะพยายามแต่งหน้า ขัดผิว ดูแลกันและกันเพื่อรอให้พ่อของเธอที่ไม่รู้จะมาหาเมื่อไหร่
ในสายตาเธอตอนนั้น เธอมองว่าการกระทำของแม่เธอช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
เธอคิดอยู่เสมอว่าเธอจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เธอพยายามเรียนหนังสือ
เธอเลือกเส้นทางของปัญญาชนอย่างสถาบันปราชญ์
เธอพยายามขัดเกลาความรู้ของตัวเองเพื่อไม่ให้ตนกลายเป็นผู้หญิงที่ขายหน้าตาเหมือนแม่เธอ
และแม้ว่าเธอจะมีความสามารถพอจะเข้าไปเรียนได้จากความพยายามอย่างหนัก แต่สุดท้ายเธอก็ติดปัญหาตรงค่าสอบเข้าเรียนอยู่ดี
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถามพ่อของเธอ แทนที่จะไปขอทาน เธอเสนอเรื่องการลงทุนให้กับเขา
เธอเกลี้ยกล่อมพ่อของเธอว่าถ้าลูกสาวของเขาสามารถเข้าสถาบันปราชญ์ได้สำเร็จชื่อเสียงของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้นด้วย จนท้ายที่สุดเขาก็ยอมให้เงินสำหรับการสอบเข้า
ตอนที่เธอสอบผ่าน เธอร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้เองเธอก็เลยสามารถหลุดพ้นมาจากคฤหาสน์เมียน้อยนั่นได้
แต่ท้ายที่สุด กระทั่งสถาบันปราชญ์ที่เธอพยายามอย่างหนักเพื่อเข้าไป มันก็ไม่สามารถเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอได้
อุปสรรคแรกของเธอเลยก็คือรูปร่างหน้าตา
มิโรสลาฟในตอนนั้นไม่ได้มีความสนใจที่จะดูแลรูปร่างหน้าตาตัวเองเลย
ถึงเธอจะมั่นใจว่าร่างกายของเธอสะอาดดีแล้ว แต่เธอกลับไม่ได้ให้ความใส่ใจกับเส้นผมเลย กระบนใบหน้าของเธอก็เห็นได้ชัดไม่ต่างกับถุงใต้ตาที่ดำ แน่นอนว่าเธอไม่เคยแต่งหน้าเลย
การแต่งหน้ามันก็แค่เรื่องที่ผู้หญิงจะทำต่อเมื่อต้องการจับผู้ชาย นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
มากไปกว่านั้นเธอรู้สึกกลัวว่าตนจะเป็นเหมือนแม่ของเธอหากเธอเริ่มใช้มัน
เนื่องจากมิโรสลาฟเป็นคนแบบนี้ เธอจึงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากเพศตรงข้าม และถูกรังเกียจจากเพศเดียวกัน
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็ไม่คิดว่านั่นเป็นปัญหา แถมดีซะอีกที่ไม่มีคนรบกวนเธอ เธอจะได้มุ่งหน้าเรียนได้อย่างเต็มที่
เธอนั้นเป็นนักเรียนที่ยอมเยี่ยม ความรู้และความสามารถสูงกว่าพวกรุ่นพี่ของเธออย่างเห็นได้ชัด และเธอก็รู้สึกภูมิใจกับมันโดยไม่คิดจะถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย
ผลก็เลยทำให้เธอถูกกีดกันจากคนรอบข้าง ไม่เพียงแค่นั้นการกลั่นแกล้งทั้งทางตรงและทางอ้อมก็เริ่มเกิดขึ้นกับเธอ
คนที่ตามมารังควานเธอไม่ได้มีแค่ฝั่งผู้ชาย ไม่ว่าใช่เธอไม่ชอบผู้ชายแล้วผู้หญิงจะชอบเธอสักหน่อยด้วย
นั่นก็เป็นเพราะทุกครั้งที่พวกผู้หญิงกำลังคุยกันเรื่องการแต่งหน้าไม่ก็ผู้ชาย มิโรสลาฟก็มักจะมองพวกเธอด้วยสายตาที่ดูถูกว่าพวกเธอเป็นเพียงแค่พวกงี่เง่า
และความรู้สึกแบบนั้นมันก็ถ่ายทอดไปยังผู้หญิงพวกนั้นผ่านทางสายตาของเธอหมดแล้ว
จนทำให้คนรู้จักเพียงไม่กี่คนของเธอเริ่มตีตัวออกห่างไปเรื่อยๆ ก่อนที่เธอจะรู้ตัวเธอก็ไม่เหลือใครให้พูดคุยด้วยแล้วในสถาบันนี้
และคืนวันแห่งความทุกข์ก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งถึงวันที่เธอต้องออกทริปไปสำรวจระบบนิเวศเพื่อวิจัยพวกมอนสเตอร์ ตรงนั้นแหละคือจุดเปลี่ยนในชีวิตเธอ
ในตอนนั้น มิโรสลาฟได้เดินทางไปที่หมู่บ้านของราสและอิเรีย
ราสซึ่งสนใจสิ่งต่าง ๆ นอกหมู่บ้าน รู้สึกแปลกใจที่มิโรสลาฟซึ่งแก่กว่าเขาเพียงปีเดียวกำลังทำการค้นคว้าเรื่องราวต่างๆบนโลกนี้ และติดตามเธอไปรอบ ๆ ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆที่นึกออก
ตอนแรกเธอก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจนัก แต่พอเธอเห็นราสที่ปฏิบัติต่อเธอโดยไม่คำนึงถึงรูปร่างหน้าตาและเพศของเธอแล้ว เธอก็เริ่มรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้เขา
ตอนนั้นเองเธอก็เลยพบว่าราสอยากจะเป็นนักผจญภัย
สถาบันปราชญ์นั้นถึงแม้จะเป็นที่ไว้สำหรับเรียนรู้เรื่องเวทมนตร์ แต่คนส่วนมากที่จบกันก็มักจะไปเป็นนักผจญภัยเสียส่วนใหญ่
แต่นั่นมันในกรณีของพวกระดับล่างซึ่งก็มีกันซะเยอะ
สำหรับคนที่มีความสามารถจริงๆแล้ว พวกเขาจะได้รับงานให้ไปเป็นจอมเวทในวังไม่ก็นักวิจัยของสถาบันสักแห่งหนึ่งแทน
แน่นอนว่าเธอก็ตั้งใจจะเลือกเส้นทางดังกล่าว ตามความถนัดของเธอ โดยเฉพาะการใช้เวทไฟที่อยู่ในระดับสูงมากพอจะทำให้เธอเป็นคนแรกในรอบห้าปีที่มีนักวิจัยจากนอกสถาบันคอยจับตาดูเธอ
ไม่ว่าเธอจะรู้สึกดีกับราสแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถทิ้งอนาคตที่เธอพยายามสร้างมาเพื่อเด็กหนุ่มที่เด็กกว่าเธอไปปีหนึ่งได้
โชคชะตาของพวกเธอจึงจบลงตรงนั้น
แต่แล้วจู่ๆ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
มิโรสลาฟผู้ที่สามารถเรียนจบได้ก่อนกำหนดถึงสองปีด้วยวัยเพียงสิบห้า ซึ่งควรจะถูกเรียกว่าผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันในฐานะอัจฉริยะ
แต่ในวันสอบจบเธอกลับไม่ปรากฏตัวออกมา
นั่นก็เพราะเธอถูกขังไว้ภายในห้องสมุดเก่าบริเวณชั้นใต้ดินของหอพักเธอ เธอคิดจะพยายามใช้เวทในการเปิดมัน แต่เนื่องจากมันเป็นพื้นที่แคบจึงอันตรายหากใช้ไม่คิด
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังไม่สามารถทำลายเหล่าหนังสือที่แสนล้ำค่าพวกนี้ได้
แถมตัวคนร้ายจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอด้วย ถึงเธอจะพยายามอธิบายสถานการณ์และร้องเรียนให้มีการตรวจสอบอีกครั้งหลังจากเธออกมาได้ แต่มันก็กลับไม่เป็นผล
เหตุผลจริงๆก็มาจากการที่เธอไปเหยียบหางของพวกราชวงศ์เข้า เนื่องจากความอัจฉริยะของเธอมันไปบดบังคนเหล่านั้น
ส่งผลทำให้เธอไม่สามารถสอบจบได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการรับตราอันทรงเกียรติมาประดับไว้ ก่อนจะถูกบังคับให้ออกจากสถาบันไป
ตอนแรกเธอก็เป็นพวกตัวคนเดียวอยู่แล้ว พอเจอเรื่องแบบนี้ก็แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะช่วยเธอเลย จนทำให้สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเป็นนักผจญภัยแทน
ซึ่งการมีอยู่ของราสนั้นส่งผลกับการตัดสินใจนี้เป็นอย่างมาก
และเหตุผลที่เธอไม่ไปพบเขาตั้งแต่แรกก็เพราะเธอรู้สึกอับอายและไม่อยากให้เขาเห็นด้านที่แย่ของเธอ
เธอไม่สามารถบอกเขาได้ว่าเธอเลือกเป็นนักผจญภัยหลังถูกขับไล่ออกมาจากสถาบันก็เพราะเขา
พอเธอเลือกเส้นทางนี้เสร็จ เธอก็ตัดสินใจว่าจะสร้างชื่อให้ตนเองก่อนแล้วค่อยไปพบหน้าเขา
…นั่นก็ส่งผลทำให้เธอเกือบจะถูกข่มขืนตั้งแต่การเข้าปาร์ตี้ในครั้งแรก และเพราะเธอเป็นคนที่ไม่คิดจะอดทนกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ความเกลียดชังในตัวผู้ชายก็เลยทวีคูณมากยิ่งขึ้น
◆◆◆
และตอนนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มิโรสลาฟถูกต้อนจนมุมด้วยการมีอยู่ของชายคนหนึ่ง
โซระ มิทสึรุกิเขาคือความผิดพลาดของเธอเพียงอย่างเดียวในตอนนี้
มิโรสลาฟไม่ได้เพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลย แต่เธอเข้าใจดีว่าไม่ควรจะทำให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเธอตายแน่
ในตอนแรกเธอก็คิดว่าเขาจะแก้แค้นเธอโดยการลักพาตัวไปในที่ที่ไม่มีใครหาพบก่อนจะใช้ความรุนแรงกับเธอ
แต่นั่นเป็นเรื่องที่เธอคิดผิดไปตั้งแต่วันแรกที่โดนพาตัวมา
ทุกๆครั้งที่โซระถอนริมฝีปากออกจากเธอ เธอก็จะมีความรู้สึกเหมือนตนกำลังถูกดูดเอาสิ่งสำคัญออกจากร่างไป ไม่ใช่แค่ครั้งหรือสองครั้งที่เธอคิดว่าจะต้องตายแล้วแน่ๆด้วย
เธอพยายามฆ่าชาย-ไม่สิเจ้าสัตว์ประหลาดในคราบมนุษย์ตัวนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าโซระซึ่งควรจะเป็นแค่พวกเลเวล1 กลับสามารถจัดการกับเวทมนตร์ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดโซระนี่มันแข็งแกร่งเกินไป จนเธอไม่สามารถหนีออกไปไหนได้และจำใจต้องใช้ชีวิตเยี่ยงนักโทษต่อไป
ถึงเธอจะมีทางเลือกอย่างความตายอยู่ และเธอก็เคยขู่เขาไปแล้ว แต่โซระกลับพยักไหล่เบาๆให้เธอแค่นั้นจบ
เขาอาจจะคิดว่าเธอไม่สามารถเลือกความตายเป็นทางออกได้อยู่แล้ว ไม่ก็คิดว่าถึงเธอจะตายไปก็ไม่มีความสำคัญอะไรกับเขา
บางทีอาจจะเป็นอย่างแรก ไม่สิอย่างหลังก็น่าคิดเหมือนกัน
สรุปแล้วเขาอาจจะไม่ได้สนใจว่าเธอจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถึงเขาจะไม่มีเจตนาที่จะฆ่าเธอในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจหากเธอจะตายลงไป
หลังจากที่เธอมั่นใจว่าเป็นแบบนั้น มิโรสลาฟก็เลิกต่อต้าน เพราะเธอยังไม่อยากตาย
หากเขาเป็นเพียงแค่อาชญากรที่แสนน่ารังเกียจเธอก็คงจะสามารถตอบโต้กลับไปได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม และมันคงไม่จบลงที่เธอต้องยื่นริมฝีปากออกมาให้เขาเหมือนเป็นการขอจูบ
แต่เพราะเขาเป็นสัตว์ประหลาด การจะฝืนต่อต้านไปก็ไม่มีความหมายอะไร
ทุกครั้งที่เขาจูบเธอ เธอจะรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วกออกมา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นร่างกายของเธอกลับรู้สึกร้อนรุ่มและเต็มไปด้วยความพึงพอใจอย่างแรงกล้า
ร่างกายกับจิตใจของเธอมันสวนทางกันจนแทบจะทำให้เธอกลายเป็นบ้า
ถึงเธอเคยคิดจะยอมแพ้ให้กับทุกสิ่งและไม่สนใจในสิ่งที่เขาจะทำกับเธอ
แต่ถ้าทำแบบนั้นจริง บางทีเขาอาจจะหมดความสนใจในตัวเธอไปก็ได้
นั่นก็เพราะว่าเธอตอนนี้ยัง “อร่อย” อยู่จึงทำให้เขาปล่อยให้เธอมีชีวิตรอดต่อไปได้ในฐานะของ”สดใหม่”ในความหมายเชิงจิตวิญญาณ หากเหยื่อยอมแพ้ต่อทุกสิ่งและไม่ขัดขืนมันคงจะไม่อร่อย
ในส่วนลึกที่สุดของป่าทีทิส ภายในอาณาเขตของเหล่าสัตว์อสูร เหตุผลที่เขาเตรียมของมากมายไว้ให้กับเธอก็เพื่อที่จะทำให้เธอได้ยืดชีวิตของเธอให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องแสดงเหมือนกับว่าตนยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตัวเป็นเหยื่อ”สดใหม่”
เหยื่อสดๆ ใช่แล้วเธอคือเหยื่อที่สดใหม่ นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
เธอที่ถูกเลี้ยงเอาไว้เพื่อเป็นอาหารอันแสนอร่อยของสัตว์ประหลาดตัวนั้น
เหมือนกับโซระที่ครั้งหนึ่งเคยถูกราชาแมลงวันจับตัวไป
และคนที่ทำให้เขาต้องพบเรื่องแบบนั้นก็คือเธอ
โซระอาจจะรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวเช่นเดียวกับเธอก็ได้
เขาคงจะกรีดร้องออกมาว่า “ฉันยังไม่อยากตาย!” เหมือนกับเธอ
…ถึงตอนนี้มันจะสายไปแล้ว แต่ใจลึกๆของเธอก็อยากจะขอโทษเขาอย่างจริงจัง
แต่กว่าเธอจะเข้าใจมันก็เป็นตอนที่เธอได้เจอแบบเดียวกับเขา ที่แห่งนี้คือนรก นรกคนเป็น…
ถ้าคนอื่นได้มาโดนเรื่องแบบนี้ ก็คงจะไม่แปลกถ้าพวกเขาจะไม่พอใจและเกลียดชังคนที่ทำกับเขาแบบนี้ แน่นอนว่ามิโรสลาฟก็เช่นเดียวกัน
แต่สัตว์ประหลาดที่เธอเรียกว่าโซระนั้น ก็เป็นเธอเองนี่แหละที่สร้างมันขึ้นมา
นับตั้งแต่วันนั้นก็มีความคิดมากมายเข้ามาภายในหัวของเธอ และทัศนคติของมิโรสลาฟที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไป
หากอีกฝ่ายต้องการทำอะไร เธอก็จะทำก่อนที่จะถูกขอ ถึงโซระอาจจะคิดว่าเธอพยายามประชดประชันเขาอยู่ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เหมือนแต่ก่อน
ต้นตอของมันก็มาจากการที่เธออยากจะชดใช้ความผิดนี้ ถ้าเธอจะถูกเขากลืนกินเข้าไปก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
ในช่วงนั้นเองที่เป็นตอนที่มิโรสลาฟ ซัลซ่ากำลังจะถูกกลื่นกินเข้าไปจริงๆ
ไม่ใช่ร่างกายหรือวิญญาณของเธอ แต่เป็นบางสิ่งที่สำคัญไม่แพ้สองสิ่งนั้นกำลังถูกกลืนกินลงไป
เธอได้ดำดิ่งลงไปยังห้วงลึกสุดสายตาที่เธอจะสามารถมองเห็นได้เป็นครั้งแรก และเธอก็ได้พบเข้ากับ “สิ่งนั้น” ที่กักขังเธอเอาไว้ สิ่งที่กำลังทรมานเธอและกัดกินเธออยู่
สัตว์ในตำนานร่างยักษ์ที่อยู่ภายในเงาของโซระ
◆◆◆
และห้าวันหลังจากนั้น มิโรสลาฟ ซัลซ่าก็ถูกพบตัวที่บริเวณถนนของเมืองอิชกะ
เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน เจ้าหน้าที่กิลด์ นักผจญภัย รวมไปถึงสมาชิกในปาร์ตี้อย่าง ราส อิเรีย และ ลูนามาเรียที่ช่วยกันออกตามหาเธออย่างสิ้นหวังก็ต่างรู้สึกยินดีกับข่าวนี้เป็นอย่างมาก
แต่สภาพของมิโรสลาฟในตอนนี้ไม่ได้เหลือเค้าโครงของเส้นผมสีแดงเพลิงยาวเช่นในอดีตแล้ว ตอนนี้ผมของเธอถูกตัดจนสั้นเหลือแค่ถึงบริเวณบ่า
หนึ่งเดือนที่เธอหายตัวไปนี้ เหล่าผู้คนตามเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแต่เธอก็บ่ายเบี่ยงและทำการขอโทษพวกเขาแทน
โดยเธอให้เหตุผลว่าเธอรู้สึกไม่พอใจกับการกักบริเวณของกิลด์ก็เลยหนีหายไปเพื่อเป็นการประท้วง
เธอสารภาพว่าเธอออกจากห้องนั้นไปด้วยความตั้งใจของตัวเองและขอยอมรับความผิดแต่โดยดี
เมื่อพนักงานของกิลด์ทราบถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็แสดงความโกรธออกมาจนหน้าแดง
เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะพวกเขาจะไม่ยอมให้เธอได้หลอกพวกเขาแบบนี้ได้อีก
มิโรสลาฟก้มหัวของเธอขอโทษพวกเขาอย่างใจจริง ก่อนจะบอกว่าพอเธอได้อยู่คนเดียวก็เริ่มคิดอะไรหลายๆอย่างได้และจะขอรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป ด้วยคำพูดเช่นนั้น ก็ทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงด้วยดี
หลังจากที่เธอถูกต่อว่าจากทางกิลด์เสร็จ สถานการณ์โดยรวมก็ถือว่าสงบลงแล้ว
โซระซึ่งถูกติดตามอย่างลับๆ ในฐานะผู้ต้องสงสัยคนสำคัญก็ถูกคลายความสงสัยไป
สิบวันต่อมา โซระก็กลับมาที่อิชกะ
ซึ่งสิ่งที่กลับมากับเขานั้นก็คือทาสหนึ่งคน
มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นซึ่งรวมโซระเข้าไปด้วยแล้ว ที่จะรู้ว่าทาสคนนี้จะกลายเป็นต้นตอของความโกลาหลครั้งใหม่…
——–
Note 1 : สต็อกโฮล์มซินโดรมก็มาเน้อ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code