ตอนที่ 24 ฉากจบที่ใกล้เข้ามา
นี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่ที่ผมช่วยเจ้าไวเวิร์นคราม
ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วนะว่าสรุปคือมันรอดมาได้
มันร้องเสียงหลงออกมาอย่างกับหมูตอนที่กินผลรสเปรี้ยวจากต้นจิไรอาโอคุสไป แต่หลังจากนั้นไม่นานอาการของมันก็ดีขึ้น
ต้นจิไรอาโอคุสนี่ของจริงเลยแฮะ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
สำหรับเจ้าไวเวิร์นตัวนั้นตอนนี้ดูเหมือนมันจะทำรังอยู่แถวหน้าผาใกล้ๆนี่ สงสัยกะจะอยู่ที่นี่ยาวเลยสินะ
ในตอนที่มันบาดเจ็บก็ผมนี่แหละที่ดูแลมัน ดังนั้นผมก็เลยรู้สึกผูกพันกับมันอยู่หน่อยๆ บางทีความรู้สึกเราอาจจะไม่ต่างกันก็ได้
แต่ถ้าหากเราทุกคนทำแบบนี้แล้วมันทำให้สัตว์อสูรเชื่อง ก็คงไม่มีใครบนโลกนี้ลำบากกันแล้วล่ะนะ ของแบบนี้สงสัยต้องพึ่งดวงอย่างมากที่จะทำให้สัตว์อสูรมันรู้สึกผูกพันกับคนที่ดูแลมันตอนบาดเจ็บ
แต่แทนที่จะบอกรู้สึกผูกพัน น่าจะต้องบอกว่ามันตามผมมาเหมือนลูกน้องติดตามเจ้านายเลยแฮะ…ไม่สิเหมือนข้ารับใช้ที่ติดตามกษัตริย์ของพวกมันมากว่าหรือเปล่านะ?
เอาเป็นว่าสุดท้ายมันก็เชื่อฟังผมดีนะ แถมดูจะเข้าใจภาษามนุษย์ระดับหนึ่งด้วย มันก็เลยไม่ได้เพิกเฉยต่อคำสั่งของผม
ผมไม่ได้โม้นะเรื่องที่มันฟังคำสั่งผม อย่างตอนที่ผมขึ้นไปบนหลังมันแล้วสั่งให้บิน มันก็เริ่มกระโดดลงจากหน้าผาก่อนจะร่อนร่างของมันไปในอากาศ ตอนนี้คิดว่าจะตายซะแล้วสิ
หนักไปกว่านั้นดูท่าเจ้านี่จะไม่ชินกับการรับน้ำหนักที่ไม่สมดุลบนหลังของมันเอง จนร่างมันโครงเคลงไปมาทำให้สุดท้ายเลยต้องลงจอดฉุกเฉินบนต้นไม้แถวนั้นแทน
ก็คงจะไม่แปลกล่ะนะ พวกไวเวิร์นที่โตมาในธรรมชาติมันจะไปเคยให้คนขึ้นขี่บนหลังของตัวเองได้ยังไง แต่ดูท่าจะคิดน้อยไปก็เลยขอโทษมัน
สุดท้ายเจ้าไวเวิร์นดูเหมือนจะละอายใจกับความล้มเหลวของมัน มันก็หันมาทำตากลมใส่ผมเหมือนจะบอกว่า”อยากลองขี่ฉันอีกทีไหม” ซึ่งก็ดูได้จากการกระพือปีกที่แสดงแรงจูงใจนั้น
ราวกับมันต้องการโอกาสที่จะทวงคืนเกียรติยศของมันคืน ดูท่าจะมีด้านจริงจังที่เหมือนกับอัศวินด้วยแฮะ
ยังไงก็ค่อยมาลองกันใหม่ตอนผมทำอานไว้ขี่เสร็จก่อนแล้วกัน
บางทีผมอาจจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกอัศวินมังกรก็ได้ถ้ากลับไปเมืองอิชกะ ของอย่างพวก วิธีการทำอานขี่มังกร บังเหียนเอยอะไรทำนองนั้น
พวกอัศวินมังกรก็เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรคานาเรียด้วยสิ บางทีข้อมูลพวกนั้นอาจจะหาไม่ได้ง่ายๆก็ได้ เนื่องจากความลับทางการทหาร
นั่นก็เลยเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ผมต้องเลื่อนแผนการฝึกขี่ไวเวิร์นออกไปก่อน แต่แผนอื่นผมยังไปได้สวยอยู่นะ
แน่นอนว่าผมหมายถึงมิโรสลาฟ
◆◆◆
ตั้งแต่ที่ผมพามิโรสลาฟมาที่ถ้ำนี่ผมก็กินวิญญาณของเธอทุกวัน วันละ 4 เวลาไม่ว่าจะเช้า เที่ยง เย็น ค่ำ ตอนแรกเธอก็พยายามต่อต้านผมอย่างรุนแรงอยู่หรอกนะ แต่สองสามวันมานี้เหมือนเธอจะลดเหลือแค่การเม้มปากเป็นการขัดขืนแทน
จำเป็นต้องพูดไม่ใช่เรื่องของความเต็มใจหรอกมั้ง เพราะการแสดงออกของเธอมันเต็มไปด้วยความรังเกียจและความอัปยศอดสู พอผมทำเสร็จ เธอก็รีบเอาปากของตัวเองไปล้างที่ถังน้ำก่อนจะเช็ดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งถึงขั้นอาเจียนออกมาด้วย
แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ต่อต้านหนักเท่าเดิมแล้วอ่ะนะ
ถึงผมกับเธอจะไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อยเธอก็เคลื่อนไหวไปมาภายในถ้ำได้อย่างอิสระโดยไม่โดนมัดเอาไว้
อันนี้ขอเสริมนะว่า ข้างในถ้ำนี่ นอกจากที่พักของผมแล้ว ผมก็ทำที่พักไว้ให้เธอด้วยสำหรับการพักผ่อน เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว โดยที่ผมไม่สามารถเห็นได้
หากเธอต้องการจริงก็น่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ได้ยาวโดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้าผมนอกจากเวลาทานอาหาร(กินวิญญาณ)
เหตุผลที่ผมทำเช่นนี้ก็เพราะไม่อยากให้เธอพังเร็วจนเกินไปด้วยแหละ
สำหรับคนอย่างเธอที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี หากกระทั่งล้างหน้าเธอยังทำไม่ได้คงอาศัยอยู่ภายใต้ความทรมานได้ไม่เกินสิบวันแน่ ผมก็เลยต้องเตรียมอะไรหลายๆอย่างไว้ให้พร้อม
อันที่จริงหากผมไม่จับตาดูเธอไว้ตลอดเวลาแบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกตินะถ้าเธอจะคิดวางแผนลอบโจมตีหรือหลบหนี
ทำไมผมถึงบอกแบบนั้นเหรอ เพราะ5วันแรกเธอทำแบบนั้นยังไงล่ะ…แต่ถึงสุดท้ายผมจะหยุดมันไว้ได้สบายๆเลยก็เถอะ
พอเธอทำตัวแบบนั้น ผมก็เลยต้องลงโทษโดยการกินวิญญาณของเธอจนหมดสติไปแทนที่จะกินแค่สี่ครั้งต่อวัน อ้อใช่พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมลงโทษเธอที่จุดอื่นนอกจากริมฝีปากแทนนะ
หากลองทำแบบนั้นดู ผมก็จะสามารถสั่งสอนเธอโดยไม่ต้องพูดอะไรออกมาเลย ถ้าหากเธอฟังผมแต่แรกทุกอย่างก็จะจบลงแค่ที่ริมฝีปากของเธอ
เหตุผลที่ผมไม่พูดอะไรกับเธอเลยก็เพื่อให้เธอได้คิด แทนที่จะฟังคำของผมแล้วเกิดการต่อต้านอย่างไม่เต็มใจ ปล่อยให้เธอยอมทำตามที่ผมต้องการด้วยความตั้งใจของเธอเองจะเหมาะกว่านี่เนอะ
ผลที่ได้ก็คือรสชาติของวิญญาณเธอเปลี่ยนไป เมื่อมีส่วนผสมของสิ่งที่เรียกว่า 「การเชื่อฟัง」ซึ่งรวมเข้ากับความเกลียดชังและความรังเกียจ
การทดลองก็ผ่านมาได้กว่าครึ่งเดือนแล้ว ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมได้ค้นพบ
พอผมเริ่มกินวิญญาณของเธอ มิโรสลาฟก็ดูเหมือนจะแสดงอาการคล้ายกับมีความสุข
นี่อาจเป็นปฏิกิริยาป้องกันของจิตใจและร่างกายต่อการถูกกินวิญญาณ พอคิดๆดูโสเภณีจากซ่องนั่นก็มีปฏิกิริยาคล้ายๆกันนี่นา
มันทำให้ผมคิดถึงพวกแวมไพร์ที่ดูดเลือดสาวพรหมจารี พวกที่โดนดูดจะเกิดความสุขทางเพศขึ้นมา ผมว่ากรณีนี้คงจะแบบนั้นเหมือนกัน
เอาเป็นว่าผลจากมื้ออาหารที่ทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้เลเวลผมอัพขึ้นมาจาก 6 เป็น 7 แล้ว การฆ่าแมนติคอร์ไป 8 ตัวนั่นก็น่าจะมีส่วนด้วย แต่ตอนนี้สภาพของมิโรสลาฟก็เริ่มคงที่แล้ว ผมว่าถึงตอนนี้จะไม่มีพวกมันก็น่าจะสามารถเก็บเลเวลจากเธอได้สบายๆ
แถมผมยังได้ผลการทดลองอย่างการลองกินวิญญาณของเป้าหมายครั้งละมากๆในคราวเดียว ก็พบว่ามันต้องใช้เวลานานมากในการฟื้นฟูร่างเป้าหมาย และค่อนข้างจะไม่มีประสิทธิภาพ
แต่พอลองเป็นรอบแรก 5 วัน รอบต่อไปก็อีก 5 วัน และอีก 5 วัน ก็พบว่าปริมาณวิญญาณที่ผมสามารถกลืนกินได้มันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากการเชื่อฟังของเธอที่มากขึ้นด้วย
แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้ให้บริการของผมเจ้าเดียวอยู่ด้วยสิ ทางทีดีผมว่าในอนาคตคงต้องหาที่กลืนวิญญาณเพิ่มซะแล้วสิ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็จะสามารถกลืนกินวิญญาณได้มากขึ้นและภาระของฝ่ายหญิงก็ลดลงไปด้วย
เป้าหมายต่อไปจะเอาเป็นอิเรียหรือลูนามาเรียดีนะเลือกไม่ถูกเลยแฮะ
ขณะที่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็มองไปยังมิโรสลาฟที่อยู่ข้างหน้าผม
จอมเวทสาวผมสีแดงแสดงสีหน้าไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด
หากเธอปรากฏตัวออกมาในเวลาที่ผมกำหนดไว้ ผมก็จะไม่ทำอะไรเธอไปมากกว่านั้น ซึ่งหน้าตาเธอตอนนี้ก็ดูเหมือนโดนหมาจรจัดกัดเข้าและเธอจำเป็นต้องแสร้งทำเป็น”เฉยเมย”ต่ออาการนั้นเลยแฮะ
เพราะแบบนี้แหละ สภาพเธอตอนนี้ก็เหมือนกับพยายามเก็บความเกลียดชังเอาไว้ในใจ แต่หน้าที่ผมก็คือพยายามปลุกมันขึ้นมาด้วยสิเน้อ จะว่าไปก็น่าเสียดายนะ เพราะผมยังไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับอิเรียหรือลูนามาเรียพอเลย
「พูดก็พูดเถอะนี่เธอยังไม่รู้จักผู้ชายดีพอเลยนะ ไอ้ฉันก็คิดว่าเธอกับราสจะทำกันไปตั้งนานแล้วซะอีก」
「ดะ-?! มะ-ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับแกสักหน่อย!」
「ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของฉัน งั้นก็คงไม่มีปัญหาสินะถ้าฉันจะช่วงชิงมันไปน่ะ ที่ฉันไม่แตะต้องเธอก็เพราะเธอร้องไห้ขอร้องหรอกนะ แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่ต้องปล่อยไปนี่เนอะ เธอก็คงไม่ว่าอะไรมั้งถ้าฉันจะขอรับมันไปตอนนี้เลย?」
「ไม่นะ!!!」
หลังจากที่กรีดร้องออกมา มิโรสลาฟก็จ้องมาที่ผมเหมือนไม่พอใจ
เธอคงจะเริ่มเรียนรู้มาตลอดครึ่งเดือนนี้ว่าหากเธอไม่ตอบกลับอะไรผมมาเลย เธอจะต้องโดนกับอะไร
「…ฉันไม่ยอมทำเรื่องอย่างนั้นกับใครเด็ดขาด ถึงคนคนนั้นจะเป็นราสก็เถอะ…」
「งั้นเธอจะบอกว่า ถ้าไม่ใช่คนที่เป็นสามีของเธอหลังจากแต่งงานกันแล้ว เธอก็จะไม่ยอมมอบมันให้ใครเด็ดขาดสินะ?」
เอาเป็นว่าพอมาถึงตรงนี้เดี๋ยวผมจะอธิบายระบบการแต่งงานของอาณาจักรคานาเรียให้ฟังคร่าวๆแล้วกัน
ทาสไม่สามารถแต่งงานได้
พลเมืองทั่วไปได้รับอนุญาตให้มีภรรยาได้หนึ่งคนเท่านั้น
หากเป็นชนชั้นสูงระดับล่าง อย่างอัศวินหรือบารอนอนุญาตให้มีภรรยาได้สองคน
หากเป็นชนชั้นสูงระดับสูง อย่างเอิร์ลหรือสูงขึ้นไปอนุญาตให้มีภรรยาได้สามคน
ส่วนกษัตริย์ของประเทศก็สี่
เอาจริงๆระบบการแต่งงานแบบนี้ก็พบได้ทั่วไปนะ อย่างจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าก็เหมือนกัน
โดยทั่วไปมันก็คือแค่ส่วนของภรรยาตามกฎหมายแหละนะ และถ้ามีภรรยาหลายคน ก็ต้องแบ่งลำดับเป็นลำดับหนึ่งสองตามลำดับที่แต่งงาน
ส่วนคนที่อยู่ในหมวดของพวกเมียน้อยหรือคู่ขานี่ไม่นับนะ
มิโรสลาฟจะสื่อว่าถึงอีกฝ่ายจะเป็นราส เธอก็ไม่มีทางยอมมอบร่างกายของเธอให้เขา จนกว่าเธอจะได้กลายเป็นภรรยาของเขาจริงๆ
「 แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ ถ้าราสเลือกอิเรีย?」
「หึ! ไว้เดี๋ยวฉันค่อยส่งจดหมายแนะนำราสให้กลายเป็นอัศวินก็ได้ ยังไงอำนาจของบริษัทซัลซ่าก็สามารถจัดการได้สบายอยู่แล้ว」
「งั้นเหรอ」
ดูเหมือนถึงเธอจะเป็นภรรยาคนที่สอง เธอก็ยังรู้สึกภูมิใจอยู่ดีที่ได้รับป้ายว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย
บางทีเธออาจจะกำลังจินตนาการถึงเรื่องนั้นอยู่ในใจก็ได้ รอยยิ้มจึงผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
…หื้ม…อย่างที่คิด…ผมน่าจะต้องหยุดเรื่องนี้ไปก่อนเพื่อไม่ให้เธอพังเอาตอนนี้
ไม่ใช่เพราะว่าผมสนใจในความบริสุทธิ์ของเธอเป็นพิเศษด้วย ของแบบนั้นไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย
ว่าก็ว่าเถอะ ผู้หญิงคนนี้เชื่อจริงๆเหรอว่าตัวเองจะรักษาความบริสุทธิ์ไปจนกว่าจะกลับไปหาราสได้?
เห้อ ช่างไร้เดียงสาเสียจริงเลยน้อ
ผมอดไม่ได้ที่จะพูดจริงๆนะ เพราะผมตั้งใจจะแย่งชิงทุกอย่างไปจากเธออยู่แล้วในตอนสุดท้ายอยู่แล้ว ทั้งร่างและวิญญาณของเธอหลังจากที่เธอถูกแต่งเติมไปด้วยความสิ้นหวัง เห็นได้ชัดว่าผมไม่มีเจตนาที่จะให้มิโรสลาฟกลับบ้านอย่างปลอดภัยอยู่แล้ว
เธอมีอิสระที่จะฝันได้ตามใจอยาก แต่ผมก็ไม่ได้มีหน้าที่ทำตามความปรารถนาของเธอนะเห้ย
“หากเธอฟังที่ฉันพูด ฉันจะปล่อยเธอกลับไป”…ผมไม่เคยพูดสักหน่อยว่าจะทำแบบนั้น
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code