บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 172 พันปี สามตัวเลือก

หลังจากหานเจวี๋ยรู้ว่าบรรพชนพุทธภควัตที่กลับชาติมาเกิดมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี

ตบะของเขาทะลวงถึงระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะปลายเมื่อหลายปีก่อนแล้ว

เขาฝึกบำเพ็ญอย่างใจจดใจจ่อ เป้าหมายคือทะลวงระดับเซียนพิภพวัฏจักรขั้นสมบูรณ์

วันนี้ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมาหา

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามาในถ้ำเทวา

คนทั้งสองทักทายตามมารยาทรอบหนึ่ง นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรู้สึกเกรงใจขึ้นมา

“มีเรื่องใด พูดมาตามตรงเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งแสร้งไอก่อนเอ่ย “เรื่องเป็นเช่นนี้ บรรดาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเขาลูกนี้ใหญ่มาก และกว้างขวางด้วย สามารถให้สิบแปดยอดเขาเลือกศิษย์ที่โดดเด่นสักคนของแต่ละยอดเขามาฝึกฝนที่เขาลูกนี้ได้หรือไม่ จะไม่รบกวนการฝึกของท่านอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้…”

“ไม่ได้”

หานเจวี๋ยตอบอย่างสงบ

ไม่รอให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกล่าวต่อ หานเจวี๋ยพูดด้วยคำที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “แม้สำนักจะมอบทรัพยากรให้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าพลังวิญญาณบนเขาลูกนี้มาจากต้นไม้นอกถ้ำเป็นหลัก ที่มาของต้นไม้ต้นนี้ข้าไม่อาจเปิดเผยได้ หากวันนี้เรื่องแพร่งพรายออกไป วันหน้าก็จะมีคนมามากยิ่งขึ้น สำหรับข้าแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องดี”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งขมวดคิ้ว

หานเจวี๋ยช่วยสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มาหลายครั้ง สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีวันนี้ได้ ไม่มีผลงานของผู้ใดที่จะยิ่งใหญ่เทียบกับเขาได้ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ติดค้างเขามากกว่า

หากหานเจวี๋ยอยากก่อกบฏ สำนักเก้ามังกรที่มีหวงจุนเทียนเป็นคนนำกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตที่นำโดยหลิ่วปู๋เมี่ย คงจะไปเข้าร่วมกับหานเจวี๋ยในทันที

ทุกคนรู้ดีว่าเสาหลักของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์คือใคร

ในใจของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็รู้ชัดดี จึงถอนหายใจเอ่ย “ความจริงข้ารู้ชัดแจ้งดี เพียงแต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นมักจะพูดอยู่บ่อยๆ ข้าฟังจนเบื่อแล้ว หากครั้งหน้าพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้อีก ข้าจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดตรงๆ”

หานเจวี๋ยพยักหน้า กล่าวว่า “เจ้าสำนัก อย่าได้จดจ่อจิตใจทั้งหมดอยู่กับสำนัก ท่านต้องใช้เวลาฝึกบำเพ็ญด้วย สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะเดินหน้าไปได้เท่าใด ยังต้องดูตบะของท่านด้วย”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นโบกมือขวา ม้วนวิชายุทธ์และวิชาเวทแต่ละเล่มก็มาปรากฏอยู่บนโต๊ะ

นี่เป็นทรัพยากรวิชาเต๋าที่เขาได้มาจากแหวนเก็บสมบัติของศัตรูก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นวิชาเต๋าที่ค่อนข้างด้อยจำนวนหนึ่ง

“นำไปให้ในสำนักเถอะ” หานเจวี๋ยกล่าว

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งอึ้งไปนิด จากนั้นก็รีบเปิดอ่านดู

ไม่นาน เขาก็ต้องตระหนกตกใจ

วิชายุทธ์เหล่านี้…

เขาหันไปพูดกับหานเจวี๋ยอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณผู้อาวุโสหาน ต่อไปข้าจะไม่ให้คนมารบกวนท่านเด็ดขาด!”

หานเจวี๋ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งออกไปแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

หลายวันต่อมา เหล่าศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็พบว่าหอวิชายุทธ์มีวิชายุทธ์ที่ติดราคาอันน่าตกใจจำนวนไม่น้อย มีแม้กระทั่งวิชาสำเร็จเซียนด้วย!

ทั้งสำนักฮือฮายกใหญ่

หลังจากนั้น หากผู้อาวุโสคนใดมีความคิดเกี่ยวกับเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอีก ก็จะถูกนักพรตเต๋าจิ่วติ่งด่ากลับทันที

……

สามปีต่อมา

หานเจวี๋ยหยุดการฝึกแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา

เขาสาปแช่งไปด้วย ตรวจสอบกล่องจดหมายไปด้วย

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านถูกจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่านส่งไปยังแดนปีศาจ]

[สหายของท่าน จี้เซียนเสินเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x189,221

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x107,234

[โจวฝานสหายของท่านพบกับโอกาสวาสนา ได้รับถ่ายทอดสุดยอดพลังบรรพกาล]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x8,653

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x147,880

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านปลุกพลังวิเศษประจำตัว พลังมรรคเพิ่มพูน สายเลือดเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง]

……

ขณะอ่านไป สีหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความหวาดเสียว

แดนบำเพ็ญพรตอันตรายจริงๆ!

เขาไม่เป็นห่วงบรรดาศิษย์ของเขา ส่วนสิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์ เขายิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปใหญ่ หญิงสาวทั้งสามคนต่างก็พกหุ่นเชิดสวรรค์ติดตัว

หานเจวี๋ยแปลกใจมาก ด้วยพลังของจี้เซียนเสิน หากหาตัวจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพบ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำก็ยากจะหนีความตายไปได้แน่

‘เหตุใดจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถึงยังมีชีวิตอยู่’

หานเจวี๋ยคิดไม่ออก และก็ขี้เกียจจะคิดอีก

นี่คือความทุกข์ทรมานของโลกมนุษย์ ไม่เกี่ยวข้องกับเขา หรือว่าจะต้องให้เขาสังหารเผ่าปีศาจและผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหมดด้วยตนเอง?

ครึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยกำลังจะฝึกบำเพ็ญต่อ เขาก็พลันนึกถึงฉู่ซื่อเหรินขึ้นมา

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เจ้าเด็กนี่เป็นอย่างไรบ้าง

ถึงอย่างไรก็เป็นบรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด สถานะเกินจริงกว่ามู่หรงฉี่มาก หานเจวี๋ยไม่อาจลืมเลือนได้

เขาตรวจสอบข้อมูลของฉู่ซื่อเหริน และพบว่าตบะของฉู่ซื่อเหรินยังหยุดอยู่ที่ระดับหลอมปราณขั้นแปด

ผ่านมานานขนาดนี้ ตบะไม่เพิ่มเลยแม้แต่น้อย นี่คือผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศหรือ

หานเจวี๋ยแอบสงสัยกับตัวเอง

ทว่าเขาขี้เกียจจะคิดต่อ

ผ่านไปราวห้าปี

ด้านหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ฉู่ซื่อเหรินมาตรงหน้าป้ายศิลา และไปเข้าร่วมกับกลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่

ผ่านมานานหลายปี ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังคงมีศิษย์มาคุกเข่าคำนับอยู่ตลอด ใหม่เก่าสลับหมุนเวียนกันไป มักมีคนเพ้อฝันว่าจะใช้ความจริงใจทำให้หานเจวี๋ยหวั่นไหวเสมอ

ฉู่ซื่อเหรินคุกเข่ากับคนอื่นอย่างเงียบๆ เริ่มโขกศีรษะคำนับ

“หวังว่าผู้อาวุโสสังหารเทพจะเห็นด้วยกับหลักธรรมมหากุศลของข้า ร่วมกันละทิ้งการฝึกบำเพ็ญ กล่อมเกลาจิตใจศิษย์ทั้งสำนัก”

ฉู่ซื่อเหรินจินตนาการอยู่ในใจอย่างเต็มที่

……

ภายในตำหนักศิลาขนาดใหญ่หลังหนึ่ง จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สร้างจากกระดูกขาว เขาแปลงร่างเป็นมนุษย์ ใบหน้าแปลกประหลาดเคร่งขรึมเย็นชา ผมขาวทั้งศีรษะ หางจิ้งจอกสีดำขนาดใหญ่หกหางที่อยู่ด้านหลังแกว่งไปมาตามใจ พัดให้เกิดคลื่นลมเป็นระลอกๆ

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำพินิจมองชายผู้หนึ่งในตำหนักอย่างหยอกล้อ

เขาคือซูฉีนั่นเอง

ซูฉีก้มหัวคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น

“เหตุใดเจ้าถึงบากหน้ามาพึ่งข้า” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำถาม

ตอนนี้ซูฉีมีตบะระดับรวมกายา การบากหน้ามาพึ่งพาของผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำย่อมต้องการพบด้วยตัวเอง

ซูฉีทอดสายตามองไปพลางกล่าวขึ้นมา “ข้าเกลียดเผ่ามนุษย์ พ่อแม่ข้าตายตั้งแต่ข้ายังเล็ก เที่ยวระเหเร่ร่อนอยู่ในเผ่ามนุษย์หลายปี มักจะถูกโจมตีเสมอ ข้าไม่หาเรื่องมนุษย์ แต่มนุษย์มักจะมาหาเรื่องข้า ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ละโมบเกินไป เพื่อแย่งชิงสมบัติ พวกเขาถึงขั้นละทิ้งสัจธรรมที่พวกเขากล่าวถึงได้”

ได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำมีสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

เขาเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “เผ่ามนุษย์มักจะปล่อยข่าวว่าปีศาจกินมนุษย์ โทษของปีศาจไม่อาจให้อภัยได้ ปีศาจล้วนชั่วร้าย แต่ความจริงเล่า จำนวนปีศาจที่ถูกมนุษย์สังหารมากกว่ามนุษย์ที่ถูกปีศาจจับกินเสียอีก!”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำยิ่งมองซูฉีก็ยิ่งชอบ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการป้องกันโดยสิ้นเชิง

“เจ้าบากหน้ามาพึ่งข้า อยากได้สิ่งใด และสามารถช่วยข้าทำอะไรได้บ้าง” จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำหรี่ตาถาม

ซูฉีตอบ “ข้าไม่ต้องการสิ่งใด ข้าต้องการแค่สถานที่ที่สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสบายใจ ให้ข้าฝึกอยู่ใกล้ๆ จักรพรรดิปีศาจ ไม่ถูกรบกวนก็พอแล้ว หากจักรพรรดิปีศาจพบเจออันตราย ข้าจะช่วยอย่างสุดความสามารถแน่”

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำส่ายหน้าขณะหลุดยิ้ม

หากเขาพบศัตรูที่ไม่อาจต่อกรได้จริงๆ กับแค่ผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาจะช่วยอะไรเขาได้

‘ดีเลวอย่างไรก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายา เก็บไว้ก็สะดวกต่อการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว’

จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำคิดเงียบๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย

ความทะเยอทะยานของเขายิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงต้องการรวมเผ่าปีศาจให้เป็นหนึ่ง เขายังต้องการรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว และกลายเป็นเจ้าแห่งโลกมนุษย์!

……

หลายปีต่อมา

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรสี่แถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญ

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบพันปีแล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น เนื่องจากท่านรักษาเจตนาเดิมของตน ฝึกบำเพ็ญอย่างเงียบเชียบตลอด ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สุ่มรับคุณสมบัติกาย]

[สอง สุ่มเปิดระบบการทำงานใหม่]

[สาม รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

‘ฝึกบำเพ็ญแบบไม่ทำตัวโดดเด่นอยู่ตลอด มีผลดีจริงๆ ด้วย!

แต่จะเลือกอย่างไรดีล่ะ’

คุณสมบัติรากวิญญาณของหานเจวี๋ยคือร่างวิญญาณหกสาย มีส่วนช่วยด้านความเร็วของการบำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก แต่เขามักจะรู้สึกว่ายังไม่พอ ดูอย่างจี้เซียนเสินและโจวฝาน คุณสมบัติกายของพวกเขาแค่ฟังก็รู้สึกแล้วว่าร้ายกาจ

ระบบการทำงานใหม่ก็คุ้มค่าที่จะคาดหวัง

ดูจากก่อนหน้านี้ ระบบการทำงานไม่สามารถทำให้หานเจวี๋ยแข็งแกร่งได้โดยตรง และก็ไม่อาจปกป้องชีวิตด้วย ล้วนเป็นความสามารถที่ช่วยสนับสนุน

ส่วนตัวเลือกที่สาม หานเจวี๋ยไม่สนใจเลย

……………………………………….