บทที่ 173 เปิดอาณาเขตเต๋า ระดับเซียนพิภพวัฏจักรขั้นสมบูรณ์!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 173 เปิดอาณาเขตเต๋า ระดับเซียนพิภพวัฏจักรขั้นสมบูรณ์!

หลังจากลังเลอยู่นาน

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็เลือกตัวเลือกที่สอง

ระบบการทำงานใหม่!

[ท่านเลือกเปิดระบบการทำงานใหม่]

[ยินดีด้วย ท่านได้เปิดการทำงานอาณาเขตเต๋า]

[อาณาเขตเต๋า: เลือกสถานที่หนึ่งแห่งเป็นอาณาเขตเต๋า อาณาเขตเต๋ามีความสามารถจำพวกป้องกัน ปิดกั้นพลังจิต เพิ่มพูนพลังวิญญาณเป็นต้น ขีดจำกัดของความสามารถแต่ละอย่างขึ้นอยู่กับพื้นฐานตบะของเจ้าของอาณาเขตเต๋า ตบะของเจ้าของอาณาเขตเต๋ายิ่งสูง อาณาเขตเต๋าก็ยิ่งแข็งแกร่ง]

‘อาณาเขตเต๋า? เขตอาคมฉบับเพิ่มความแข็งแกร่ง?

ไม่ใช่แค่นี้! ยังมีผลลัพธ์ในการเพิ่มพูนพลังวิญญาณด้วย ค่อนข้างสุดยอดเลย!’

หานเจวี๋ยดีใจแทบบ้า เขาเลือกเปิดอาณาเขตเต๋าที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนนี่เลย

หากวันหน้าขึ้นสู่สวรรค์ เขาจะต้องพาเขาเพียรบำเพ็ญเซียนขึ้นไปพร้อมกันให้ได้

ตัวอักษรแถวหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ท่านเปิดอาณาเขตเต๋าสำเร็จ]

[อาณาเขตเต๋าในขณะนี้สามารถป้องกันการโจมตีของคนตั้งแต่ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ลงมา สามารถปิดกั้นการสอดส่องพลังจิตตั้งแต่ระดับเทพลงมาได้ ปิดกั้นมรรคาสวรรค์ได้ พลังวิญญาณเพิ่มขึ้น 5 เท่า ไอเซียนเพิ่มขึ้น 2 เท่า]

หานเจวี๋ยเบิกตากว้าง

‘ยอดเยี่ยมเช่นนี้เชียว? ครั้งนี้จะเริ่มออกบินแล้ว!

ปิดกั้นมรรคาสวรรค์หมายความว่าอย่างไร เทียบเท่ากับผลลัพธ์ของศิลาแคล้วสวรรค์หรือ’

[ปิดกั้นมรรคาสวรรค์ จะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎมรรคาสวรรค์ รวมถึงการถูกบังคับให้ขึ้นสวรรค์ด้วย]

ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็…หานเจวี๋ยจะบ่มเพาะศิษย์ทั้งหมดให้กลายเป็นเซียน ถึงตอนนั้นก็ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกัน

หากบรรดาศิษย์และศิษย์หลานล้วนบรรลุถึงระดับสูงสุดของชาติก่อน จะแข็งแกร่งเพียงใดกัน

หานเจวี๋ยสะกดความตื่นเต้นไว้ และแอบคาดเดา ‘หรือว่ายึดมั่นในมรรคจิต ยืนหยัดด้วยใจที่แน่วแน่ แล้วจะได้รับรางวัลจากระบบอย่างต่อเนื่อง?’

ในขณะเดียวกัน ใต้ต้นฝูซัง

ถูหลิงเอ๋อร์ลืมตาขึ้นมา ถามด้วยความสงสัยว่า “พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าพลังวิญญาณกำลังเพิ่มขึ้น”

ไก่คุกรัตติกาลแค่นเสียงฮึ “น่าแปลกตรงไหน เถาน้ำเต้าออกลูกแล้ว!”

ถูหลิงเอ๋อร์ได้ฟังก็รู้สึกว่าใช่

หยางเทียนตงอดมองไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทานไม่ได้

เขามีลางสังหรณ์บางอย่างว่าจะต้องเป็นฝีมือของอาจารย์แน่นอน

ช่วงเวลาต่อมา พวกเขาต้องตกใจเมื่อพบว่าพลังวิญญาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว

ไม่ถึงหนึ่งเดือน พลังวิญญาณก็เข้มข้นมากกว่าเดิมอย่างน้อยห้าเท่า!

ทุกคนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนต่างตื่นเต้นกันมาก รวมถึงหานเจวี๋ยด้วย

ไอเซียนสองเท่า ตบะของหานเจวี๋ยก็เพิ่มขึ้นทบทวีอย่างรวดเร็วเช่นกัน!

……

ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกสิบห้าปี

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับเซียนพิภพวัฏจักรขั้นสมบูรณ์อย่างราบรื่น!

เบิกบานใจนัก!

หลังจากทะลวงระดับแล้ว หานเจวี๋ยตื่นเต้นฮึกเหิม

ต่อไปก็เป็นระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรแล้ว!

พอถึงเวลานั้นต่อให้เป็นเทพยุทธ์จวี้หลิงลงมายังโลกมนุษย์ด้วยตนเอง หานเจวี๋ยก็ไม่เกรงกลัว!

หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มเฉลิมฉลอง

ในเวลาเดียวกัน

ตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังคำนับโขกศีรษะกับพื้นอย่างงกๆ เงิ่นๆ

เขาก็คือฉู่ซื่อเหริน!

คุกเข่ามาแล้วยี่สิบปี ฉู่ซื่อเหรินใกล้จะแตกสลายแล้ว

แต่นิสัยของเขาก็ดื้อรั้นเช่นนี้ ยิ่งหานเจวี๋ยไม่รับเขา เขายิ่งต้องคำนับต่อไป

เขาเชื่อในจุดหนึ่งคือ ถ้ามุ่งมั่นศรัทธาจะสมประสงค์!

ในระหว่างนี้ อาจารย์ของเขาที่เป็นผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาของยอดเขาอัสนีสวรรค์ก็มาเยี่ยมอยู่หลายครั้ง หากไม่เช่นนั้น ฉู่ซื่อเหรินคุกเข่าจนตายไปนานแล้ว

ชีวิตที่ผ่านมาของฉู่ซื่อเหรินเป็นที่เล่าลือกันทั่วในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

คุกเข่าตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยกลางคน ความตั้งใจเช่นนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

ฉู่ซื่อเหรินจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญเพื่อจะได้คุกเข่าต่อไป

พลังวิญญาณตรงตีนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเต็มเปี่ยมมาก ทำให้ตบะของฉู่ซื่อเหรินบรรลุถึงระดับสร้างฐานขั้นหนึ่งแล้ว

หลังจากทะลวงระดับ เขาก็ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญอีก

นี่คือหลักการของเขา ถ้าไม่ฝึกบำเพ็ญได้ ก็จะไม่ฝึกบำเพ็ญเด็ดขาด!

ฉู่ซื่อเหรินดึงดูดความสนใจของหยางเทียนตง ถูหลิงเอ๋อร์ และราชามังกรสามหัวด้วยเช่นกัน

“เจ้าเด็กนี่ช่างมีความพยายามจริงๆ” ราชามังกรสามหัวทำเสียงจิ๊ๆ ก่อนกล่าวด้วยความแปลกใจ

ถูหลิงเอ๋อร์ส่ายหน้าเอ่ย “ไม่ใช่แค่พยายามเท่านั้น ก่อนหน้านั้นเขาใช้เวลาแค่หนึ่งเดือนก็ทะลวงจากระดับหลอมปราณขั้นแปดจนไปถึงระดับสร้างฐานได้”

พรสวรรค์เช่นนี้มันไร้เหตุผลชัดๆ!

ในจวนเซียนสวรรค์นางไม่เคยได้ยินว่ามีพรสวรรค์เช่นนี้เลย

‘มีพรสวรรค์ระดับนี้ เหตุใดอาจารย์ถึงไม่รับเขานะ’

หยางเทียนตงดวงตาเป็นประกาย

ในที่สุดเขาก็รอจนได้พบแล้ว!

พรสวรรค์ที่ร้ายกาจกว่าฟางเหลียงและมู่หรงฉี่!

หยางเทียนตงรีบลุกขึ้น มุ่งหน้าไปคารวะหานเจวี๋ย

หลังจากเข้าไปในถ้ำเทวา เขาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ยและพูดถึงฉู่ซื่อเหริน

หานเจวี๋ยมีสีหน้าแปลกๆ

ระดับหลอมปราณขั้นแปดไปถึงระดับสร้างฐานในเวลาแค่หนึ่งเดือน?

จะยอดเยี่ยมเกินไปหน่อยแล้ว!

หานเจวี๋ยตกอยู่ในความลังเล

เขายำเกรงสถานะของบรรพชนพุทธภควัต หากสำนักพุทธจับจ้องเขาจริงๆ และเขาปฏิเสธเช่นนี้อยู่ตลอด เกรงว่าอาจจะล่วงเกินสำนักพุทธได้

เป็นถึงพระพุทธองค์แต่กลับคุกเข่าคำนับเขายี่สิบปี แสดงความจริงใจมากพอแล้ว!

‘ข้ากำลังกลัวอะไร แม้แต่เทพสงครามวังเทพ เทพปีศาจเผ่าปีศาจ และอีกาทองยังกล้ารับไว้ แล้วยังจะกลัวอิทธิพลสำนักพุทธอีกหรือ’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

หากสำนักพุทธพุ่งเป้ามาที่เขา เขาน่าจะได้รับการแจ้งเตือนเรื่องระดับความเกลียดชังแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รับเขาไว้เถอะ” หานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่สนใจ

หยางเทียนตงดีอกดีใจ รีบคารวะขอบคุณหานเจวี๋ย จากนั้นก็ออกไปอย่างไวว่อง

อู้เต้าเจี้ยนทำปากยื่นพูดว่า “เมื่อไรจะถึงตาข้าล่ะเจ้าคะ”

ตรงตีนเขาก็มีศิษย์หญิงคุกเข่าอยู่ด้วย นางเห็นหยางเทียนตงรับศิษย์ นางก็อยากทำบ้าง

หานเจวี๋ยตอบอย่างสงบ “รับศิษย์ต้องดูคุณสมบัติ”

“เอาเถอะ หวังว่าศิษย์รักของข้าจะปรากฏตัวโดยเร็ว” อู้เต้าเจี้ยนทำหน้าวาดฝันรอคอย

หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้ม

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงจุดหนึ่งขึ้นมาได้ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “บางทีศิษย์ของเจ้าอาจจะปรากฏตัวนานแล้วก็ได้”

ดวงตางดงามของอู้เต้าเจี้ยนเบิกกว้าง รีบร้อนถามว่า “อยู่ที่ใดเจ้าคะ”

“บนต้นฝูซัง”

“อีกาทอง?”

“เจ้าคู่ควรหรือ”

“แล้วเป็นใครกัน ไก่คุกรัตติกาล? สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น?”

“พวกมันจะยินยอมหรือ”

“นั่นก็ใช่”

“เมล็ดของเถาน้ำเต้าพิภพเซียน”

อู้เต้าเจี้ยนอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเข้าใจในทันที

ร่างเดิมของนางคือหญ้าโลกาสวรรค์ นางสามารถกลายร่างได้ เหตุใดเมล็ดน้ำเต้าพิภพเซียนที่มีชาติกำเนิดสูงกว่านางจะกลายร่างไม่ได้เล่า

……

บนทางขึ้นเขา

หยางเทียนตงประคองฉู่ซื่อเหรินขึ้นเขามา คุกเข่ามาแล้วยี่สิบปี เวลาเดินเท้าทั้งสองของฉู่ซื่อเหรินจึงสั่นเทิ้มไปหมด

ฉู่ซื่อเหรินฝืนยิ้มออกมา ทางหยางตงเทียนกลับตื่นเต้นมาก

ในที่สุดเขาก็รับศิษย์!

เขาเริ่มตั้งตารอดูภาพที่ฉู่ซื่อเหรินสู้ตัวต่อตัวกับฟางเหลียงและมู่หรงฉี่แล้ว

“ต่อไปนี้เจ้าคือศิษย์คนแรกของข้า ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเถอะ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง” หยางเทียนตงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ฉู่ซื่อเหรินขมวดคิ้วกล่าว “ฝึกบำเพ็ญรึ เป็นไปไม่ได้ ชาตินี้ข้าไม่อาจฝึกบำเพ็ญ ข้าอยากกราบผู้อาวุโสสังหารเทพ อยากเกลี้ยกล่อมให้ผู้อาวุโสสังหารเทพละทิ้งการฝึกบำเพ็ญไปแสวงหาหลักธรรมมหากุศลด้วยกัน”

หยางเทียนตงได้ยินก็เกือบจะสะดุดล้มหน้าทิ่ม

‘เรื่องบ้าอะไรกันนี่ ไม่อาจฝึกบำเพ็ญได้?’

หยางเทียนตงอยากโยนฉู่ซื่อเหรินลงจากเขายิ่งนัก

แต่พอครุ่นคิดดูอีกที พลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนมีเต็มเปี่ยมเช่นนี้ ต่อไปเจ้าเด็กนี่จะต้องอดใจฝึกบำเพ็ญไม่ได้อย่างแน่นอน

‘ถ้าเขาไม่ฝึกบำเพ็ญ แล้วอยู่บนเขาจะทำอะไรได้’

“เมื่อใดข้าจึงจะได้พบผู้อาวุโส…อาจารย์ปู่?” ฉู่ชื่อเหรินถามอย่างคาดหวังรอคอย

หากผู้อาวุโสสังหารเทพเป็นแกนนำละทิ้งการฝึกบำเพ็ญ ถ้าอย่างนั้นสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะต้องทำตามแน่

“อยู่ที่ผลงานของเจ้าแล้ว”

หยางเทียนตงบอกอย่างขอไปที ในใจรู้สึกไม่พอใจมาก

ศิษย์ผู้นี้ไม่มีไมตรีจิตต่อเขาเลยสักนิด!

……

ในโลกที่มืดสลัว บนพื้นดินกว้างเต็มไปศพของสัตว์ปีศาจ ไอเลือดกลายเป็นหมอกปกคลุมเต็มอากาศ

ในมือของฟางเหลียงถือกระบี่อยู่เล่มหนึ่ง กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนภูเขาซากศพ เขาหายใจหอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด

เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความยากลำบาก กลางอากาศมีร่างกำยำอยู่ร่างหนึ่ง

นั่นก็คือจี้เซียนเสิน!

จี้เซียนเสินมองเขาอยู่เช่นกัน ดวงตาทั้งสี่สบประสาน แววตาของทั้งสองคนค่อนข้างคล้ายกันทีเดียว

“เจ้าชื่ออะไร มาจากสำนักพรรคใด”

จี้เซียนเสินถามมาจากที่สูง น้ำเสียงดูหยอกล้อ

ฟางเหลียงสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะตอบ “จี้เซียนเสิน ข้ารู้จักท่าน บุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของจวนเซียนสวรรค์!”

ครั้นได้ยินเช่นนี้ มุมปากของจี้เซียนเสินยกขึ้นสูงกว่าเดิม

……………………………………….