บทที่ 174 ระดับเซียนสวรรค์วัฏจักร จักรพรรดิเทพกระบี่

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 174 ระดับเซียนสวรรค์วัฏจักร จักรพรรดิเทพกระบี่

“อ้อ? ในเมื่อเจ้าเคยได้ยินชื่อข้า ก็หมายความว่าเจ้ากับข้ามาจากโลกเดียวกัน กราบข้าเป็นอาจารย์เถอะ คุณสมบัติของเจ้าไม่เลวเลย ข้าทำให้เจ้าเป็นอันดับสองในหล้าได้!”

จี้เซียนเสินกล่าวอย่างทระนงตน เมื่อครู่เขาเห็นว่าฟางเหลียงมีคุณสมบัติไม่เลว ถึงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

ฟางเหลียงเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านคืออันดับหนึ่งในหล้า? ท่านเข้าใจเช่นนี้จริงหรือ”

จี้เซียนเสินขมวดคิ้ว ในใจลนลานเล็กน้อย

เรื่องที่เขาแพ้ให้กับหานเจวี๋ยไม่ได้แพร่งพรายออกไป คนผู้นี้รู้ได้อย่างไร

“ข้ามาจากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ท่านไปหาอาจารย์ปู่ของข้าอยู่หลายครั้ง ท่านลืมแล้วหรือ” ฟางเหลียงยิ้มถาม

สีหน้าของจี้เซียนเสินชะงักไป ความรู้สึกอั่กอ่วนและอับอายจนโกรธครอบงำจิตใจของเขา

“เจ้าเป็นศิษย์หลานของกวน…เฉาเชาหรือ” จี้เซียนเสินถามด้วยความตะลึง

“ไม่ผิด! ก่อนหน้านั้นที่ท่านไปหาอาจารย์ปู่ของข้า ข้ามองเห็นท่านจากบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน”

“เจ้า…”

ในชั่วขณะนี้ จี้เซียนเสินเกิดความรู้สึกชั่ววูบว่าอยากฆ่าคนปิดปากขึ้นมา

ทว่าฟางเหลียงเป็นถึงศิษย์ของหานเจวี๋ย เขาไม่อาจลงมือได้

มองไปทั่วโลกหล้า ก็มีแค่เฉาเชาที่เป็นสหายของเขา สหายที่จริงใจต่อกัน

ทั้งสองคนยังนัดหมายกันว่าจะต่อต้านวังสวรรค์ด้วยกันอีก!

มีมิตรภาพต่อกันเช่นนี้ ฟางเหลียงก็นับว่าเป็นชนรุ่นหลังของเขาด้วย

“ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ศิษย์หลานของสหายเฉาไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย ในเมื่อข้ากับอาจารย์ของเจ้าเป็นสหายกัน ไม่สู้พวกเรามาตะลุยแดนปีศาจด้วยกันเถอะ หากเจ้าตายอยู่ที่นี่ สหายเฉาก็จะเสียใจด้วยเหมือนกัน” จี้เซียนเสินพูดพร้อมหัวเราะลั่น ขณะเดียวกันก็ลงมาอยู่ข้างๆ ฟางเหลียง และใช้พลังวิญญาณของตนเองรักษาอาการบาดเจ็บให้

ฟางเหลียงกล่าวว่า “ความจริงข้าก็เคยเป็นศิษย์ของจวนเซียนสวรรค์ มีนามว่าฟางเหลียง ท่านเคยได้ยินหรือไม่”

จี้เซียนเสินตอบ “ไม่เคย ในจวนเซียนสวรรค์ข้าไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา และก็ไม่สนใจศิษย์คนอื่นด้วย”

‘เสแสร้งเก่งเสียเหลือเกิน!’

ฟางเหลียงแอบแขวะในใจ

แต่ว่าเขายังอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับจี้เซียนเสินมาก อันดับหนึ่งในหล้าแต่เพียงที่รู้กันภายนอก!

……

ห้าปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับเซียนสวรรค์ระยะต้นแล้ว!

พลังเวทเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด!

วิญญาณเกิดการแปรสภาพ!

สรุปได้คำเดียวว่า สดชื่น!

ทั่วทั้งเขาเพียรบำเพ็ญเซียนกำลังสั่นสะเทือน

อู้เต้าเจี้ยนถูกไล่ออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทานเมื่อหนึ่งปีก่อน นางกำลังถกปัญหาเรื่องนี้กับคนอื่นๆ

“นายท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ” ราชามังกรสามหัวถามด้วยความตกใจ

หยางเทียนตงทอดถอนใจเป็นอย่างมาก “อาจารย์ไม่เพียงแค่มุมานะฝึกบำเพ็ญ คุณสมบัติของท่านก็ทิ้งห่างจากพวกเราจนมองไม่เห็นฝุ่น”

ฉู่ซื่อเหรินได้ฟังแล้วชิงชังเหลือแสน

‘ไม่นึกว่าจะทะลวงระดับอีกแล้ว!’

ไม่ได้! เขาจะต้องขอชี้แนะให้กับอาจารย์ปู่!

เขาลุกขึ้นเดินไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทานทันที

ผลคือเพิ่งเข้าใกล้ประตูถ้ำเทวา เขาก็ถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวสะเทือนจนกระอักเลือดกระเด็นออกไป

หยางเทียนตงรีบไปรับตัวเขาไว้

ไก่คุกรัตติกาลพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม “หยางเทียนตง เจ้าต้องดูแลศิษย์ของเจ้าให้ดี หากนายท่านรู้ความคิดของเขาเข้าได้ตายอนาถแน่”

ทุกคนรู้ว่าทั้งชีวิตของหานเจวี๋ยสนใจแค่สิ่งเดียว นั่นก็คือการฝึกบำเพ็ญ

ไปเกลี้ยมกล่อมไม่ให้หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญ นั่นเป็นการรนหาที่ตายอย่างแน่นอน

หยางเทียนตงยิ้มขมขื่น เมื่อมองไปทางฉู่ซื่อเหรินที่หมดสติไปแล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

ห้าปีแล้ว!

ห้าปีเต็มๆ!

เจ้านี่ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญจริงๆ!

ไม่อยากจะเชื่อเลย!

ทำไมโลกมนุษย์ถึงมีคนแบบนี้ได้ พรสวรรค์เลิศล้ำแต่กลับไม่อยากฝึกบำเพ็ญ?

ช่างขัดมรรคาสวรรค์โดยแท้!

หากไม่ใช่ว่าคุณสมบัติอย่างฉู่ซื่อเหรินพบเจอได้ยาก หยางเทียนตงยังอยากจะตบเขาให้ตายในทีเดียว

“รอให้ถึงขีดจำกัดสูงสุด เขาก็จะรู้เองว่าต้องฝึกบำเพ็ญ” อู้เต้าเจี้ยนปิดปากยิ้มกล่าว

พอได้เห็นท่าทีของฉู่ซื่อเหริน จิตใจของนางก็สงบลงแล้ว

โชคดีที่นางไม่แย่งรับเจ้าเด็กนี่มาเป็นศิษย์

อีกาทองตัวที่ใหญ่กว่าเอ่ยปากในฉับพลัน “แม้เขาจะไม่ฝึกบำเพ็ญ แต่จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก แฝงไปด้วยกลิ่นอายที่ทำให้พวกเราพี่น้องหวาดกลัว”

เจ้ารองผงกหัว

ครั้นเอ่ยมาดังนี้ คนอื่นก็อดมองฉู่ซื่อเหรินด้วยความสงสัยไม่ได้

บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน นอกจากหานเจวี๋ยแล้วก็ไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าอีกาทองสองตัวนี้อีก!

ฉู่ซื่อเหรินมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่

……

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 1020/14,004,399]

[เผ่าพันธุ์: มนุษย์เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรระยะต้น]

[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สืบทอดได้)]

[วิชาเวท: ดรรชนีกระบี่เทพ ย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น สามกระบี่แยกเงา (ไร้เทียมทาน) ตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร มหาวายุอัสนี วิชาเทพวายุ วิชาเผยโฉม]

[พลังวิเศษ: พลังดูดวิญญาณหกสาย กระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจ ค้ำฟ้าเสมือนพสุธา เมฆตีลังกา (ขั้นไท่อี่) พลังเทพหมื่นกระบี่ คำสาปตถาคต ตราประทับหกวิถี ปราณกระบี่ฟ้าดิน (ขั้นไท่อี่) ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ (ขั้นไท่อี่) ภูษาเอกภพ ประตูวัฏจักร วิชาอัญเชิญเทพ สามเศียรหกกร]

[อาวุเวท: เข็มขัดเก็บสมบัติ กระบี่กิเลน เชือกพันธนาการปีศาจ ระฆังเพลิงอัคคี (สมบัติวิญญาณระดับหก) หนังสือแห่งความโชคร้าย (ยอดสมบัติไท่อี่) ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ (สมบัติวิญญาณระดับสาม) สร้อยเซียนคุ้มจิต (สมบัติวิญญาณระดับสาม) เบาะสงบจิตใจ (สมบัติวิญญาณระดับหกขั้นไท่อี่) กำไลวิเศษบรรลุสวรรค์ (สมบัติวิญญาณชั้นเลิศ) เกราะอ่อนทองพิสุทธิ์ (สมบัติวิญญาณระดับหกขั้นไท่อี่) รองเท้าขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้า (สมบัติวิญญาณระดับหกขั้นไท่อี่) กำไลวิญญาณ (สมบัติวิญญาณระดับห้าขั้นไท่อี่) เกี้ยวดวงชะตามังกรจักพรรดิ (สมบัติวิญญาณระดับสองขั้นไท่อี่) อาภรณ์ดวงชะตาจักรพรรดิสูงศักดิ์ (ยอดสมบัติไท่อี่) มงกุฎปีกหงส์ไท่ซี (ยอดสมบัติไท่อี่) ]

……

‘อายุขัยสิบสี่ล้านปี!

ยังจะมีใครเหมือนอีก’

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตัวพองจริงๆ แล้ว

หนึ่งพันปีบรรลุระดับเซียนสวรรค์ มองไปทั่วหล้านี้ไม่มีสองอีก!

แต่เขายังไม่อาจหยิ่งผยองได้

อีกาทองสองตัวเพิ่งจะถือกำเนิดก็มีตบะระดับมหายานแล้ว พรสวรรค์นี้ยังอยู่ในระดับล่างของเผ่าเทพอีกาทอง ยากจะจินตนาการได้ว่าบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของเผ่าเทพอีกาทองจะยิ่งใหญ่เกินจริงแค่ไหน

หานเจวี๋ยฝืนระงับอาการตื่นเต้นพลางทำตบะให้มั่นคง

[ระดับการป้องกันของอาณาเขตเต๋าถูกยกระดับถึงเซียนแท้ไท่อี่ สามารถต้านทานการโจมตีตั้งแต่ระดับเซียนแท้ไท่อี่ลงไป]

[ยินดีด้วย ท่านทะลวงถึงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักร ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบขึ้นสู่สวรรค์ กลายเป็นเทพเซียน จะได้รับหินมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง ยังไม่ขึ้นสวรรค์ในตอนนี้ ฝึกบำเพ็ญต่อ จะได้รับโอสถทองคำสำนักเต๋าหนึ่งขวด]

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันทีอย่างไม่ลังเล

ข้อมูลของโอสถทองคำสำนักเต๋าลอยขึ้นมาตรงหน้าเขา

[โอสถทองคำสำนักเต๋า: โอสถทองคำที่สำนักเต๋าสร้างสรรค์เองโดยเฉพาะ สามารถเพิ่มพลังมรรค มีผลในการชุบชีวิต รวบรวมกายเนื้อขึ้นมาใหม่ เพิ่มอายุขัยหมื่นปี]

‘ไม่เลว ไม่เลว! เก็บไว้รักษาชีวิตได้!’

แม้หานเจวี๋ยจะมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ไม่อวดดี หากวันใดกายเนื้อของเขาถูกคนสังหารทำลายล่ะจะทำอย่างไร

‘ว่าแต่ดวงวิญญาณก็สามารถกินโอสถได้หรือ

สำนักเต๋ามีของอยู่บ้างนี่’

หานเจวี๋ยทำตบะให้มั่นคงต่อไป

หนึ่งปีต่อมา ตบะของเขาก็อยู่ในระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรระยะต้นอย่างมั่นคงสมบูรณ์

เขาเรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา จากนั้นก็เริ่มทำความเข้าใจไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ

ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เขาก็เหยียบเข้าสู่แม่น้ำมรรคกระบี่

พอเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลกที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียว!

ไม่ได้เจอจั้งกูซิงตั้งนาน หานเจวี๋ยค่อนข้างคิดถึงมาก

แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยังต้องอวดให้ชมด้วย

หานเจวี๋ยเดินไปตรงหน้าจั้งกูซิง แล้วเผยตบะของตนเองออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

จั้งกูซิงรับรู้ถึงพลานุภาพของเขา จึงพยักหน้าด้วยความพอใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลวนี่ บรรลุถึงระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่…เดี๋ยวก่อน! เจ้าทำได้อย่างไร นี่เจ้าถูกจักรพรรดิเซียนยึดร่างหรือ”

น้ำเสียงของจั้งกูซิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

‘เจ้าเด็กนี่ฝึกบำเพ็ญเร็วเกินไปแล้วกระมัง! ไม่สมเหตุสมผลเลย!’

หานเจวี๋ยพูดพร้อมยิ้มบางๆ “ไม่ได้ถูกยึดร่าง เพียงมุมานะฝึกบำเพ็ญทุกวัน พยายามเต็มกำลังถึงได้มีตบะเช่นนี้”

จั้งกูซิงถามด้วยสีหน้าแปลกๆ “วังสวรรค์ลำบากแล้ว”

[ความประทับใจที่จั้งกูซิงมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ

ที่แท้พี่ใหญ่ก็ชอบแบบนี้

[จักรพรรดิเทพกระบี่เกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

……………………………………….