224 ข้อความถึงราชวงศ์
“……….คุณค่าของทหารจักรกลสูงเกินไป สินะ…….นั่นสินะ คิดอยู่แล้วว่าพวกเราไปถึงจุดนั้นแล้ว”
ฉันเสียใจนิดหน่อยที่ประกาศออกไป
ฉันพูดในเรื่องที่อดไม่ได้ที่จะบ่น และผลักซิลเลนเข้าจนมุม
เนื่องจากการมีอยู่ของแมลง คุณค่าของทหารจักรกลจึงมีสูง ก็เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี
ในมาเวเลียซึ่งไม่สามารถล่ะทิ้งอำนาจทางทหารนี้ได้ การให้คุณค่าในลักษณะนี้ จะทำให้ได้รับความชื่นชมจากประชาชน และสร้างกระแสภาษีเพื่อลงทุนในทหารจักรกล
เนื่องจากการมีอยู่ของแมลงไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ความจำเป็นของการมีทหารจักรกลอาจถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ
ฉันแอบคิดว่าการบูชาทหารจักรกลของมาเวเลียนั้นมีความจำเป็นในบางประเด็น
ทว่า การบิดเบือนที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ฉันไม่พอใจอย่างยิ่งและไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง
――แต่ก็นั้นแหละ นั่นคือจนถึงตอนนี้
“ซิล ฉันแน่ใจว่าจากนี้ไป วัฒนธรรมทหารจักรกลจะลดลง”
“นั่น สินะ……..ตอนนี้ภัยคุกคามจากแมลงได้ลดลงแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องลงทุนในทหารจักรกลอีกต่อไป”
นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ก็มีปัจจัยอื่นด้วย
“จะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าทหารจักรกลปรากฎตัว เริ่มจากคุณก่อนเน๊ะ”
“อะ อืม……….หากเป็นเช่นนั้น เราที่โดนมิโตะแซงในทันที………..”
อะ ยังคิดมากอยู่อีกเหรอ
ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นไป ฉันเดาว่าเป็นเรื่องของเวลาที่ในที่สุดจะสลัดไปได้
“แค่ลิวิเซล กับแคลนอลล์? พี่ชายกับพี่สาวของคุณ แล้วก็รองผู้บัญชาการ อิลก์
ในโอกาสนี้ ฉันจะฝึกพวกเขาเช่นเดียวกับคุณ เป็นการดีกว่าที่จะมีเบี้ยให้ได้มากที่สุด”
“”เอ๊ะ””
ซิลเลนเป็นที่รู้จักของผู้คนเป็นอย่างดี ริเพียวกับกัดดัมที่กำลังฟังอยู่เงียบ ๆ ดูประหลาดใจกับคำพูดของฉัน
“ถ้าระดับของประเทศแข็งแกร่งกว่าทหารจักรกล คุณค่าของทหารจักรกลก็จะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าราชวงศ์แข็งแกร่งกว่าทหารจักรกล ความจำเป็นของทหารจักรกลก็จะถูกตั้งคำถามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กกำพร้าทหารจักรกล ฉันคิดว่ามีแค่ซิลเลนก็ดีแล้ว
ทว่า จำนวนเด็กที่ถูกทิ้งเนื่องจากไม่สามารถขับทหารจักรกลได้เพิ่มขึ้นทุกปี
หากสิ่งนี้เกิดขึ้น จำนวนเด็กที่ไม่มีความสุขจะเพิ่มขึ้น เว้นแต่เราจะดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อตั้งคำถามถึงข้อดีข้อเสียของการมีอยู่ของทหารจักรกล
――เพราะเหตุการณ์นี้ฉันเห็นกับตา ฉันตกใจมากจริง ๆ ที่พวกเขาถูกพ่อแม่หรือตระกูลทอดทิ้งเพียงเพราะพวกเขาไม่สามารถขับทหารจักรกลได้
ใบหน้าของเด็กที่สูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ และจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากจะเห็น
ฉันแค่อยากจะแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ไม่ว่าด้วยอะไรก็ตาม
“ซิล หลังส่งต่อเรื่องที่คุยกันแล้ว ถ้าใครมีความปรารถนาก็พามาหาฉันได้ หากพวกเขาปฎิเสธก็สามารถหาคนที่คุณไว้วางใจมาแทนได้”
“ราชวงศ์เหรอ?”
“ขุนนางก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขอคนจากตระกูลระดับสูงก็ดีเน๊ะ”
“เข้าใจแล้ว เราจะลองเรียกมาดู …….คือเรื่องของท่านพี่ ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”
“ยังไม่ดีหรอก แต่ฉันจะทน”
เจ้าหมดนั่น ถ้าเขามาอยู่ใต้ฉัน ฉันจะดูแลเขาอย่างดีแน่นอน
เราตัดสินใจระงับปัญหาเด็กกำพร้าไว้ระยะหนึ่งแล้วจึงเลิกประชุม
ฉันกลับไปที่คฤหาสน์ขณะที่คุยกับซิลเลนเกี่ยวกับหลักสูตรเก็บกวาดซึ่งมีความคิดที่จะต่อสู้กับทหารจักรกลในเทศกาลฤดูหนาวเช่นกัน
ไม่สิ ยังไม่สามารถกลับเข้าไปได้
พูดให้ตรงก็คือ ฉันสามารถไปได้ไกลถึงหน้าคฤหาสน์เท่านั้น
“………..โกหกกันใช่ไหม………”
ซิลเลนพึมพำด้วยที่มืดมน
“ส่วนหนึ่งฉันก็คาดหวังไว้นิดหน่อย”
“ทำไมถึงไปคาดหวังอะไรอย่างงั้นกัน”
ก็แบบ ม๊า คำมั่นสัญญาของอุตสาหกรรมเมจิกวิชั่น หรือโรคคลั่งการทำงานล่ะมั้ง เป็นจิตวิทยาที่คล้ายกันทำนองนั่น
แต่ว่า ม๊า ก็นั่นแหละ
“………..แต่พอเห็นจริงก็ผิดหวังนิดหน่อย เล่นประสบอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้”
ที่พวกเราเห็นคือ ที่เกิดเหตุร้ายแรง ตัวถังรถครึ่งหนึ่งติดอยู่บนรั้วคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามถนน
เห็นได้ชัดว่าคราวนี้ต้นแบบก็ชนเข้ากับกำแพงคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามถนนเช่นเดิม
และ ――
“อะ เนียจ๊าง! ซิลเลนซามะ!”
อาคาชิที่กำลังฟังคำสั่งสอนของหญิงชราอย่างเงียบ ๆ ที่ด้านหน้าคฤหาสน์ พอเห็นพวกเราแล้วก็รีบวิ่งมาอย่างมีความสุข
“ดูสิดูสิ! รถม้าไม่พังล๊า! พอทำมาจากโลหะแล้วเป็นคำตอบที่ถูกต้องล๊า!”
“รั้วพังอีกแล้วใช่ไหม!! รั้ว!! อีกแล้ว!! รั้ว!!”
ฉันจะพูดอะไรได้ อืม ฉันจะพูดอะไรได้
เมื่อฉันสงสัยว่าซิลเลนอาจจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกับอาคาชิแบบนี้มานานแล้ว พอคิดได้แบบนี้ฉันเลยอยากจะใจดีกับเธอมากกว่านี้สักหน่อย
“อาเร๊ะ? เนียจ๊างจะไปหน๊ายยยย?”
“เอ๊ะ? ฉันจะเข้าบ้านไง”
“ยังก่อนยังก่อนซี๊~ ผู้นำตระกูล โอย ผู้นำตระกูล ต้องรับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ภายใต้บัญชาจริงหม๊าย ถ้าเป็นอาจารย์ของซิลซาม๊า ก็ถือว่าเป็นเจ้านายของฉ๊านด้วยจริงมั๊ย”
……..แม่นี้ท้ายที่สุดก็เป็นแค่ยัยโง่ชัด ๆ………
“บางครั้งก็รู้สึกอยากจะซัดเธอใช่ไหม?”
“ไม่ใช่บางครั้ง แต่เป็นบ่อย ๆ ต่างหากล่ะ”
“เพราะฉ๊านน่าร๊ากใช่ไหมล๊า?”
“หุบปากเดี๋ยวนี้ ถ้าเนียซัดเธอล่ะก็ได้ตายแน่ นอกจากนั้นเราเองก็จะฆ่าเธออย่างพิถีพิถันให้เอง ถ้าไม่อยากตายก็หุบปากซะ”
……..ไม่ไหวไม่ไหว มีปัญหาเป็นภูเขา………หืม?
…………
ใช่แล้ว รถม้าที่วิ่งโดยไม่ใช้ม้า สินะ
พูดอีกอย่าง นี่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีทหารจักรกล………พูดโดยสรุปก็คือ สายการผลิตของทหารจักรกลสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด เป็นการค้ารูปแบบใหม่ได้เลยไหม
………เข้าใจล่ะ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมอาคาชิถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
เธออาจจะคิดในแบบของเธอเองเพื่อทำให้การบูชาทหารจักรกลอ่อนแอลง
“เอ๊ะเฮะๆๆๆๆ ซ้า ทั้งสองโค๊น มาขอโทษด้วยก๊านเถอะ จะได้รับการยกโทษเร็ว ๆ ง๊าย!”
……….ไม่ง่ะ เป็นแค่จินตนาการชัด ๆ น๊า ฉันโกรธแล้วสิ ยัยโง่เอ๊ย
“อาร๊า ซิล วันนี้อยู่ทางนี้?”
เมื่อได้รับอนุญาตเราก็เปิดประตูเข้าไปในห้องของลูกสาวคนที่สาม แคลนอลล์ ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะของผู้บัญชาการแล้วมองผ่านกองเอกสารมา
ตอนนี้เดาว่าเธอได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่แทนได้แล้ว
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องดำเนินการ เนื่องจากแมลงและหินเวทมนตร์ของแมลงที่ถูกนำกลับมา
“ไม่ค่ะ น้องแค่แวะระหว่างทางกลับบ้านจากโรงเรียนเพียงเท่านั้น”
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เนีย・ลิสตันขอให้ทำ
หลังเลิกเรียน ซิลเลนก็กลับมาที่ปราสาท และเดินทางมาเยี่ยมที่ห้องของผู้บัญชาการของภาคีนักรบจักรกลสุนัขปีศาจ
ลิวิเซลผู้ที่เป็นทั้งพี่ชายและผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ อิลก์・สโตน กำลังออกไปสำรวจนอกป้อมด้านตะวันออก
ทหารจักรกลมากกว่าครึ่งยังคงอยู่ในสภาพไม่พร้อมรบ
นอกจากนี้ ทีมสำรวจที่จัดตั้งขึ้นก็ให้ความสำคัญกับความสามารถของนักบินเป็นหลัก ดังนั้นแคลนอลล์ซึ่งยังคงขาดประสบการณ์อย่างมากจึงต้องอยู่เฝ้าบ้าน
เธอพึ่งจะสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหารจักรกล
เราไม่มีทางเลือกนอกจากเลือกคนนี้ การสำรวจทางทิศตะวันออกซึ่งไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์หรืออะไร หากเป็นแค่ภาระก็ไม่สามารถพาไปด้วยได้
“ไม่ได้เจอกันสักพักแล้วเน๊ะ เพราะน้องเอาแต่อยู่กับเนีย・ลิสตันคนนั้นตลอดเลย”
“ค่ะ เพราะน้องสามารถทำในสิ่งที่อยากจะทำได้”
และ วันนี้เองเราก็วางแผนว่าจะกลับไปที่นั่นทันทีหลังจากที่ทำธุระเสร็จ
“ท่านพี่หญิง น้องรับฝากข้อความมาจากเนีย・ลิสตันค่ะ”
“เอ๊ะ…….?”
สามารถเห็นความตึงเครียดบนใบหน้าของแคลนอลล์ได้อย่างง่ายดาย
พี่ลิวิเซลน่าทึ่งมาก แค่แคลนอลล์รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ และด้อยกว่าเนีย・ลิสตันอย่างมาก
ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นที่ป้อมปราการด้านตะวันออก
ทุ่มเงินก้อนใหญ่ให้กับบุคคลสำคัญของประเทศ และเจรจากับราชาแบบเผชิญหน้ากัน
จ่ายเงินถึงห้าหมื่นล้านเพื่อรับซิลเลนไป
นอกจากนี้ ความปั่นป่วนจากเหตุการณ์โจมตีตอนกลางคืนไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีนัก
จริง ๆ แล้ว หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันน่าทึ่งของเนีย・ลิสตันแล้ว เธอก็คิดว่าตัวเองไม่อยากจะเจอกันอีกแล้ว
แล้วการได้รับข้อความจากบุคคลดังกล่าง
ไม่มีทางที่จะไม่ทำให้กังวล
“ระ รอเดี๋ยวก่อน? เรื่องนั้น คือ………..ต้องการหัวของฉัน?”
“เธอถึงจะรุนแรงไปบ้างแต่ไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขนาดนั้นหรอกนะคะ”
ตอนที่ซิลเลนถูกซื้อไปด้วยราคาห้าหมื่นล้าน เธอเองก็แอบเหงื่อตกไม่น้อย แต่แต่เนีย・ลิสตันก็ค่อนข้างอ่อนโยน และไม่ไร้เหตุผลขนาดนั้น
แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ประเทศของเธอเอง เธอลงทุนทรัพย์สินส่วนตัว ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า ดังนั้นเธอคงไม่ต้องการสิ่งนั้นโดยไม่มีเหตุผล
“――ทำไมคุณไม่ฝึกภายใต้ฉันและแข็งแกร่งกว่าทหารจักรกลล่ะ ท่านพี่ชาย และคุณ และอิลก์โดโนะ ยังไงก็ตาม น้องวางแผนที่จะแข็งแกร่งกว่าทหารจักรกลค่ะ”
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ