ตอนที่ 223 คุณค่าของทหารหมีมีค่าเกินไป

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

223 คุณค่าของทหารจักรกลมีค่าเกินไป

 

” ――ย้า คุณหนู ข้าดีใจที่เห็นท่านยังสบายดี”

 

สามเดือนแล้วที่พวกฉันมาที่มาเวเลีย

กัปตันริกเนอร์ อดีตโจรสลัดอากาศที่บอกว่าจะมาตรวจฉันทุก ๆ สามเดือน เดินทางมาถึงด้วยเรือเหาะของฉัน

 

“ข้าขนสัมภาระมาเยอะมาก ดังนั้นกรุณานำกลับบ้านไปด้วย แล้วเจอกัน!”

 

แล้วเขาก็จากไป

 

………ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าอยู่นานไม่ได้ แต่ไม่หนีเร็วเกินไปหน่อยเหรอ ทั้งที่ฉันพึ่งมาถึงท่าเรือเท่านั้นเอง

 

ม๊า ฉันได้สรุปคำขอของฉันไว้ในจดหมายแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่มีอะไรจะพูดคุยโดยตรง

ยังไงเขาจะกลับมาอีกครั้งภายในสามเดือน ดังนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้น ในตอนนั้นฉันจะให้เขานำจดหมายกลับไปด้วย

 

กล่องไม้เล็ก ๆ สองกล่องถูกทิ้งไว้หน้าเรือเหาะของฉัน ซึ่งกำลังเตรียมออกเดินทางแล้ว

ฉันไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร แต่ดูเหมือนน่าจะมีจดหมายอยู่ข้างใน ดังนั้นฉันจะเปิดมันเมื่อกลับถึงบ้าน

 

“ริโนกิส อาคาชิ จัดการสัมภาระทีได้ไหม?”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

“ได้จ๊า~”

 

ดีละถ้าอย่างนั้น

 

“จ๊า ซิล ไปกันเถอะ”

 

“อา”

 

การกลับมาพบกันอีกครั้งกับริกเนอร์จบลงเร็วมาก

ฉันคิดว่าเราจะไปทานอาหารเย็นที่ไหนสักแห่ง และถามเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของอาร์ตัวร์ แต่เขาก็กลับไปในเวลาอันสั้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ

 

ม๊า ตราบใดที่เขาทำในสิ่งที่ต้องทำก็ไม่เป็นไร

ฉันได้เขียนจดหมายและให้เขานำมันกลับไปแลกกับจดหมายและสัมภาระจากอาร์ตัวร์

 

ไม่สิ ม๊า ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ที่นี่ เพราะยังอยู่ระหว่างเตรียมตัวออกจากท่าเรือ

ยังไงก็ตาม ในเมื่อตัดสินใจที่จะกลับแล้ว พวกฉันก็ตัดสินที่จะไปยังที่นัดหมายถัดไป

 

ฉันแยกทางกับริโนกิสและอาคาชิที่ท่าเรือ

 

“――ฮี่ฮ๊า~!”

 

“――เร็ว!ความเร็ว!! ใช้ความเร็วมากไปแล้ว!!”

 

พวกอาคาชิได้ขนสัมภาระขึ้นรถม้าต้นแบบ และพุ่งออกไปข้างหน้าตอนที่ฉันก้าวไปข้างหน้าได้แค่ก้าวเดียว

ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

ด้วยความเร็วมาก ๆ จนทิ้งเพียงเสียงไว้ข้างหลัง

 

“ถึงความเร็วจะเพิ่มขึ้น แต่เลี้ยวได้ช้าอย่างงั้น จะไม่เป็นเรื่องร้ายแรงใช่ไหม?”

 

“……..ม๊า ก็ยังเป็นแค่ต้นแบบล่ะนะ แต่ฉันคิดว่าก็เยี่ยมแล้วสำหรับต้นแบบ”

 

อื~ม

ฉันคิดว่าเรือเดี่ยวก็ดีแล้วน๊า ……..แต่ตอนที่ฉันนั่งมาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

 

 

 

“――ครั้งนี้ เราเสียใจจริง ๆ ที่คุณเหมือนถูกยัดเยียดให้มาจัดการเรื่องที่ผิดพลาดของรัฐบาล”

 

“――ไม่เลย ไม่เลยเพคะ เรื่องแค่นี้เอง! นี่ก็เป็นงานเช่นกันเพคะ!”

 

พวกเรามาที่สมาคมการค้า

 

เมื่อซิลเลนเข้าไปในห้องส่วนตัวพร้อมกับพนักงานต้อนรับสาวริเพียว เธอก็ขอโทษเป็นอย่างแรก ――นั่นเป็นประโยคเดียวกันกับตอนที่ฉันบอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์นี้

 

นี่คือเรื่องเกี่ยวกับเด็กกำพร้าทหารจักรกลเมื่อวันก่อน

ในครั้งนี้ ฉันเช่าบ้านหลังใหญ่ให้มีที่อยู่อาศัยที่มีความปลอดภัย  ด้วยความช่วยเหลือทางการเงินจากฉัน พวกเขาก็สามารถจัดการเรื่องอาหารได้แล้ว ฉันคิดว่าตอนนี้อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลายแล้ว อย่างน้อยก็ในแง่สภาพแวดล้อม

 

ทว่า นั่นคือทั้งหมดที่ฉันสามารถทำได้แล้ว และไม่มีทัศนวิสัยที่มากไปกว่านั้น

ฉันไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ตลอดไป และประการแรก ถ้ามีคนจากประเทศอื่นทำอะไรแบบนี้ ก็จะดูเหมือนว่าพวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการเมืองของมาเวเลีย มันก็อาจจะดูเป็นเช่นนั้น มีเรื่องให้กล่าวหาได้มากมาย

 

ยังไงก็ตาม ฉันไม่มีปัญหา แต่อาจมีผลสะท้อนกลับต่อเด็กกำพร้าบ้าง ท้ายที่สุดแล้ว ก็จะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากไม่ทำให้เกิดความปั่นป่วนใด ๆ

 

ด้วยคำแนะนำของอาคาชิ ฉันจึงตัดสินใจให้ซิลเลนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

 

“――อันที่จริงเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง……..แต่จากสิ่งที่เราได้ยินแล้ว อาจจะเป็นการดีกว่าหากเราจะลงมือทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

แม้ว่าซิลเลนจะเป็นสมาชิกของราชวงศ์ แต่เธอก็ยังมีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น และยังเป็นนักเรียนอยู่ ดังนั้นดูเหมือนว่าเธอยังไม่มีความรับผิดชอบหรืออำนาจใด ๆ

ทว่าหลังจากที่พวกเราได้พูดคุยกันแล้ว ดูเหมือนเธอจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเข้าร่วม

 

――ข้อดีประการหนึ่งของเธอคือ เธอสามารถขอโทษพนักงานต้อนรับของสมาคมซึ่งเทียบเท่ากับสามัญชนได้

 

“เนียซัง ยินดีต้อนรับขอรับ ทางนี้…….อ้า ไม่เป็นไรขอรับ จะคิดว่ากระผมเป็นแค่ที่ปรึกษาก็ได้ ได้โปรดอย่ากังวล”

 

ครั้งนี้เอง ผู้บริหารสมาคมการค้า กัดดัมก็มาโดยไม่ต้องเรียกพร้อมกับชาและขนมหวาน ม๊า ในฐานะผู้นำสมาคมแล้ว เขามีทักษะที่หลากหลายและมีความคิดดี ๆ ฉันก็เลยตัดสินใจชวนเขามาร่วมในครั้งนี้ด้วย

ฉันคิดว่าอาคาชิจะเข้าร่วมกับเราในภายหลัง แต่ก่อนอื่นพวกเราสี่คนตัดสินใจที่จะพูดคุยกันต่อจากวันก่อน

 

 

 

“มีเด็กมากกว่าสี่สิบคน และล้นจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านับสิบคน พวกเขาได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล แต่มีคนมากเกินไปจนไม่มีเงินพอเลี้ยงชีพ……..สินะ”

 

ซิลเลนคร่ำครวญขณะที่เธอกำลังดูเอกสารที่ระบุปัญหาจากครั้งที่แล้ว

 

“………แม้ว่าจะมีความช่วยเหลือทางการเงิน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ยังกับมีคนโกงเลยน๊า”

 

ใช่

ไม่ใช่ว่ามาเวเลียปฏิบัติต่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ดี เงินสงเคราะห์มีให้ตามกฎหมาย

 

ทว่าทว่า เด็กมีมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ขอปรึกษาเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนการสนับสนุนแล้วหลายครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับ

 

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”

 

ซิลเลนมองมาที่ฉันที่อยู่ข้างเธอ ฉันเลยพยักหน้าให้

 

“ฉันเตรียมที่อยู่อาศัย และค่าอาหารให้แล้ว คิดว่าตอนนี้น่าจะไม่เป็นไร แต่”

 

“นั่นสิน๊า นี่ก็เป็นได้เพียงแค่มาตรการชั่วคราวเท่านั้น ……..ขอโทษด้วย ที่ทำให้ต้องคุณต้องใช้ทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อมาเวเลียเช่นนี้”

 

“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก จริง ๆ น่ะ”

 

เดิมทีก็เป็นเงินของมาเวเลีย เป็นเงินที่ฉันได้รับจากดาร์จอลเป็นค่าชดเชย

 

“เด็กกำพร้าทหารจักรกล สินะ……..ฟังดูไม่น่าพอใจเลย ในฐานะคนที่ได้เห็นแต่ด้านสว่างของทหารจักรกล เราพูดอะไรไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เราไม่เห็นเงาเบื้องหลังความสว่า งและก็ไม่อยากเห็น”

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพูดอย่างนั้น สาเหตุที่ฉันบอกว่ามาเวเลียพึ่งพาทหารจักรกลมากเกินไป

 

“แล้ว ความคิดของทางนี้ ……….อืม นโยบายมากมายที่ส่งเสริมให้เป็นอิสระโดยให้พวกเขาได้รับสิ่งที่เรียกว่าการฝึกอาชีพงั้นเหรอ”

 

หลังจากวางเอกสารเกี่ยวกับปัญหาลง ซิลเลนก็หยิบเอกสารที่แสดงรายการวิธีแก้ปัญหาขึ้นมา

อย่างที่เธอพูด วิธีการหลักคือ การทำให้พวกเขามีรายได้และอยู่ได้ด้วยตัวเอง

 

มีทั้งต้องทำให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใหญ่ขึ้น หางานให้พวกเขาทันที หรือค้นหาพ่อแม่ของพวกเขาแล้วไล่พวกเขากลับ

มีไอเดียเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่มีไอเดียใดที่คลิกได้จริง ๆ ――อันที่จริงแนวคิดเรื่องการฝึกอาชีพก็ไม่โดนใจฉันเหมือนกัน

 

“หืม? นี่คือ?”

 

ดูเหมือนว่ารายการสุดท้ายจะดึงดูดความสนใจของเธอ

กะแล้วว่าเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับมาเวเลีย หรือจะพูดว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ริเพียว กัดดัม และอาคาชิก็กังวลเช่นกัน

 

“ฉันกำลังคิดควรจะจัดการพวกเด็ก ๆ ด้วยการส่งไปที่อาร์ตัวร์ นี่นั่นมีโรงเรียน……..เป็นหน้าที่ของเด็กที่จะต้องเข้าเรียนเหมือนการไปโรงเรียนเตรียมทหารของที่นี่น่ะ”

 

“โห้ หมายความว่าเด็ก ๆ จากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือยากจนจะได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันในการเรียนรู้สินะ”

 

เรื่องนั้นดีจังน๊า ซิลเลนมองดูเอกสารซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะพยักหน้า

 

“……….อืม”

 

จากนั้นก็วางเอกสารลง

 

“――เราคิดว่าเป็นความคิดที่ดีสำหรับพวกเขาที่จะไปโรงเรียนเช่นกัน สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต มีผู้ใหญ่หลายคนที่ไม่สามารถอ่านหรือเขียนได้ ดังนั้นการเรียนรู้ในตอนนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต”

 

อืม

 

“แต่ว่านั่น ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นเน๊ะ”

 

“หมายความว่ายังไงเหรอ?”

 

“จำนวนเด็กกำพร้าทหารจักรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉันคิดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่สำหรับเด็กที่เรามีอยู่ตอนนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไปด้วย พูดอีกอย่าง――”

 

ฉันจิบชาที่ยังอุ่นอยู่ แล้วพูดกับผิวน้ำสีเหลืองอำพัน

 

――คุณค่าของทหารจักรมีค่ามากเกินไป พวกเด็ก ๆ ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเพียงเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะเป็นทหารจักรกลได้ เด็กไม่ใช่สิ่งของแบบนั้นจริงไหม”

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-2186

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

เหมือนจะเข้าช่วงฝนตกแล้วสิน๊า ตกตั้งแต่เมื่อคืนตอนเช้าก็ตกจนนอนหนาวเลย ฮา