บทที่ 72 พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

ณัฐณิชาขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่อภัสราภรณ์ที่ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน สีหน้าของอภัสราภรณ์เปลี่ยนไป จากนั้นก็ได้เดินเข้ามา “พอดีหนูลืมโทรศัพท์มือถือไว้น่ะค่ะ คุณปู่คะ หนูรู้มาว่าคุณปู่ชอบการเขียนพู่กันมาก หนูเองก็ชอบ..”

เมื่อเห็นว่าท่าทางอภัสราภรณ์ไม่ได้ปฏิบัติกับตนเป็นคนนอก ณัฐณิชาจึงได้ขมวดคิ้วขึ้นมา “บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หลังจากพูดจบ ก็ถูกอภัสราภรณ์มองในทันที อย่างไรก็ตามณัฐณิชาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย!

“อ่าจริงด้วย” ณัฐณิชาทำท่าทีเป็นรู้แจ้งในฉับพลัน จากนั้นจับไปที่แขนของนายท่านผู้เฒ่าด้วยความรักใคร่และพูดว่า “คุณปู่คะ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ภัสสักภาพก่อนเถอะค่ะ ท้ายที่สุดแล้วเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน จะให้เมื่อไหร่ก็เป็นได้ ยังไงซะก็ให้คนนอกก่อนดีกว่า”

“…..”

ณัฐณิชานี่สมควรตายจริงๆ!!!

ณัฐณิชาเปรียบเสมือนกระต่ายตัวน้อยสีขาว เห็นนภสรณ์ยั้งอภัสราภรณ์เอาไว้และออกไปส่งหล่อน

ดวงตาทั้งคู่ของณัฐณิชายิ้มออกมาราวกับแมวเหมียวที่ได้ขโมยอาหาร นิ้วมือที่เรียวขาวราวหิมะยังคงจับนายท่านผู้เฒ่าเอาไว้

แย่งสามีของเธอไม่ได้ก็เลยคิดจะมาแย่งคุณปู่ของเธองั้นสิ?

ฝันไปเถอะ!

เมื่อสตินั้นกลับคืนมาก็ได้สบตาเข้ากับดวงตาที่แฝงไปด้วยความหมายของธราเทพพอดิบพอดี ณัฐณิชารู้สึกเย็นไปทั้งตัวจึงรีบมองออกไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

เมื่อธราเทพเห็นฉากนี้ มุมปากของเขาก็กระตุก สีหน้าท่าทางดูหม่นหมองไม่ชัดเจน

“โอ้!วันนี้คึกคักอะไรกันขนาดนี้? ทุกคนอยู่บ้านกันหมดเลยเหรอ?”

ธิปติพัศเดินเอ้อละเหยลอยชายลงมาจากบันได เมื่อเห็นในห้องนั่งเล่นนั้นเต็มไปด้วยคนจึงเดินตรงมานั่งข้างณัฐณิชาโดยบังเอิญ

ไอ้คนไร้ยางอายนี่!

ณัฐณิชาเขยิบไปทางด้านข้าง แต่เนื่องด้วยตนนั่งติดกับคุณปู่จึงไม่สามารถหลบไปไหนได้

เมื่อนภสรณ์ที่ส่งอภัสราภรณ์เสร็จแล้วจึงกลับมาเห็นฉากนี้เข้า!

เมื่อตอนที่อภัสราภรณ์มาก็ได้มาโอ้อวดกับตน บอกว่าได้ทำการสั่งสอนบทเรียนเล็กน้อยให้แก่ณัฐณิชาไป หล่อนเองก็ได้แต่สงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ หาคำตอบมาครึ่งค่อนวันอภัสราภรณ์ถึงได้บอกว่าแท้จริงแล้วหล่อนได้ตบหน้าเธอไปหนึ่งฉาดน่ะสิ

ช่างเป็นการระบายความเกลียดชังได้ดีเป็นอย่างมากเลย!

แม้ว่าจะเห็นใบหน้าของณัฐณิชานั้นยังคงขาวเหมือนแต่ก่อน แต่หากมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็จะพบว่าแก้มซ้ายนั้นมีรอยแดงๆอยู่

มุมปากของนภสรณ์เกิดรอยยิ้มอันเย้ยหยันขึ้น

ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่ยั่วยวนพี่ชายของตนเท่านั้น เธอยังยั่วยวนพี่ธิปติพัศด้วย…

แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะมีผู้หญิงมากมายอยากให้เธอตายเป็นแน่!

ต่อให้ณัฐณิชาฉลาดมากแล้วมันทำไมล่ะ?การมาเจอผู้หญิงอย่างอภัสราภรณ์ เธอจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยหรือไงกัน?

อภัสราภรณ์ตามตื้อธราเทพมาตั้งแต่สมัยประถม หล่อนเป็นแฟนตัวยงและถือว่าธราเทพนั้นเป็นของของตน แต่ก่อนผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนก็ต่างถูกขับไล่ออกไปกันทั้งนั้น

“ณัฐณิชา หน้าเป็นอะไรไปน่ะ ดูเหมือนว่าจะเจ็บมากเลยนะ”

นภสรณ์มองดูความคึกคักนี้และได้พูดทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของนภสรณ์ ณัฐณิชาถึงกับพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้คิดว่าการหาเรื่องตนนั้นมีข้อดีหรือไงกัน?

ลืมบทเรียนครั้งก่อนไปแล้วเหรอไง?

“ใช่ พอดีไปกระทบกระทั่งโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะ นภสรณ์เป็นห่วงฉันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ณัฐณิชาไม่สามารถหลบหลีกมือปลาหมึกของธิปติพัศได้ ประโยคสุดท้ายนั้นกลับทำให้หน้าของนภสรณ์แดง

ไม่ใช่เหนียมอาย แต่เป็นโกรธเคือง

หากไม่ใช่เพราะณัฐณิชา ตนก็คงไม่ต้องถูกกักบริเวณ!

เหอะ โดนอภัสราภรณ์ตบมาแต่ดันไม่กล้าพูดซะนี่ ฉันจะคอยดูว่าเธอจะอวดดีแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน!

นภสรณ์ยิ้มออกมา แต่เมื่อถูกนพนันท์จ้องมอง นภสรณ์ถึงได้เงียบลง

ในเวลานี้ ธิปติพัศก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตาของเขาเป็นประกายและพูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ ดูใบหน้าแล้วไม่น่าจะใช่การกระทบกระทั่งนะแต่เหมือนพวกผู้หญิงที่ตบกันเสียมากกว่า หากโดนรังแกก็ขอให้พูดออกมา พี่ชายผมจะสนับสนุนเธอเอง!”

ธิปติพัศยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน

อันที่จริง ใบหน้าของธิปติพัศนั้นถือว่าสามารถดึงดูดใจสาวๆได้จำนวนมาก แต่ด้วยปากที่พูดจากวนโอ๊ยของเขานั้นทำให้ณัฐณิชานั้นรู้สึกขยะแขยงจนแม้แต่ดวงตาก็ไม่อยากมอง

ฉันล่ะอยากถุยถุยถุย!

ครั้งก่อนที่มาล่วงเกินตน ตนก็ทำให้เขาเสียหายจนไม่กล้าพูดออกมา ตอนนี้ยังจะกล้ามาแหย็มหาเรื่องตนอีก!

“ธิปติพัศ ช่วงนี้นายไปร้านเหล้ามาอีกแล้วสินะ?” แต่ครั้งนี้ ยังไม่ทันที่ณัฐณิชาจะเอ่ยปากพูด ธราเทพก็ได้ใช้แรงจับณัฐณิชามาไว้ในอ้อมกอดของเขาราวกับกำลังบอกให้โลกได้รู้ว่าผู้หญิงตนนี้เป็นของตน

ดวงตาของธราเทพนั้นเหมือนมีดที่พุ่งเป้าไปยังธิปติพัศที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “เล่นกับผู้หญิงให้น้อยลงหน่อย ไม่อย่างงั้นมันอาจทำลายชื่อเสียงของตระกูลทวีศักดิ์ทินโชติเราได้”

“นาย!–”

ธิปติพัศโกรธเสียจนใบหน้าแดงและคอเป็นเอ็นขึ้นมา