บทที่ 73 พวกเขากำลังจะสู้กันแล้ว!

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

ธิปติพัศจ้องไปที่ธราเทพด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายของเขาจะพูดออกมาได้ขนาดนี้!

เห็นได้ชัดว่าเขาเล่นกับผู้หญิงมากเกินไป ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถโยงไปถึงเรื่องการตบตีกันระหว่างผู้หญิงได้

“พี่ชาย พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ นี่พี่ทำท่าทางแบบนี้กับคนในครอบครัวเหรอ?” ธิปติพัศกล่าวอย่างโกรธเคือง เขากระโดดจากเก้าอี้และลุกขึ้นยืน เต็มไปด้วยรัศมีแห่งความโกรธ

เมื่อคืนที่เขากลับดึกนั่นก็เป็นเพราะถูกนางแบบคนหนึ่งผิดสัญญาน่ะสิ ตอนนี้โกรธจนหัวจะลุกเป็นไฟแล้ว

“นายเห็นฉันเป็นคนในครอบครัว ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน?” ธราเทพนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสบายๆพร้อมกับใช้ขาที่เรียวยาวนั่งไขว่ห้าง ในมือของเขาถือถ้วยกาแฟอยู่ เขาลืมตาขึ้นและตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

ตอนนี้ใบหน้าของธิปติพัศเริ่มสั่น

พี่ชายคนนี้นั้นดูถูกตนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว!

“ธราเทพ นายหมายความว่ายังไง?” ธิปติพัศทนไม่ไหวอีกต่อไป โดยปกติแล้วเขาจะยอมทนธราเทพแต่ว่าตัวเขาเองก็อารมณ์เสียไม่น้อย

เมื่อนายท่านผู้เฒ่าเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้านี้ ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆเป็นพิเศษ

อีกทั้งยังเอ่ยปากออกมาอย่างไม่แยแสว่า “พวกแกทั้งสองคน ออกไปซะ”

“คุณปู่…..”

เมื่อนภสรณ์ได้ยินคุณปู่เอ่ยปากออกมาอย่างเย็นชา ดวงตาที่เฉียบคมของหล่อนก็ได้กวาดไปมองรอบๆ ในใจนั้นเต้นดังราวกับเสียงตีกลอง หากคุณปู่โกรธขึ้นมาจริงล่ะก็ ผลที่ตามมา…

ในห้องนั่งเล่นนั้นตลบอบอวลไปด้วยควันจากสงครามโขมงอยู่ครู่หนึ่ง

ณัฐณิชายังคงจับมือของคุณปู่เอาไว้และรับรู้ได้ถึงความโกรธที่คุณปู่มี เธอจึงรีบทำให้คุณปู่พอใจ “คุณปู่คะ อย่าไปสนใจพวกเขาเลย พวกเขานั้นยังเป็นวัยรุ่นที่กระฉับกระเฉงและทรงพลัง มันเลยเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้หากจะพูดจากระโชกโฮกฮากไปเสียหน่อย หนูจะไม่เข้าข้างใครทั้งนั้นแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือคุณปู่ต้องไม่โกรธนะคะ มันไม่คุ้มหรอกค่ะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็มีแต่สาวน้อยคนนี้นี่แหละที่รู้จักพูด” นายท่านผู้เฒ่านั้นถูกณัฐณิชาปลอบโยนอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเขาก็ได้เหลือบมองไปที่สองคนนั้นอีกครั้งและพูดออกมาอย่างเฉยเมย “เธอขึ้นไปข้างบนกับฉัน เดี๋ยวฉันจะเขียนอักษรให้เธอเอง อย่าไปสนใจพวกเขาเลย”

“ได้เลยค่ะ”

ณัฐณิชาเหลือบมองดูสองคนนั้นอย่างเย็นชา อันที่จริงมีเพียงธิปติพัศเท่านั้นที่มองไปที่ธราเทพราวกับสัตว์ร้าย แต่ตัวของธราเทพนั้นกลับนั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ

เขานั้นดูราวกับว่า…ต่อให้ภูเขาไท่ซานทรุดตัวไปต่อหน้าต่อตาก็ยังคงสงบไม่เปลี่ยนแปลง

ครั้งเดียวที่เสียการควบคุมไป ก็คงเป็นกระโปรงตัวนั้นตัวเดียวแล้วล่ะ…

ณัฐณิชาสลัดความคิดออกจากหัวพร้อมกับช่วยพยุงนายท่านผู้เฒ่าขึ้นไปข้างบน

จริงๆแล้วเธอรู้สึกรื่นเริงไปกับครอบครัวนี้มาก ตอนที่อยู่กับนายท่านผู้เฒ่าก็ได้รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่ง… คุณปู่ได้เขียนภาพเสร็จแล้ว ส่วนณัฐณิชาเองที่เตรียมจะเปิดประตูห้องสมุดออกมาก็ได้ยินเสียงตะโกนของนภสรณ์ที่อยู่ด้านล่าง “ไม่ดีแล้วไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องแล้ว!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทำไมจะต้องตะโกนเอะอะด้วย…

ณัฐณิชานั้นเกลียดลูกสาวคนโตประเภทที่ร่ำรวยเงินทองแบบนี้ที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ชอบทำเสียงดังโวยวาย เธอชี้ไปที่ห้องสมุดพร้อมกับขดริมฝีปากพูดว่า “คุณปู่กำลังพักผ่อนอยู่ ถ้าหล่อนทำให้ท่านตื่นนะ..”

“เธอรีบมากับฉันเร็ว”

ยังไม่ทันที่ณัฐณิชาจะพูดจบ นภสรณ์ก็ได้ดึงคว้าข้อมือของเธอไป ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

ณัฐณิชาตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง

ก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยสัมผัสติดต่อผู้คน สนิทสนมอะไรขนาดนี้…

“ตะลึงอะไรอยู่?” เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของนภสรณ์ ท่าทางที่ดูกังวลของหล่อนก็ดูสมจริงไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด “พี่ธราเทพกับพี่ธิปติพัศจะสู้กันแล้ว เธอยังไม่รีบไปดูอีกเหรอ!”

หลังจากที่ณัฐณิชาและคุณปู่ได้ขึ้นไปชั้นบนแล้วทั้งสองคนก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตึงเครียด เดิมทีธราเทพนั้นไม่ได้สนใจอะไรธิปติพัศอยู่แล้ว แต่ธิปติพัศนั้นกลับท้าทายหาเรื่องตลอดจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…