ตอนที่ 169 อุบาย

เดิมที่มู่อี้ต้องการให้คนของศาลาแปดเหลี่ยมเป็นผู้ทดสอบพลังของหมอวัยกลางคนผู้นี้ แต่เขาไม่คิดเลยว่า จะได้เห็นสิ่งที่น่าตกตะลึงเช่นนี้

แม้ว่ามู่ธ์ไม่ได้ใช้พลังแห่งจิตใจของเขาไปตรวจสอบแต่เขาก็ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนด้วยตาของตน เอง เขามั่นใจได้เลยว่าพลังในร่างกายของหมอวัยกลางคนนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่ง ตอนนี้และชายชุดดําทั้งสองคนนั้นก็เสียชีวิตไปอย่างน่าแปลกประหลาด

หลังจากนั้นมู่อี้ก็จ้องมองไปที่ชายชุดดําของศาลาแปดเหลี่ยมที่ตายไปทั้ง 2 คนและเห็นว่าสีหน้าของพวก เขายังคงแสยะยิ้ม ดวงตาก็ยังเปิดอยู่ ราวกับว่าพวกเขายังไม่ตาย ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าชี พจรภายในร่างกายหายไปเท่านั้น..

เมื่อได้เห็นเช่นนี้ม่อี้ก็หรี่ตาของเขาลงทันที หมอวัยกลางคนผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก อีกฝ่าย สามารถฆ่าคนถึง 2 คนได้อย่างเงียบงันไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตามแต่มู่ ก็ไม่ควรประมาทเลย

“พิษหรอ?”

มู่อี้คิดขึ้นมาในใจ นี่คือสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด เพราะเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นหมอและย่อมต้องเกี่ยว ชาญด้านยาต่างๆอยู่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถเช่นไรแต่การยกมือเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ก็เพียง พอที่จะทําให้หมอวัยกลางคนผู้นี้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพแล้ว

ต้องรู้ก่อนว่าทั้งสองคนที่ตายไปนั้นไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาต่างก็เป็นยอดฝีมือของศาลาแปดเหลี่ยมและ พลังของพวกเขาเองก็ไม่ถือว่าอ่อนด้อยเลย ในยุทธภพแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาคนหนึ่ง ถ้าหากเข้าไป อาศัยอยู่ในเมืองก็คงสร้างชื่อเสียงได้ไม่น้อย

แต่ในตอนนี้ทั้งสองคนกลับต้องตายไปอย่างเงียบงันและแม้แต่เข้าใกล้หมอวัยกลางคนพวกเขาก็ยังทําไม่ ได้เลย

กั่วชิงก็รู้สึกตกตะลึงด้วยเช่นกัน เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะหนี เสือปะจระเข้เช่นนี้ แค่มู่เพียงคนเดียวก็ทําให้เขาต้องปวดหัวมากอยู่แล้ว ในตอนนี้เขากลับไปล่วงเกินศัตรูอีก คนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า สมองของเขาใกล้ระเบิดออกมาแล้ว

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” กั่วชิงสูดหายใจเข้าไปล็กๆ จากนั้นก็จ้องมองไปที่หมอวัยกลางคนและถามขึ้นมาทันที หมอวัยกลางคนก็ยังคงสนใจถ้วยชาที่อยู่ในมือของตนเองเท่านั้น เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเลยแม้จะได้ ยินคําถามของคั่วชิง..

ท้ายที่สุดแล้วกั่วชิงก็ยังไม่ได้คําตอบกลับมา หมอวัยกลางคนวางถ้วยชาในมือของตนเองลงจากนั้นก็นํา เหรียญทองแดงออกมาจากแขนเสื้อของเขา 2 เหรียญและวางเอาไว้บนโต๊ะ เขาลุกขึ้นมาจากโต๊ะน้ําชาพร้อม กับกอดกล่องไม้เอาไว้ที่หน้าอกของตนเองจากนั้นก็เดินข้ามศพของชายชุดดําทั้งสองคนเดินตรงไปที่ประตูของ ร้านน้ําชาแห่งนี้ทันที

กั่วชิงสูดหายใจเข้าลึกๆและไม่รู้ว่าตนเองควรทําเช่นไรดี แต่เมื่อเขาเห็นอีกฝ่ายกําลังก้าวเดินเข้ามาหาตน เองทีละก้าว หัวใจของเขาก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกและจากนั้นเขาก็ถอยออกมาจากหน้าป ระตูร้านน้ําชาทันที

เมื่อคนที่อยู่ด้านหลังเห็นว่าเขาถอยออกมาทุกๆคนต่างก็รีบถอยออกไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากต้องสู้จริงๆพวก เขาก็อาจจะตายไปเพราะความต่างชั้นของพลังจริงๆไม่ใช่ตายอย่างเงียบงันเหมือนกับเพื่อนพ้องของตนเองก่ อนหน้านี้

เมื่อหมอวัยกลางคนเดินมาถึงหน้าประตู ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปหามู่อี้และพูดว่า “ชื่อของข้าคือ ซุนปู่เห ยียน”

หลังจากพูดจบหมอวัยกลางคนก็ออกไปทันทีโดยไม่รอให้ม่อี้ตอบอะไรกลับมาเลย

จนกระทั่งอีกฝ่ายจากไปแล้วนั้นจิตใจของมู่อี้ก็ยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ ซุนปู่เหยียนอย่างนั้นหรือ? หรือว่าอีกฝ่าย ต้องการอะไรจากเขาหรือไม่?

แต่มอี้ก็จับตามองท่าทีของถั่วชิงมาโดยตลอดและเมื่อได้ยินชื่อของซุนปู่เหยียน สีหน้าของถั่วชิงก็ดูจุนงง ด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

ในเมื่อแม้แต่กั่วชิงที่อยู่ในยุทธภพมานานยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้แล้วคนอย่างมู่จะไปรู้จักได้อย่างไรกัน แต่ เขาก็จดจําชื่อของหมอวัยกลางคนผู้นี้เอาไว้ในใจ

เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคงไม่บอกชื่อของตนเองมาโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน ส่วนเหตุผลจะเป็นเรื่องอะไรนั้นตอนนี้ เขาก็ยังไม่อาจรู้ได้

เมื่อคิดเช่นนี้แล้วม่อี้ก็ส่ายศีรษะทันที จากนั้นเขาก็มองไปที่กั่วชิงที่ยืนอยู่หน้าประตู

“เอาล่ะ เรื่องตลกจบลงแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะส่งเจ้าตามพี่น้องของเจ้าไปแล้ว” คําพูดของมู่อี้ทําให้ทั่วชิงรู้สึก หวั่นใจขึ้นมาและก่อนที่เขาจะได้ทําอะไรเขาก็เห็นว่าต้าหนิวยืนขึ้นมาแล้ว

ร้านน้ําชาแห่งนี้ดูจะเล็กเกินไปสําหรับมันแต่ตาหนิวก็ไม่สนใจและเดินตรงไปที่ประตูร้านน้ําชาทันที

“ฆ่ามัน!”

ท้ายที่สุดกั่วชิงก็กัดฟันและออกคําสั่งทันที

ชายชุดดําที่อยู่ตรงหน้าต่างก็เริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว คนของศาลาแปดเหลี่ยม 2 คนนําหน้าไม้ออกมาและจา กนั้นลูกธนูที่แหลมคมสองดอกก็ตรงเข้ามาหามูอื้อย่างพร้อมเพรียงกัน ปลายของลูกธนูนั้นเป็นสีน้ําเงินจางๆเห็น ได้ชัดว่ามันต้องเคลือบยาพิษเอาไว้แน่นอน

ม่อี้ไม่ได้หลบลูกธนูที่พุ่งเข้ามา แต่ต้นไผ่แห่งชีวิตที่อยู่ในมือของเขาก็สะบัดออกไปอย่างรวดเร็ว

“ติ้ง ทิ้ง”

ลูกธนูทั้ง 2 ดอกไม่อาจสัมผัสร่างกายของมู่อได้

ความจริงแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้หวังว่าการโจมตีครั้งนี้จะได้ผล นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

ต้าหนิวพุ่งเข้าไปหากั่วชิงทันทีแต่แทนที่อีกฝ่ายจะพุ่งเข้ามาปะทะกับตาหนิวนั้น เขากลับสั่งให้คนของตัว เองถอยห่างออกจากตาหนิวอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เหลือม่อี้เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่ในร้านน้ําชา

“ครก ครก!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเท้าของม้ามากมายที่ดังมาจากด้านนอกของร้านน้ําชาแห่งนี้และยังมีเสียงการเคลื่อนไห วอื่นๆอีกด้วย

พลังแห่งจิตใจของมู่อี้กระจายออกไปทันทีและมุมปากของเขาก็แสยะยิ้มขึ้นมา

“ตุ้ม!”

เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นร้านน้ําชาแห่งนี้ก็พังทลายลงมาทันทีและมีคนจํานวนมากที่ขี่ม้าล้อมรอบม่อี้เอาไว้

ด้านนอกนั้นหลี่เหล่าฉือรู้สึกว่ากลัวขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ตอนที่คนของศาลาแปดเหลี่ยมมาถึงที่นี่เขาก็รีบ หนีออกไปพร้อมกับลูกค้าคนอื่นๆจากร้านน้ําชาแต่ก็ไม่ได้หนีออกไปไกลมากนักยังสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่ เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ และเขาทําได้เพียงสวดมนต์อ้อนวอนให้กับมู่อี้ในใจเท่านั้น

ศาลาแปดเหลี่ยมนั้นทรงพลังมากเพียงใดเขาเองก็ไม่รู้ แต่อย่างน้อยจากการที่ผู้คนรอบๆตัวของเขาพูดถึง ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นกลุ่มคนที่ทรงพลังมากเลยทีเดียว

หลี่เหล่าฉือยังคงจ้องมองไปที่ร้านน้ําชาและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง

แต่ใครจะคิดกันว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร้านน้ําชาก็พังทลายลงมาทันทีแม้ เขาอยากจะเตือนม่อี้แต่ก็ไม่อาจทําอะไรได้

เขาทําได้เพียงสวดมนต์อ้อนวอนให้กับมู่ในใจเท่านั้น ไหสุราจํานวนมากถูกโยนเข้าไปในซากปรักหักพัง ของร้านน้ําชา

“เพลิง เพลิง เพลิง เพลิง!”

เมื่อไหสุราถูกโยนลงไปบนซากปรักหักพังนั้นมันก็แตกออกทันทีจากนั้นสุราที่อยู่ข้างในก็ไหลออกมา เมื่อ ลมพัดผ่านมานั้นกลิ่นที่เขารู้สึกได้ก็คือกลิ่นของน้ํามันเชื้อเพลิงอย่างชัดเจนและหลี่เหล่าลือก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้น มาทันที

“ลงมือ!”

จากนั้นธนูไฟก็ถูกยิงลงไปที่น้ํามันเชื้อเพลิงเหล่านั้นและเปลวไฟก็ลุกท่วมขึ้นมาบนซากปรักหักพังของร้าน น้ําชาอย่างรวดเร็ว

ในกลุ่มคนที่จ้องมองอยู่ข้างๆนั้นแม้เจ้าของร้านน้ําชาจะต้องสูญเสียร้านของตัวเองไปแล้วแต่สีหน้าของเขา ก็ไม่ได้แสดงความโกรธใดๆเลย แม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาแต่เขาก็รู้ดีว่าศาลาแปดเหลี่ยมนั้นทรงพลังมาก เพียงใดและไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถล่วงเกินได้เลย ส่วนร้านน้ําชาที่เสียไปนั้นเขาคงโทษได้เพียงความโชคร้าย ของตัวเองเท่านั้น

จนกระทั่งเปลวไฟที่เผาไหม้อยู่ดับไปม่อี้ก็ยังไม่ออกมา

“เขาตายไปแล้วเหรอ?” นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของทุกๆคนแต่หลี่เหล่าลือไม่เชื่อว่าม่อี้จะตายไปแล้ว แน่นอน ในความคิดของเขานั้นมู่อี้เป็นเหมือนเทพที่ลงมาจากสวรรค์ เทพองค์หนึ่งจะมาตายง่ายๆเช่นนี้ได้อย่าง ไรกัน?

แต่ถึงอย่างนั้นหลี่เหล่าลือก็ยังรู้สึกกังวล

ในตอนนี้ต้าหนิวก็กําลังต่อสู้อยู่กับคนของศาลาแปดเหลี่ยมเป็นจํานวนมาก ม่อี้สั่งให้มันฆ่าทุกๆคนโดยไม่ต้ องไว้ชีวิตใครดังนั้นตาหนิวจึงสามารถแสดงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่

ส่วนคนของศาลาแปดเหลี่ยมพวกเขาต่างก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแล้ว ในตอนนี้พวกเขากําลังล้อมรอบต้า หนิวเอาไว้ในมือของแต่ละคนถือโซ่เอาไว้คนละ 1 เส้นและค่อยๆใช่โซ่ในมือพัวพันร่างกายของตาหนิวไปเรื่อยๆ

เมื่อมีโซ่ที่เข้ามาพัวพันอยู่บนร่างกายสายตาของต้าหนิวก็แสดงความโกรธออกมาทันที มือของมันคว้าเอา ไว้ที่โซ่เส้นหนึ่งและดึงเข้ามาหาตัวอย่างรุนแรง

เมื่อถูกดึงโซ่อย่างกะทันหัน คนของศาลาแปดเหลี่ยม 4 คนต่างก็ถูกดึงจนลอยออกไปทันทีและร่างกายของ พวกเขาก็กระแทกกันกลางอากาศ

แต่นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ตาหนิวก้าวออกมาข้างหน้า 2 ก้าว ในขณะเดียวกันนั้นสีหน้าของชายชุดดําที่กําลังล้อ มรอบมันอยู่ก็เปลี่ยนแปลงไปทันทีและร่างกายของพวกเขาก็เริ่มขยับไปพร้อมกับตาหนิว

“ตู้ม!”

ต้าหนิวฟาดมือของมันออกไปอย่างต่อเนื่องและคนทั้ง 4 คนที่ลอยอยู่บนอากาศก่อนหน้านี้ก็กระเด็นออกไป อย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันนั้นเสียงของกระดูกที่หักก็ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน หลังจากตกลงมาที่พื้นแล้วชายชุด ดําทั้ง 4 คนก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย

“ฆ่ามัน!”

กั่วชิงที่จับตามองมู่อื้อยู่ในตอนนี้ก็อดทนรอไม่ไหวแล้ว เขาไม่อาจทนเห็นคนของตัวเองถูกตาหนิวไล่ฆ่าต่อ ไปเรื่อยๆแบบนี้

ความจริงแล้วไม่ใช่แค่พลังของมู่อี้ที่มากเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้แต่พวกเขายังประเมินพลังของต้าหนิวต่ํา เกินไปด้วยเช่นกัน โซ่ที่พวกเขาเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดีทําได้เพียงรั้งตําหนิวเอาไว้เพียงครู่เดียวเท่านั้น และจา กนั้นพวกเขาก็ถูกสังหารหมู่อีกครั้ง

กั่วชิงก็ถือเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งและเหลืออีกเพียงครึ่งก้าวพลังของเขาก็จะยกระดับขึ้นไปอีกครั้งแล้ว ใน ยุทธภพแห่งนี้เขาถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเลย

แต่ในตอนนี้เมื่อเขาลอบโจมตีจากทางด้านหลังของตาหนิวได้สําเร็จ สีหน้าของเขาไร้ซึ่งความยินดีใดๆและ มีเพียงแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น

การโจมตีจากด้านหลังย่อมเป็นจุดอ่อนของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเชื่อว่าแม้ว่าตาหนิวจะมีร่างกายที่ ใหญ่โตแต่มันก็ต้องมีจุดอ่อนแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าจากการที่เขาใช้พลังทั้งหมดของตนเองโจมตีไปยังแผ่นห ลังของต่าหนิวผลที่ตามมากลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้เลย

“โฮก!”

ต้าหนิวร้องคํารามออกมาจากนั้นมือของมันก็คว้ามาที่ด้านหลังทันที

กั่วชิงใช้เท้าของตนเองเหยียบขึ้นไปบนเส้นโซ่เบาๆจากนั้นร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นไปหลบการโจมตีของ ต้าหนิวได้อย่างทันท่วงทีและหลังจากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นไปบนลําคอของตาหนิว แต่นี่ก็ยังไม่เป็นไปตามที่เขาคาด คิดเอาไว้อีกการโจมตีของเขาไม่สามารถทําอะไรลําคอของมันได้เลยงั้นหรือ?

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกินกว่าจินตนาการของเขาไปแล้ว แม้แต่ท่อนขาขนาดใหญ่ของมนุษย์เขาก็ยังสา มารถฟันให้ขาดได้แต่ลําคอของต้าหนิวนั้นแม้ว่าเขาจะโจมตีเข้าไปแต่ก็ไม่มีบาดแผลเกิดขึ้นเลย

ต้าหนิวที่ถูกโจมตีอยู่หลายครั้งก็รู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้นทันที ฝ่ามือของมันคว้าเส้นโซ่ทุกๆเส้นที่พันอยู่รอบตัว เอาไว้

“ระวังตัวด้วย!”

เมื่อถั่วชิงเห็นเช่นนี้เขาก็รีบเตือนลูกน้องของตนเองทันทีเพราะเขาเองก็รู้ดีว่าต้าหนิวนั้นทรงพลังมากเพียง ใด แม้ว่าเขาจะมีจํานวนคนที่มากกว่าแต่ก็ไม่อาจเอาชนะตําหนิวได้เลย

“โฮก!”

เสียงคํารามที่ดังขึ้นมาในครั้งนี้ทําให้ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากล้ามเนื้อบนร่างกายของตาหนวขยาย ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของมันดูทรงพลังมากยิ่งขึ้นและสีหน้าของมันก็ดร้ายมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

“อ่าา!”

แม้ว่าจะมีหลายคนที่รีบปล่อยมือจากโซ่อย่างรวดเร็วแต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ทันตั้งตัวและถูกตาหนวดึงโซ่ จนร่างกายพุ่งออกไปทันที

ในขณะเดียวกันนั้นสายตาของต้าหนิวก็แสดงความเกรี้ยวกราดออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันไม่สนใจคนเหล่า นี้อีกต่อไปและตรงเข้าไปหากั่วชิงทันที

แม้ว่าความเร็วของตาหนิวจะไม่ได้มากนัก แต่เมื่อมันเริ่มวิ่งความน่าสะพรึงกลัวของมันก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น ร่างกายของมันนั้นให้ความรู้สึกราวกับว่าภูเขาขนาดใหญ่กําลังพุ่งเข้ามาหาตนเอง

อย่างน้อยในตอนนี้กั่วชิงก็รู้สึกเช่นนั้น เขาเพิ่งกระโดดลงมาที่พื้นและยังไม่ทันตั้งตัวต้าหนิวก็วิ่งเข้ามาหา แล้ว ถ้าหากเป็นคนธรรมดาระยะห่างเท่านี้คงต้องใช้การก้าวเท้ามากกว่า 10 ก้าวแต่สําหรับตาหนิวนั้นเพียงแค่ 3-4 ก้าวก็เพียงพอสําหรับมันแล้ว

ดังนั้นแม้ว่ามันจะเชื่องช้าแต่มันก็สามารถระเบิดพลังออกมาได้

เมื่อตาหนิวเข้ามาใกล้กั่วชิงก็รู้สึกหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ เขารีบพุ่งตัวหลบออกไปด้านข้างโดยไม่ต้องคิด และไม่กล้าปะทะกับตาหนิวตรงๆ แต่ในตอนที่เขากําลังจะหลบออกไปนั้นศีรษะของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาราว กับโดนเข็มแทง

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้ทําให้การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงักไปทันที

ในตอนนี้ต้าหนิวก็ฟาดมือของมันออกมาอย่างแรง