หลินเฉิงเย่กับเฝิงหลินมาถึงบ้านจึงได้รู้ว่าที่บ้านมีท่านปู่เพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง
เฝิงหลินฉงนไม่น้อย หญิงชราไม่ใช่คนป่วยโรคเรื้อนที่หมดสติสลบอยู่หน้าบ้านเจียวเหนียงกับลิ่วหลังตอนนั้นหรอกรึ
เหตุใดจึงมีปู่เพิ่มขึ้นมาอีกคนเล่า
เขากลับไม่ได้สงสัยว่าปู่คนนี้เป็นปู่ปลอมหรืออย่างไร ซ้ำยังคิดว่าทั้งสองคนพลัดหลงกันในตอนแรกด้วยซ้ำ
“เขามาหาถึงเมืองหลวงนี้ได้อย่างไรรึ” เฝิงหลินถาม
เท่าที่รู้มา ตัวอำเภอที่พบหญิงชราสลบอยู่ห่างจากจากเมืองหลวงเป็นพันเป็นหมื่นลี้เชียวนะ
กู้เจียวตักลูกชิ้นที่ทอดสุกแล้วขึ้นจากหม้อ “อาจจะได้ยินข่าวจากในหมู่บ้านกระมัง”
เฝิงหลินพยักหน้า “ก็จริง ไม่ว่าอย่างไรการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันย่อมเป็นเรื่องดี!”
เมื่อปีที่แล้วฉลองปีใหม่ที่หมู่บ้านมีเซวียหนิงเซียงกับโกว่หวา ปีนี้มีหลินเฉิงเย่ กู้เหยี่ยนและจี้จิ่วอาวุโสเพิ่มเข้ามา แม้จำนวนคนจะเพิ่มมาแค่หนึ่งคน แต่กลับให้ความรู้สึกคึกคักขึ้นมากกว่าเดิม
ที่สำคัญคือเฝิงหลินกับกู้เจียวสนิทกันแล้ว ก็กลายเป็นแตรอันดับสองของบ้านรองจากเสี่ยวจิ้งคงทันที
เขาเสียงดังเสียจนเซียวลิ่วหลังหนวกหูจนทนไม่ไหว เสียใจยิ่งนักที่ตอนนั้นช่วยไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ของเขากับกู้เจียวให้!
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเซียวลิ่วหลังและเสี่ยวจิ้งคง ที่บ้านต่างเตรียมของขวัญเอาไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว
กู้เหยี่ยนให้ตุ๊กตาดินปั้นที่ตัวเองปั้นเอง ตั้งแต่ที่กู้ฉังชิงเข้าใจผิดว่าไม้แกะสลักของเขาเป็นรูปลิง ความมั่นใจโดนโจมตีขนานใหญ่ เขาก็ไม่ไปเรียนแกะสลักของกับกู้เสี่ยวซุ่นอีกเลย
กู้เสี่ยวซุ่นยังคงให้ไม้แกะสลักเหมือนเดิม เขาแกะสลักคัมภีร์เล่มหนึ่งให้เสี่ยวจิ้งคง และแกะสลักรวมบทกวีหนึ่งเล่มให้เซียวลิ่วหลัง
ฝีมือเขาพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อสองเดือนก่อนที่เป็นวันเกิดกู้เจียวมากทีเดียว
กู้เจียวรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าพรสวรรค์ของน้องชายคนนี้ไม่ควรชักช้าเสียเวลาเช่นนี้ต่อไป
รอให้ฉลองปีใหม่เสร็จสิ้นก่อน นางจะไปหาอาจารย์ช่างไม้ที่เชื่อถือได้มาให้เขาได้เริ่มเรียนเสริมหลังเลิกเรียน
หญิงชรายังคงให้กระเป๋าเงินเหมือนเดิม อีกทั้งกระเป๋าเงินของนางก็ดีกว่าคราก่อนมากด้วย
“ท่านย่าเก่งกาจนัก” กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยชม
หญิงชราเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
จากนั้นก็ได้ยินเสี่ยวจิ้งคงเอ่ยว่า “ท่านปู่เป็นคนปักต่างหากเล่า! ข้าเห็นหมดแล้ว!”
ท่านย่าแค่ตัดด้ายเส้นเดียวแค่นั้นเอง!
หญิงชรา เณรน้อยเจ้าหยุดพูดหน่อยไม่ได้หรือไร!
จี้จิ่วอาวุโส นั่นสิ! ข้าไม่ต้องมีแล้วกระมังหน้าตาน่ะ!
ศัตรูเก่าที่ต่อสู้มาครึ่งชีวิตจนฟ้าถล่มดินทลาย ยามนี้กลับหายใจด้วยรูจมูกเดียว!
จี้จิ่วอาวุโสให้อุปกรณ์สำคัญในห้องหนังสือเป็นของขวัญแก่เซียวลิ่วหลัง
กู้เจียวไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่เห็นเซียวลิ่วหลังแววตาเป็นประกายแปลกใจ ของชุดนี้มีความเป็นมามากมายอย่างเห็นได้ชัด
จี้จิ่วอาวุโสพยายามเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ เงินเดือนไม่ได้ลดลงเท่าใด แต่เขาเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท ในมือมีของพระราชทานครอบครองอยู่มากมาย สุ่มหยิบมาสักอย่างล้วนเป็นสิ่งมีค่าราคาไม่ธรรมดา
“ท่านปู่! ท่านปู่!” เสี่ยวจิ้งคงมองเขาอย่างน่าเอ็นดู
จี้จิ่วอาวุโสแทบจะใจอ่อนยวบกับความน่าเอ็นดูของเขาอยู่รอมร่อแล้ว
จี้จิ่วอาวุโสย่อมให้ของขวัญที่เตรียมมาแล้วแก่เสี่ยวจิ้งคง เขารู้ว่าเสี่ยวจิ้งคงกำลังเรียนภาษาต่างแคว้นอยู่ จึงแปลนิทานพื้นบ้านหลายเรื่องให้เป็นหกภาษา หนึ่งในนั้นคือภาษาบาลี
อีกทั้งเพื่อเพิ่มความสนใจในการอ่านของเขาให้มากขึ้น จึงได้สอดแทรกรูปภาพเข้าไปด้วย
เสี่ยวจิ้งคงมองแวบเดียวก็ถูกใจทันที!
“ขอบคุณท่านปู่มากขอรับ!”
เฝิงหลินกับหลินเฉิงเย่ก็ให้ของขวัญของแต่ละคนเช่นกัน
เมื่อถึงตากู้เจียว กู้เจียวให้กล่องแก่ทั้งคู่คนละใบ
เสี่ยวจิ้งคงเปิดดูเดี๋ยวนั้นเลย เขาได้หมากรุกจีนที่กู้เจียวให้คนประดิษฐ์ขึ้นหนึ่งชุด สมัยโบราณไม่มีแก้ว นางจึงใช้ลูกเหล็กสีสันแตกต่างกันแทน
ตอนนางเด็กๆ ชอบเล่นหมากรุกมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเสี่ยวจิ้งคงจะชอบหรือไม่
นอกจากหมากรุกแล้ว ยังมีนกกระเรียนกระดาษอีกหลายตัวที่นางพับเอง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการตกแต่ง
เสี่ยวจิ้งคงชื่นชอบทั้งหมดเลย!
ของขวัญที่คนอื่นให้ล้วนเอาออกมาวางอยู่บนโต๊ะหมด แต่ของกู้เจียวยังคงอยู่ในกล่อง เซียวลิ่วหลังไม่ได้แกะตรงนั้นเดี๋ยวนั้น
ตอนวันเกิดกู้เหยี่ยนก็ไม่แกะ ทำเอาเสี่ยวจิ้งคงอยากรู้อยู่นาน
แต่ของขวัญวันนี้มากมายเกินไปจริงๆ ความสนใจของเสี่ยวจิ้งคงล้วนถูกของขวัญดึงดูดไว้จนหมด ไม่มีเวลามาสนใจพี่เขยเลย
ไม่เพียงเท่านี้ เขายังใช้วันเกิดมาขอจุ๊บๆ จากกู้เจียวหนึ่งจุ๊บใหญ่ๆ อีกด้วย!
คืนนี้เฝิงหลินกับหลินเฉิงเย่รั้งอยู่โต้รุ่งส่งท้ายปีเก่าที่นี่
เซียวลิ่วหลังกับเสี่ยวจิ้งคงยกห้องให้ทั้งสองคนพัก เสี่ยวจิ้งคงเกือบจะถูกท่านย่าจับไปนอนห้องนางแล้ว ยังดีที่เขาฉลาดปราดเปรื่อง ใช้ความเป็นเจ้าของวันเกิดของตัวเองและความหน้าด้านที่สุดของเขามานอนในห้องเจียวเจียว!
เขาไม่มีทางได้รู้เลยว่า
พอเสียงกรนคร่อกๆ ของเขาดังขึ้น หญิงชราก็มาพาเขากลับไปเป็นหมอนข้างที่ห้องตัวเองแล้ว
การอยู่โต้รุ่งคืนส่งท้ายปีไม่ได้อยู่โต้รุ่งทั้งคืนจริงๆ เมื่อช่วงใกล้ๆ ยามจื่อ ทุกคนก็กลับไปนอนที่ห้องกันแล้ว
เซียวลิ่วหลังกับกู้เจียวก็กลับมาที่ห้องปีกตะวันออกเช่นกัน
ในห้องเผาถ่านเอาไว้ จึงไม่นับว่าหนาวมากนัก กู้เจียวปูผ้าปูที่นอนสองผืน นอนกันคนละผืน
เซียวลิ่วหลังหอบกล่องเดินเข้ามา
กู้เจียวหันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง “จะนอนหรือไม่”
“อืม” เขาพยักหน้า
กู้เจียวออกไปตรวจดูกลอนประตูที่หน้าเรือนหลังเรือน เมื่อกลับมาที่ห้องเขาก็กำลังแกะของขวัญที่นางให้พอดี
ท่าทางสนใจใคร่รู้และระมัดระวังนั้น กู้เจียวไม่เคยเห็นมันปรากฏบนใบหน้าเขามาก่อน
เมื่อไม่นานมานี้รู้สึกว่าเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ ยามนี้กลับรู้สึกว่าจิตใจเขายังคงเป็นเด็กอยู่เลย
“ชอบหรือไม่” เสียงกู้เจียวดังขึ้นหน้าประตู
เซียวลิ่วหลังสะดุ้งตกใจ เขาสงบจิตสงบใจ แล้วหันไปมองนางโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน “เหตุใดจึงเป็นหมากรุกอีกเล่า”
นั่นเป็นสิ่งที่ทำเพิ่มขึ้นมา
ที่กู้เจียวอยากจะให้เขาหลักๆ ก็คือเสื้อผ้าที่นางตัดเย็บเองต่างหาก
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ ก่อนเอ่ยว่า “เสี่ยวจิ้งคงมี เจ้าก็ต้องมีด้วยสิ!”
เซียวลิ่วหลังส่งเสียงอ้อออกมา จู่ๆ ก็นึกเปรียบเทียบกับเด็กจริงๆ จังๆ ขึ้นมาว่า “เหตุใดอันนั้นข้าไม่มีเล่า”
“อันไหนรึ” กู้เจียวเอียงคอถาม
“อันนั้นน่ะ” เซียวลิ่วหลังพูดไม่ออก
กู้เจียวครุ่นคิด นึกขึ้นมาได้แล้วจึงส่งเสียงอ๋อออกมา นางค่อนข้างสงสัยว่าเพราะเหตุใดเขาจึงร้องขออะไรแบบนี้ขึ้นมา แต่นางก็ยังคงเดินไปหา ภายใต้ความจดจ้องถลึงตาเบิกโตอย่างอ้ำอึ้งๆ ของเซียวลิ่วหลัง นางโน้มตัวไปจุ๊บบนหน้าเขาทีหนึ่ง
เซียวลิ่วหลังพลัน “!!!”
อ๊ะ!
ขะ…เขาหมายถึงนกกระเรียนกระดาษพับนั่นต่างหาก!
เซียวลิ่วหลังหน้าแดงก่ำไปทั้งดวง โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกู้เจียวจุ๊บ มันแดงจนเกือบจะมีเลือดหยดออกมาได้
ตอนเข้านอน กู้เจียวดับไฟลง ความอบอุ่นภายในห้องค่อยๆ ลดลง แต่เซียวลิ่วหลังยังคงรู้สึกว่าตัวเองยังคงตัวร้อนอยู่เลย
เขานอนลงข้างกายกู้เจียวตัวแข็งทื่อ
ตะเกียงน้ำมันก็ดับไปแล้วเช่นกัน ประกายแสงสะท้อนจากหิมะลอดผ่านตาข่ายหน้าต่างเข้ามา
เขาเบิกตาโตนอนไม่หลับ
เพราะจุ๊บๆ ที่จู่ๆ ก็โดนกะทันหัน ทำเอาในสมองเขายุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด แม้แต่ภาพเปลวไฟลุกโชนที่ทำให้หายใจไม่ออกนั่นยังไม่เผาไหม้ในหัวเขาเลย
เขาพลิกตัวหันหน้าไปหานางที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝันอันลึก
ยามดึกดื่นเงียบสงัด จันทรามืดลมพัดแรง
ทุกคนต่างเข้าสู่ห้วงนิทรา
เงาร่างแปลกประหลาดร่างหนึ่งกลับเร้นกายเข้าสู่เรือนพวกเขาอย่างเงียบงันไร้เสียง
กู้เจียวมีความระแวดระวังตัวสูงมาก ทว่าก็สัมผัสไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายเดินมาอยู่หน้าเตียงตัวเอง
เขาหาอยู่หลายห้อง สุดท้ายก็มาหยุดอยู่หน้าเตียงเสี่ยวจิ้งคง
เสี่ยวจิ่งคงถีบผ้าห่มออกไปตั้งนานแล้ว กำลังนอนอ้าแขนอ้าขากรนครอก!
ชายผู้นั้นนั่งลงข้างเตียง ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเผยรอยยิ้มออกมา
เขาจับใบหน้ารูปไข่ดวงน้อยของเด็กน้อย ก่อนจะเล่นเท้าน้อยๆ ของเขา สุดท้ายยังบีบเนื้อจ้ำม่ำบนพุงเขาต่อ
“ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวสูงแล้ว สูงเสียยิ่งกว่าต้นไม้ใหญ่ในลานบ้านอีก รู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันขี้โม้!”
“แขนน้อยๆ ขาน้อยๆ แน่นขึ้นแล้ว ใบหน้าน้อยๆ ก็จ้ำม่ำขึ้นแล้ว”
“ท่าทางบ้านนี้จะเลี้ยงเจ้าได้ไม่เลว อาจารย์ยังนึกว่าเจ้าจะเหมือนเมื่อก่อน ที่ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็โดนบ้านที่รับไปเลี้ยงเอามาส่งคืนน่ะ”
“หึ จำไม่ได้แล้วกระมัง ตอนหนึ่งขวบเจ้าโดนคนเอามาคืนตั้งสามครั้ง”
ชายผู้นั้นพึมพำคนเดียวพลางบีบมือน้อยๆ ของเด็กน้อย
เพราะอากาศร้อนมาก จึงไม่ได้ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา
ชายผู้นั้นแย้มยิ้มชั่วร้าย “อยู่ที่นี่นานเพียงนี้แล้ว คงจะเบื่อแล้วกระมัง เรียกอาจารย์สักคำสิ เดี๋ยวอาจารย์จะพาเจ้าไปเอง”
เสี่ยวจิ้งคง “อาจารย์…”
ชายผู้นั้นสีหน้าพลันเปลี่ยน แล้วทะยานพรวดขึ้นไปบนคานห้อง!
ความรวดเร็วที่หนีเตลิดกระเจิดกระเจิงนี้ยังหาตัวจับยาก!
เสี่ยวจิ้งพลิกตัวแล้วนอนต่อ
“ที่แท้ก็ละเมอนี่เอง” ชายผู้นั้นพรูลมหายใจโดล่งอก แล้วโปรยตัวลงมาสู่พื้นแผ่วเบา
ครานี้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว ทิ้งของขวัญวันเกิดเอาไว้ให้แล้วเตรียมตัวจากไป
นึกไม่ถึงว่าเขาเหลือบไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นหญิงชราที่อยู่ข้างกายเสี่ยวจิ้งคงเข้า
ชายผู้นั้นหรี่ตาดอกท้อที่ทำผู้คนลุ่มหลงลง “จวงไทเฮาแห่งแคว้นจ้าวมิใช่รึ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เจ้ากระตุกหนวดจวนเซวียนผิงโหวยังไม่พอ นึกไม่ถึงว่าจะเอาจวงไทเฮามาไว้ที่บ้านตัวเองด้วยอีก นี่เจ้ากำลังเล่นกับไฟอยู่นะ ศิษย์ของข้าไม่อาจมาเล่นกับไฟเป็นเพื่อนพวกเจ้าได้หรอกนะ”
ชายผู้นั้นเอ่ยพลางโน้มตัวไปอุ้มเสี่ยวจิ้งคงขึ้นมา
เสี่ยวจิ้งคงดันฝันแล้วยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง เตะพรวดข้าที่ปากของบุรุษคนนั้น!
ชายผู้นั้น “…”
ชายผู้นั้นกลอกตาใส่อย่างรังเกียจ แล่บลิ้นออกมา แทบจะหมดสติล้มลงไปกับพื้น!
เขาใช้กำลังภายในอันเลิศล้ำออกจากหน้าต่างไป แต่ตอนจะลงสู่พื้นดันล้มหน้าคว่ำกับพื้นเสียได้!
เสี่ยวจิ้งคงเก่งมวยปล้ำเช่นนี้ ล้วนร่ำเรียนมาจากอาจารย์ทั้งนั้น!