บทที่ 169 อาจารย์มาแล้ว

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

หลินเฉิงเย่กับเฝิงหลินมาถึงบ้านจึงได้รู้ว่าที่บ้านมีท่านปู่เพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง

เฝิงหลินฉงนไม่น้อย หญิงชราไม่ใช่คนป่วยโรคเรื้อนที่หมดสติสลบอยู่หน้าบ้านเจียวเหนียงกับลิ่วหลังตอนนั้นหรอกรึ

เหตุใดจึงมีปู่เพิ่มขึ้นมาอีกคนเล่า

เขากลับไม่ได้สงสัยว่าปู่คนนี้เป็นปู่ปลอมหรืออย่างไร ซ้ำยังคิดว่าทั้งสองคนพลัดหลงกันในตอนแรกด้วยซ้ำ

“เขามาหาถึงเมืองหลวงนี้ได้อย่างไรรึ” เฝิงหลินถาม

เท่าที่รู้มา ตัวอำเภอที่พบหญิงชราสลบอยู่ห่างจากจากเมืองหลวงเป็นพันเป็นหมื่นลี้เชียวนะ

กู้เจียวตักลูกชิ้นที่ทอดสุกแล้วขึ้นจากหม้อ “อาจจะได้ยินข่าวจากในหมู่บ้านกระมัง”

เฝิงหลินพยักหน้า “ก็จริง ไม่ว่าอย่างไรการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันย่อมเป็นเรื่องดี!”

เมื่อปีที่แล้วฉลองปีใหม่ที่หมู่บ้านมีเซวียหนิงเซียงกับโกว่หวา ปีนี้มีหลินเฉิงเย่ กู้เหยี่ยนและจี้จิ่วอาวุโสเพิ่มเข้ามา แม้จำนวนคนจะเพิ่มมาแค่หนึ่งคน แต่กลับให้ความรู้สึกคึกคักขึ้นมากกว่าเดิม

ที่สำคัญคือเฝิงหลินกับกู้เจียวสนิทกันแล้ว ก็กลายเป็นแตรอันดับสองของบ้านรองจากเสี่ยวจิ้งคงทันที

เขาเสียงดังเสียจนเซียวลิ่วหลังหนวกหูจนทนไม่ไหว เสียใจยิ่งนักที่ตอนนั้นช่วยไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ของเขากับกู้เจียวให้!

เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเซียวลิ่วหลังและเสี่ยวจิ้งคง ที่บ้านต่างเตรียมของขวัญเอาไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว

กู้เหยี่ยนให้ตุ๊กตาดินปั้นที่ตัวเองปั้นเอง ตั้งแต่ที่กู้ฉังชิงเข้าใจผิดว่าไม้แกะสลักของเขาเป็นรูปลิง ความมั่นใจโดนโจมตีขนานใหญ่ เขาก็ไม่ไปเรียนแกะสลักของกับกู้เสี่ยวซุ่นอีกเลย

กู้เสี่ยวซุ่นยังคงให้ไม้แกะสลักเหมือนเดิม เขาแกะสลักคัมภีร์เล่มหนึ่งให้เสี่ยวจิ้งคง และแกะสลักรวมบทกวีหนึ่งเล่มให้เซียวลิ่วหลัง

ฝีมือเขาพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อสองเดือนก่อนที่เป็นวันเกิดกู้เจียวมากทีเดียว

กู้เจียวรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าพรสวรรค์ของน้องชายคนนี้ไม่ควรชักช้าเสียเวลาเช่นนี้ต่อไป

รอให้ฉลองปีใหม่เสร็จสิ้นก่อน นางจะไปหาอาจารย์ช่างไม้ที่เชื่อถือได้มาให้เขาได้เริ่มเรียนเสริมหลังเลิกเรียน

หญิงชรายังคงให้กระเป๋าเงินเหมือนเดิม อีกทั้งกระเป๋าเงินของนางก็ดีกว่าคราก่อนมากด้วย

“ท่านย่าเก่งกาจนัก” กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยชม

หญิงชราเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

จากนั้นก็ได้ยินเสี่ยวจิ้งคงเอ่ยว่า “ท่านปู่เป็นคนปักต่างหากเล่า! ข้าเห็นหมดแล้ว!”

ท่านย่าแค่ตัดด้ายเส้นเดียวแค่นั้นเอง!

หญิงชรา เณรน้อยเจ้าหยุดพูดหน่อยไม่ได้หรือไร!

จี้จิ่วอาวุโส นั่นสิ! ข้าไม่ต้องมีแล้วกระมังหน้าตาน่ะ!

ศัตรูเก่าที่ต่อสู้มาครึ่งชีวิตจนฟ้าถล่มดินทลาย ยามนี้กลับหายใจด้วยรูจมูกเดียว!

จี้จิ่วอาวุโสให้อุปกรณ์สำคัญในห้องหนังสือเป็นของขวัญแก่เซียวลิ่วหลัง

กู้เจียวไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่เห็นเซียวลิ่วหลังแววตาเป็นประกายแปลกใจ ของชุดนี้มีความเป็นมามากมายอย่างเห็นได้ชัด

จี้จิ่วอาวุโสพยายามเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ เงินเดือนไม่ได้ลดลงเท่าใด แต่เขาเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท ในมือมีของพระราชทานครอบครองอยู่มากมาย สุ่มหยิบมาสักอย่างล้วนเป็นสิ่งมีค่าราคาไม่ธรรมดา

“ท่านปู่! ท่านปู่!” เสี่ยวจิ้งคงมองเขาอย่างน่าเอ็นดู

จี้จิ่วอาวุโสแทบจะใจอ่อนยวบกับความน่าเอ็นดูของเขาอยู่รอมร่อแล้ว

จี้จิ่วอาวุโสย่อมให้ของขวัญที่เตรียมมาแล้วแก่เสี่ยวจิ้งคง เขารู้ว่าเสี่ยวจิ้งคงกำลังเรียนภาษาต่างแคว้นอยู่ จึงแปลนิทานพื้นบ้านหลายเรื่องให้เป็นหกภาษา หนึ่งในนั้นคือภาษาบาลี

อีกทั้งเพื่อเพิ่มความสนใจในการอ่านของเขาให้มากขึ้น จึงได้สอดแทรกรูปภาพเข้าไปด้วย

เสี่ยวจิ้งคงมองแวบเดียวก็ถูกใจทันที!

“ขอบคุณท่านปู่มากขอรับ!”

เฝิงหลินกับหลินเฉิงเย่ก็ให้ของขวัญของแต่ละคนเช่นกัน

เมื่อถึงตากู้เจียว กู้เจียวให้กล่องแก่ทั้งคู่คนละใบ

เสี่ยวจิ้งคงเปิดดูเดี๋ยวนั้นเลย เขาได้หมากรุกจีนที่กู้เจียวให้คนประดิษฐ์ขึ้นหนึ่งชุด สมัยโบราณไม่มีแก้ว นางจึงใช้ลูกเหล็กสีสันแตกต่างกันแทน

ตอนนางเด็กๆ ชอบเล่นหมากรุกมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเสี่ยวจิ้งคงจะชอบหรือไม่

นอกจากหมากรุกแล้ว ยังมีนกกระเรียนกระดาษอีกหลายตัวที่นางพับเอง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการตกแต่ง

เสี่ยวจิ้งคงชื่นชอบทั้งหมดเลย!

ของขวัญที่คนอื่นให้ล้วนเอาออกมาวางอยู่บนโต๊ะหมด แต่ของกู้เจียวยังคงอยู่ในกล่อง เซียวลิ่วหลังไม่ได้แกะตรงนั้นเดี๋ยวนั้น

ตอนวันเกิดกู้เหยี่ยนก็ไม่แกะ ทำเอาเสี่ยวจิ้งคงอยากรู้อยู่นาน

แต่ของขวัญวันนี้มากมายเกินไปจริงๆ ความสนใจของเสี่ยวจิ้งคงล้วนถูกของขวัญดึงดูดไว้จนหมด ไม่มีเวลามาสนใจพี่เขยเลย

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังใช้วันเกิดมาขอจุ๊บๆ จากกู้เจียวหนึ่งจุ๊บใหญ่ๆ อีกด้วย!

คืนนี้เฝิงหลินกับหลินเฉิงเย่รั้งอยู่โต้รุ่งส่งท้ายปีเก่าที่นี่

เซียวลิ่วหลังกับเสี่ยวจิ้งคงยกห้องให้ทั้งสองคนพัก เสี่ยวจิ้งคงเกือบจะถูกท่านย่าจับไปนอนห้องนางแล้ว ยังดีที่เขาฉลาดปราดเปรื่อง ใช้ความเป็นเจ้าของวันเกิดของตัวเองและความหน้าด้านที่สุดของเขามานอนในห้องเจียวเจียว!

เขาไม่มีทางได้รู้เลยว่า

พอเสียงกรนคร่อกๆ ของเขาดังขึ้น หญิงชราก็มาพาเขากลับไปเป็นหมอนข้างที่ห้องตัวเองแล้ว

การอยู่โต้รุ่งคืนส่งท้ายปีไม่ได้อยู่โต้รุ่งทั้งคืนจริงๆ เมื่อช่วงใกล้ๆ ยามจื่อ ทุกคนก็กลับไปนอนที่ห้องกันแล้ว

เซียวลิ่วหลังกับกู้เจียวก็กลับมาที่ห้องปีกตะวันออกเช่นกัน

ในห้องเผาถ่านเอาไว้ จึงไม่นับว่าหนาวมากนัก กู้เจียวปูผ้าปูที่นอนสองผืน นอนกันคนละผืน

เซียวลิ่วหลังหอบกล่องเดินเข้ามา

กู้เจียวหันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง “จะนอนหรือไม่”

“อืม” เขาพยักหน้า

กู้เจียวออกไปตรวจดูกลอนประตูที่หน้าเรือนหลังเรือน เมื่อกลับมาที่ห้องเขาก็กำลังแกะของขวัญที่นางให้พอดี

ท่าทางสนใจใคร่รู้และระมัดระวังนั้น กู้เจียวไม่เคยเห็นมันปรากฏบนใบหน้าเขามาก่อน

เมื่อไม่นานมานี้รู้สึกว่าเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ ยามนี้กลับรู้สึกว่าจิตใจเขายังคงเป็นเด็กอยู่เลย

“ชอบหรือไม่” เสียงกู้เจียวดังขึ้นหน้าประตู

เซียวลิ่วหลังสะดุ้งตกใจ เขาสงบจิตสงบใจ แล้วหันไปมองนางโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน “เหตุใดจึงเป็นหมากรุกอีกเล่า”

นั่นเป็นสิ่งที่ทำเพิ่มขึ้นมา

ที่กู้เจียวอยากจะให้เขาหลักๆ ก็คือเสื้อผ้าที่นางตัดเย็บเองต่างหาก

กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ ก่อนเอ่ยว่า “เสี่ยวจิ้งคงมี เจ้าก็ต้องมีด้วยสิ!”

เซียวลิ่วหลังส่งเสียงอ้อออกมา จู่ๆ ก็นึกเปรียบเทียบกับเด็กจริงๆ จังๆ ขึ้นมาว่า “เหตุใดอันนั้นข้าไม่มีเล่า”

“อันไหนรึ” กู้เจียวเอียงคอถาม

“อันนั้นน่ะ” เซียวลิ่วหลังพูดไม่ออก

กู้เจียวครุ่นคิด นึกขึ้นมาได้แล้วจึงส่งเสียงอ๋อออกมา นางค่อนข้างสงสัยว่าเพราะเหตุใดเขาจึงร้องขออะไรแบบนี้ขึ้นมา แต่นางก็ยังคงเดินไปหา ภายใต้ความจดจ้องถลึงตาเบิกโตอย่างอ้ำอึ้งๆ ของเซียวลิ่วหลัง นางโน้มตัวไปจุ๊บบนหน้าเขาทีหนึ่ง

เซียวลิ่วหลังพลัน “!!!”

อ๊ะ!

ขะ…เขาหมายถึงนกกระเรียนกระดาษพับนั่นต่างหาก!

เซียวลิ่วหลังหน้าแดงก่ำไปทั้งดวง โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกู้เจียวจุ๊บ มันแดงจนเกือบจะมีเลือดหยดออกมาได้

ตอนเข้านอน กู้เจียวดับไฟลง ความอบอุ่นภายในห้องค่อยๆ ลดลง แต่เซียวลิ่วหลังยังคงรู้สึกว่าตัวเองยังคงตัวร้อนอยู่เลย

เขานอนลงข้างกายกู้เจียวตัวแข็งทื่อ

ตะเกียงน้ำมันก็ดับไปแล้วเช่นกัน ประกายแสงสะท้อนจากหิมะลอดผ่านตาข่ายหน้าต่างเข้ามา

เขาเบิกตาโตนอนไม่หลับ

เพราะจุ๊บๆ ที่จู่ๆ ก็โดนกะทันหัน ทำเอาในสมองเขายุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด แม้แต่ภาพเปลวไฟลุกโชนที่ทำให้หายใจไม่ออกนั่นยังไม่เผาไหม้ในหัวเขาเลย

เขาพลิกตัวหันหน้าไปหานางที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝันอันลึก

ยามดึกดื่นเงียบสงัด จันทรามืดลมพัดแรง

ทุกคนต่างเข้าสู่ห้วงนิทรา

เงาร่างแปลกประหลาดร่างหนึ่งกลับเร้นกายเข้าสู่เรือนพวกเขาอย่างเงียบงันไร้เสียง

กู้เจียวมีความระแวดระวังตัวสูงมาก ทว่าก็สัมผัสไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายเดินมาอยู่หน้าเตียงตัวเอง

เขาหาอยู่หลายห้อง สุดท้ายก็มาหยุดอยู่หน้าเตียงเสี่ยวจิ้งคง

เสี่ยวจิ่งคงถีบผ้าห่มออกไปตั้งนานแล้ว กำลังนอนอ้าแขนอ้าขากรนครอก!

ชายผู้นั้นนั่งลงข้างเตียง ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเผยรอยยิ้มออกมา

เขาจับใบหน้ารูปไข่ดวงน้อยของเด็กน้อย ก่อนจะเล่นเท้าน้อยๆ ของเขา สุดท้ายยังบีบเนื้อจ้ำม่ำบนพุงเขาต่อ

“ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวสูงแล้ว สูงเสียยิ่งกว่าต้นไม้ใหญ่ในลานบ้านอีก รู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันขี้โม้!”

“แขนน้อยๆ ขาน้อยๆ แน่นขึ้นแล้ว ใบหน้าน้อยๆ ก็จ้ำม่ำขึ้นแล้ว”

“ท่าทางบ้านนี้จะเลี้ยงเจ้าได้ไม่เลว อาจารย์ยังนึกว่าเจ้าจะเหมือนเมื่อก่อน ที่ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็โดนบ้านที่รับไปเลี้ยงเอามาส่งคืนน่ะ”

“หึ จำไม่ได้แล้วกระมัง ตอนหนึ่งขวบเจ้าโดนคนเอามาคืนตั้งสามครั้ง”

ชายผู้นั้นพึมพำคนเดียวพลางบีบมือน้อยๆ ของเด็กน้อย

เพราะอากาศร้อนมาก จึงไม่ได้ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา

ชายผู้นั้นแย้มยิ้มชั่วร้าย “อยู่ที่นี่นานเพียงนี้แล้ว คงจะเบื่อแล้วกระมัง เรียกอาจารย์สักคำสิ เดี๋ยวอาจารย์จะพาเจ้าไปเอง”

เสี่ยวจิ้งคง “อาจารย์…”

ชายผู้นั้นสีหน้าพลันเปลี่ยน แล้วทะยานพรวดขึ้นไปบนคานห้อง!

ความรวดเร็วที่หนีเตลิดกระเจิดกระเจิงนี้ยังหาตัวจับยาก!

เสี่ยวจิ้งพลิกตัวแล้วนอนต่อ

“ที่แท้ก็ละเมอนี่เอง” ชายผู้นั้นพรูลมหายใจโดล่งอก แล้วโปรยตัวลงมาสู่พื้นแผ่วเบา

ครานี้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว ทิ้งของขวัญวันเกิดเอาไว้ให้แล้วเตรียมตัวจากไป

นึกไม่ถึงว่าเขาเหลือบไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นหญิงชราที่อยู่ข้างกายเสี่ยวจิ้งคงเข้า

ชายผู้นั้นหรี่ตาดอกท้อที่ทำผู้คนลุ่มหลงลง “จวงไทเฮาแห่งแคว้นจ้าวมิใช่รึ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เจ้ากระตุกหนวดจวนเซวียนผิงโหวยังไม่พอ นึกไม่ถึงว่าจะเอาจวงไทเฮามาไว้ที่บ้านตัวเองด้วยอีก นี่เจ้ากำลังเล่นกับไฟอยู่นะ ศิษย์ของข้าไม่อาจมาเล่นกับไฟเป็นเพื่อนพวกเจ้าได้หรอกนะ”

ชายผู้นั้นเอ่ยพลางโน้มตัวไปอุ้มเสี่ยวจิ้งคงขึ้นมา

เสี่ยวจิ้งคงดันฝันแล้วยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง เตะพรวดข้าที่ปากของบุรุษคนนั้น!

ชายผู้นั้น “…”

ชายผู้นั้นกลอกตาใส่อย่างรังเกียจ แล่บลิ้นออกมา แทบจะหมดสติล้มลงไปกับพื้น!

เขาใช้กำลังภายในอันเลิศล้ำออกจากหน้าต่างไป แต่ตอนจะลงสู่พื้นดันล้มหน้าคว่ำกับพื้นเสียได้!

เสี่ยวจิ้งคงเก่งมวยปล้ำเช่นนี้ ล้วนร่ำเรียนมาจากอาจารย์ทั้งนั้น!