ณ สถานที่จัดงานราตรีของคาสิโนที่ตั้งอยู่ในเขตที่ 7 ของโคโลนี่ ที่บริเวณหน้าทางเข้างานที่ถูกปูด้วยพรมสีแดงเป็นแนวยาวพร้อมกับผู้คนสวมหน้ากากจำนวนมากที่กำลังเดินตรงไปที่ทางเข้างาน

และในบรรดาเหล่าแขกที่กำลังหลั่งไหลกันเข้าไปในงานนั้น ได้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ประกอบไปด้วยชายหนุ่มผมสีดำสวมหน้ากากสีขาวในชุดสูทสีทองที่มีการออกแบบดูแปลกตาพร้อมกับมีเด็กสาวผมสีขาวสวมผ้าปิดหน้าบางๆ สองคนในชุดราตรีสีดำและสีขาวคอยเดินอยู่ข้างกายของชายหนุ่ม และด้วยความโดดเด่นที่ได้กล่าวมาในข้างต้น มันเลยทำให้ในตอนนี้พวกเขานั้นกำลังตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าผู้ร่วมงานคนอื่นๆ อย่างช่วยไม่ได้

“นะ…นี่เนียร์…”

“มีอะไรเหรอคะคุณศิวะ?”

“เธอแน่ใจนะว่าพวกเราจะเดินเข้าไปในงานนี้ได้จริงๆ น่ะ!? แถมดูเหมือนว่าพวกคนที่อยู่รอบๆ จะเริ่มจ้องเขม็งมาที่พวกเราด้วย? วะ…ว่าแล้วเชียวแล้ว ชุดที่พวกเราใส่อยู่มันดูห่วยกว่าที่ชาวบ้านเขาใส่กันจริงด้วย!?”

“นี่นายกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้ไงเนี่ย!? นี่รู้หรือเปล่าว่ามันเป็นการเสียมารยาทต่อคุณ มอร์เม็ธต้า สุดๆ เลยนะรู้ไหม!!?”

“พะ…พูดแบบนั้นมันก็แรงไปนะคะคุณศิวะ จริงอยู่ว่าถ้าเทียบกับผลงานตามปกติแล้ว ชุดของคุณมอร์เม็ธต้าอันนี้มันอาจจะดูเรียบง่ายและไม่หวือหวาอะไรมากก็จริง แต่มันก็เป็นชุดดูดีที่สุดเท่าที่งบของเราจะสามารถซื้อต่อจากคุณมอร์เม็ธต้าได้แล้วนะคะ…”

“แล้วทำไมพวกเธอถึงไปเลือกร้านที่หน้าเลือดได้โล่ขนาดนั้นกันละฟะ… ถ้าจำไม่ผิดแถวนั้นก็มีร้านแบบเดียวกันอยู่ตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปซื้อจากร้านพวกนั้นละ?”

“เพราะว่านี้เป็นงานที่ร่วมแขกระดับ VIP เกือบทั่วทั้งจักรวาลยังไงละคะ จริงอยู่ที่ว่าหนูได้ทำการเพิ่มรายชื่อของพวกเราเพื่อให้ผ่านการยืนยันตัวตนก่อนเข้างานแล้วก็จริง แต่ถ้าเกิดเราประมาทกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ขึ้นมาละก็ บางทีอาจจะความแตกเรื่องที่พวกเราไม่ใช่แขก VIP ตัวจริงได้ง่ายๆ เลยก็ได้คะ”

“คะ…แค่เรื่องเสื้อผ้าก็ทำเอาความแตกได้เนี่ยนะ? พูดเวอร์ไปมั้ง…”

“ถ้าไม่เชื่อนายก็ลองเงี่ยหูฟังเรื่องที่พวกคนที่กำลังจ้องเราพูดถึงเราดูสิ”

“หืม?”

เมื่อได้ยินแบบนั้นตัวชายหนุ่มก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก พร้อมกับพยายามฟังเสียงพูดของคนที่อยู่รอบๆ

“ชะ…ชุดที่ชายคนนั้นกำลังใส่อยู่!? ถ้าจำไม่ผิดมันคือ ซีรีส์ Golden Emperor ชุดมายาที่มีเพียงแค่ 7 ชิ้นของมอร์เม็ธต้าไม่ใช่เหรอ!! การที่สามารถครอบครองของที่หายากขนาดนั้นได้ ชายคนนั้นเป็นใครกัน!!?”

“นี่เธอดูชุดที่ผู้ติดตามของเขาใส่สิ!? นะ…นั้นมัน Lightness and Darkest 1 ใน 3 สุดยอดผลงานของมอร์เม็ธต้าไม่ใช่เหรอ!! ระ…รีบถ่ายภาพไว้เร็วเข้า!! อ๊า~ การที่ได้มาเห็นผลงานในตำนานของมอร์เม็ธต้าจริงๆ แบบนี้ นี่ฉันได้ใช้โชคดีทั้งชีวิตของฉันหมดไปแล้วสินะ…”

เสียงจากผู้คนที่อยู่โดยรอบเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับสายตาของผู้คนกับแสงแฟลชจากกล้องที่เริ่มจะหันมาทางพวกเขามากขึ้น จนตัวเขาเริ่มรู้สึกเหวอกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ก่อนที่จะก้มลงไปมองเด็กทั้งสองคนที่กำลังออกอาการเหวอเช่นเดียวกันกับเขา

“นะ…นี่เนียร์? งะ…ไหงชุดหลังร้านราคาถูกระดับขูดเลือดขูดเนื้อนี่ ถึงมีคนมาบอกว่ามันเป็นชุดมายาเอยบ้างล่ะ ไม่ก็ชุดในตำนานเอยบ้างล่ะ ละ…แล้วอาเจ้ผีเสื้อกลางคืนขาวจั๊วะนั้น นี่เจ้แกเป็นคนดังขนาดนั้นเลยเหรอ…”

“อะ…อันนั้นหนูก็ไม่รู้เหมือนกัน… จริงอยู่ที่คุณแม่กับคุณมอร์เม็ธต้าเป็นเพื่อนสนิทกัน ตะ…แต่หนูนึกว่าเธอจะเป็นแค่ดีไซเนอร์ระดับสูงธรรมดาเฉยๆ ซะอีก… ยะ…แย่ละสิ ชุดนี้มันเด่นเกินไป… ถ้ายังมีคนคอยจ้องพวกเราอยู่เรื่อยๆ แบบนี้ละก็…”

“นะ…นี่พวกเราโดนคุณมอร์เม็ธต้าขายอะไรให้มากันเนี่ย… ถะ…ถ้าชุดแบบนั้นมันทำเราเด่นเกินไปจนทำให้ความแตกขึ้นมาละก็มีหวัง… ทะ…ทำยังไงดีละเนียร์!?”

“โฮ้ยๆ อย่าพึ่งมาสติแตกกันตอนนี้สิฟะ! นี่เราใกล้จะถึงจุดรับแขกแล้วนะ!! รีบตั้งสติเร็วเข้า!”

ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างของเขาโอบไปที่ไหล่ของเด็กทั้งสอง ก่อนที่จะออกแรงจับเบาๆ เพื่อเรียกสติของพวกเธอ

““ตะ…แต่ว่า!! เอ๊ะ!?” ”

ในจังหวะที่เด็กสาวทั้งสองกำลังจะหันหน้ามามองเขา พวกเธอที่รู้สึกถึงมือของชายหนุ่มที่กำลังลูบหัวพวกเธอเบาๆ พร้อมกับพูดเสียงเบาๆ ระดับที่พอให้พวกเธอทั้งคู่ได้ยิน

“ยืดตัวให้ตรงจากนั้นก็มองไปข้างหน้าแล้วยิ้มเข้าไว้…”

“เอ่อคือ… คุณศิวะคะ? นี่มัน…”

“เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ไว้รับมือกับอาการตื่นสนามที่เจ้คนหนึ่งเคยสอนมาน่ะ แต่ช่างเรื่องนั้นก่อน เอาๆ ทำหัวให้โล่งเข้าไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แบบนี้”

ชายหนุ่มเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับใช้มือของเขาค่อยๆ ดันหลังของเด็กทั้งสอง

เนียร์และเมียร์ที่เห็นว่าศิวะดูมีท่าทีแปลกไปก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้พวกเธอจะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ว่าการที่อยู่ๆ ศิวะช่วยพูดอะไรแบบนั้นออกมา มันก็ช่วยให้พวกเธอที่กำลังประหม่ารู้สึกผ่อนคลายลงอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อทั้งสามคนเดินไปถึงจุดตรวจคนเข้างานก็ได้มีพนักงานประมาณ 6 – 7 คนออกมายืนล้อมอยู่รอบตัวพวกเขา ก่อนที่หนึ่งในคนที่เดินมาล้อมพวกเขาจะก้าวออกมาข้างหน้า พร้อมกับยืนแผ่นโลหะสีเงินแวววาวมาทางพวกเขาทั้งสามคน

“ช่วยสละเวลาในยืนยันสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานด้วยครับ”

พวกเขาทั้งสามคนยืนมือออกไปแตะแผ่นโลหะพร้อมกันอยู่สักพักก่อนที่จะค่อยๆ ชักมือออก

“ยืนยันสิทธิ์เสร็จสิ้น ยินดีต้อนรับสู่งานราตรีครับท่าน ศิวะ นรรัตน์ และผู้ติดตามทั้งสองท่าน ทางเราหวังว่าพวกท่านได้รู้สึกพึงพอใจกับงานเลี้ยงต้อนรับในคืนนี้นะครับ”

เหล่าคนที่กำลังล้อมตัวพวกเขาทั้งสามคนได้เริ่มถอยห่างพวกเขาในทันที พร้อมกับแสดงท่าทีความเคารพต่อพวกเขา ก่อนที่ไม่นานคนเหล่านั้นจะเดินไปล้อมแขกมาใหม่ที่อยู่ด้านหลังพวกเขาในเวลาต่อมา

“ถ้าเช่นนั้นเชิญทางนี้เลยครับ กระผมจะเป็นผู้นำทางไปยังสถานที่จัดงานเองครับ”

ทั้งสามคนไม่พูดอะไรพร้อมกับเดินตามหลังพนักงานคนนั้นไปในทันที

***

ในอีกด้านหนึ่ง ณ บริเวณชั้นใต้ดินที่ตั้งอยู่ใจกลางของสถานที่จัดงานราตรีของคาสิโน ได้มีกลุ่มคนงานหลากหลายเผ่าพันธุ์กำลังลงมือขนย้ายสิ่งของมีค่าลงมาจากยานอวกาศหลาย 10 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ในบริเวณนั้นอย่างขยันขันแข็ง โดยมีชายหูยาวตัวเล็กที่มีผมสั้นสีเขียวขจีคอยจ้องมองลงมาจากห้องกระจกที่อยู่สูงขึ้นไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจพร้อมกับเริ่มแสยะยิ้มออกมา

“หึหึหึ… ดูเหมือนว่าแผนในครั้งนี้จะใช้งานได้ดีกว่าที่คำนวณไว้อีกสินะ ยอดเยี่ยม… ยอดเยี่ยมจริง!!ๆ ฮ่ะฮ่ะฮ่า!!”

“ขออนุญาตค่ะ ท่านเนบิส”

ประตูห้องได้เปิดออกพร้อมกับมีเด็กสาวผมดำยาวสวมชุดเมดที่ตัวสูงกว่าชายหูยาวเล็กน้อยเดินเข้ามาก้มหัวอยู่ข้างหลังเขา

“เธอนี่ชอบเข้ามาขัดจังหวะฉันจริงๆ เลยนะ ‘วีร์’ ช่างเถอะ… ถ้ามีอะไรจะรายงานก็รีบรายงานมาซะ”

“ขอรายงานค่ะ จากเหตุการณ์ที่โดนทางเราบุคคลภายนอกบุกเข้ามาอย่างเงียบๆ เมื่อประมาณ 8 ชม. ที่แล้ว ทางเราได้ส่งหน่วยไล่ล่าที่ 742 เพื่อไปตามจับบุคคลคนพวกนั้น แต่ทว่าหลังจากที่หน่วยไล่ล่าออกปฏิบัติการได้แค่ 2 ชม. 28 นาที. 44 วิ. สัญญาณของหน่วยไล่ล่าที่ 742 ก็ได้ขาดหายไปอย่างไร้ร่องรอยค่ะ…”

“ชิ! แค่พวกหนูไม่กี่ตัวยังจัดการกันไม่ได้แบบนี้!! สมกับที่เป็นหน่วยไล่ล่าชั้นต่ำจริงๆ แล้วความเสียหายอื่นนอกจากเจ้าพวกนั้นละ?”

“นอกจากข้อมูลรายชื่อของสินค้าประมูลที่ถูกทำสำเนาไปก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมค่ะ”

“เอาไปแต่ข้อมูลสินค้างั้นเหรอ?”

เนบิสหลับตาลงพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ

“ไอ้พวกหนูนี่มันน่ารำคาญจริงๆ แต่ช่างเถอะ… ติดต่อไปหาไลบราและสั่งให้ทางหน่วยงานกลางของโคโลนี่จัดการเรื่องนี้ต่อซะ”

“รับทราบแล้วค่ะ”

“แล้วเรื่องการตรวจสอบผลึกที่ปล่อยคลื่นพลังงานแปลกๆ นั่น ได้เรื่องอะไรบ้างไหม?”

“ผลการวินิจฉัยเสร็จแล้วค่ะ ตามที่หัวหน้าฝ่ายวิจัยส่งรายงานมาดูเหมือนว่าเจ้าผลึกอาร์คแปลกๆ ชิ้นนี้จะเป็นประเภทเดียวกับผลึกพิเศษที่เราเป็นแกนพลังงานของซิงกูลารี้วาปที่ทางเราใช้อยู่ถึง98.88% ค่ะ”

“แล้วเรื่องการนำมาใช้งานละ?”

“แม้จะยังไม่ได้ทำการทดลองกับแกนของซิงกูลารี้วาปก็ตาม แต่ว่าจากการทดลองกับอุปกรณ์ทั่วไปพบว่า ตัวของผลึกมีความสามารถในการพัฒนาศักยภาพของตัวอุปกรณ์ที่นำไปใส่ได้ค่ะ

“อืม… รูปแบบพลังงานเดียวกัน แต่ความสามารถกับไม่เหมือนกันงั้นเหรอ…”

เนบิสหลับตาใช้ความคิดอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปนั่งไขว่ห้างกับโซฟาที่อยู่ในห้องโดยมี วีร์ มายืนเตรียมชงชาอยู่ข้างๆ

“ถ้างั้นก็พอดีเลยสินะ… วีร์!!”

“มีอะไรเหรอคะท่านเนบิส”

“บอกให้พวกนั้นส่งผลึกนั้นไปให้หน่วยวิจัยลับของฉันที่ตั้งอยู่ในเขตที่ 5 และสั่งให้พวกใช้เจ้าผลึกนี้เป็นแกนพลังงานให้กับ ‘ไอ้นั่น’ จากนั้นก็ส่งมันมาที่สนามใต้ดินก่อนเวลาเริ่มงานเลี้ยงซะ”

เนบิสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับหยิบชาที่พึ่งชงเสร็จใหม่ๆ ขึ้นมาดื่มอย่างช้าๆ

“ทำการเปลี่ยนชื่อจาก ‘เซนติเนล (Sentinel) ’ เป็น ‘ไอ้นั่น’ สินะคะ รับทราบแล้วค่ะท่านเนบิส จะรีบเตรียม ‘ไอ้นั่น’ ตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้ละคะโปรดวางใจได้ ไม่วางยังไงก็จะนำ ‘ไอ้นั่น’ มาส่งให้กับท่านให้จงได้ค่ะ”

“หนวกหูเฟ้ย!! แล้วเธอจะพูด ‘ไอ้นั่น’ ย้ำซ้ำๆ ทำไมฟะ?”

เนบิสยืนขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่วีร์ด้วยสีหน้าที่ดูโมโหเล็กน้อย

“ยืนยันการเปลี่ยนชื่อจาก ‘เซนติเนล’ เป็น ‘ไอ้นั่น’ เสร็จสิ้น”

“อย่านะโว้ย!! ยัยหุ่นงี่เง่า!! เธอคิดว่าฉันใช้เวลาขนาดไหนถึงจะคิดชื่อเท่ๆ แบบนั้นได้ฟะ!? ห้ามเปลี่ยนโว้ย! ห้ามเปลี่ยน!!”

“ฮ่ะฮ่ะฮ่า… ล้อเล่นค่ะ ถ้าเช่นนั้นดิฉันของตัวไปจัดการเรื่องที่สั่งเลยนะคะ”

วีร์หัวเราะออกมาด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ ก่อนที่เธอจะก้มหัวให้เนบิสและค่อยๆ เดินออกจากห้องไปในที่สุด

ตัวของเนบิสที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยืนจ้องประตูที่วีร์พึ่งเดินออกไป พร้อมกับค่อยๆ ถอนหายใจออกมาและนั่งเอนตัวไปกับโซฟาตามเดิม

“นี่ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย… นั้นมันก็ ‘วีร์’ เองนะ ก็แค่ร่างที่กลวงเปล่า แค่สิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมา มันไม่ใช่เธอตัวจริงสักหน่อย… วีร์…”

เนบิสลวงมือที่กำลังสั่นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพร้อมกับหยิบกล่องทรงกระบอกขนาดเล็กออกมา ก่อนที่จะใช้มันแตะไปที่ต้นคอของตัวเองเบาๆ จนอาการมือสั่นหายได้

“ฟู่~ ค่อยดีขึ้นมาหน่อย เอาละ…”

เนบิสลงยืนขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่เงาสะท้อนรางๆ ของตัวเองที่อยู่ในกระจกเพื่อตรวจความเรียบร้อย

“เยี่ยม! จริงสิ… จะว่าไปยังไม่ได้เตรียมตัวทดลองสำหรับทดสอบพลังของ ‘เซนติเนล’ เลยสินะ เอายังไงดีนะ? อืม… โอ๊ะ! ถ้าจำไม่ผิดเราน่าจะมี ‘สัตว์ภูติดารา (Cosmic beast) ’ ที่ค้างอยู่ในสต๊อกสินค้าอยู่สินะ”

เนบิสวาดมือไปด้านหน้าพร้อมกับมีหน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่เล็กหลาย10จอปรากฏขึ้นมา

“เจอแล้วๆ อืม… เหลือแต่พวกตัวโหดๆ แพงๆ งั้นเหรอ เอาเถอะ… ถึงจะดูขาดทุนไปหน่อย แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่มีละนะ”

เนบิสพูดพึมพำออกมาด้วยสีหน้าที่ดูเสียดายเล็กน้อย ก่อนที่จะลวงมือหยิบนาฬิกาพกที่ดูเก่ามากๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

“ใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงต้อนรับแล้วสินะ เอาละ…”

ในจังหวะที่เนบิสปาดมือลงอย่างรวดเร็ว จนจอโฮโลแกรมที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็ได้หายไปในทันทีพร้อมกับเริ่มแสยะยิ้มออกมา

“ได้เวลาต้องไปต้อนรับเหล่าคุณลูกค้ากระเป๋าหนักแล้วสิ…”

***

อีกด้านหนึ่ง

ทางด้านของพวกศิวะที่พึ่งแอบเข้างานมาได้สำเร็จ ตอนนี้พวกเขากำลังเจอกับปัญหาที่ทำให้พวกเขาทั้งสามคนต้องเหงื่อตกไปตามๆ กันด้วยความตึงเครียด

“ศูนย์! ศูนย์!! ลงช่องเขียวไปเลยลูกพ่อ!!!”

ลูกเหล็กที่หมุนวนอย่างรวดเร็วอยู่บนกระดานเริ่มช้าลงเรื่อยๆ ก่อนที่ไม่นานลูกเหล็กลูกนั้นจะไปตกที่เลข 32 ที่อยู่ถัดข้างๆ เลข 0 แทน

“ม่าย~!! อีกแค่นิดเดียวเองไอ้แม่ย้อย! ไม่ได้ๆ แบบนี้ต้องแก้มืออีกรอบ!!”

เมียร์ที่เห็นว่าศิวะกำลังจะลงเล่นอีกรอบ เธอจึงรีบเข้ามาคว้ามือของชายหนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว

“พอแค่นั้นเลยย่ะ!! แล้วนี่คิดบ้าอะไรอยู่ถึงไปเทเงินกว่าครึ่งไปออลอินลงช่องเขียวอยู่ช่องเดียวแบบนั้นกันยะ!?”

“ก็ถ้ามันตกลงช่องนั้นแล้วละก็ เราก็จะได้เงินมากกว่าปกติตั้งหลายเท่าเลยไม่ใช่เหรอ!!”

“เอ่อคือ… มันก็ใช่อยู่หรอกค่ะคุณศิวะ ตะ…แต่ว่าโอกาสความน่าจะเป็นจำที่มันจะลงนะ… มันต่ำมากเลยนะคะ”

เนียร์พูดกับชายหนุ่มด้วยท่าทีที่ดูลำบากใจ ในขณะที่ตัวเขาได้แต่ก้มหน้าทำใจยอมรับความพ่ายแพ้จากความงี่เง่าของตัวเอง

“เรื่องนั้นฉันรู้ว่าโอกาสออกมันต่ำ ตะ…แต่ว่ามันก็ยังมันก็ความเป็นไปได้อยู่ไม่ใช่หรือกัน!! ความเป็นไปได้ที่เทพธิดาแห่งโชคจะเข้าข้างเราน่ะ!!”

“เฮ้อ… ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ไม่น่าปล่อยให้หมอนี่เป็นคนเล่นเองเลยให้ตายสิ… มาๆ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง นายไปหาเล่นอะไรง่ายๆ รออยู่แถวนั้นก่อนเถอะไป”

เมียร์เดินเข้ามาตรงจุดที่เขาเคยอยู่พร้อมกับปัดมือไล่ตัวเขาออกไป ก่อนที่ตัวเธอจะลงมือเริ่มเล่นเกมต่อในทันที โดยที่ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทีเซ็งๆ

“เอ่อคือ… ถ้าไม่ว่าอะไร จะลองไปเล่นแบล็กแจ็คตรงนั้นดีไหมคะคุณศิวะ?”

“จะให้ไปเล่นเป็นเพื่อนมันก็ได้อยู่หรอก… แต่ว่าพวกเรามัวแต่เล่นอยู่แบบนี้มันจะดีจริงเหรอ?”

“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ จริงอยู่ที่ว่าแผนตามเดิมคือการให้คุณศิวะมาเป็นคนคุ้มกันตอนที่พวกเราบุกเข้าไปเอาของออกมา แต่จากข้อมูลที่หนูพึ่งเจาะระบบไปเอามาเมื่อสักครู่ ดูเหมือนว่าทางอินิกม่าจะมีการจัดการแสดงพิเศษที่สนามประลองชั้นใต้ดินของที่นี่ ซึ่งจากตรงนั้นถ้าเราใช้ช่วงเวลานั้นบุกเข้าไปละก็เราจะสามารถเอาของออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยที่อีกฝ่ายเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนขโมยของออกไปแล้ว ซึ่งแบบนั้นหนูคิดว่ามันดีกว่าที่พวกเราจะเข้าไปสู้กับพวกนั้นตรงๆ ค่ะ”

“เห… เอาเถอะถึงจะยังงงๆ กับสิ่งที่เธอพึ่งบอกมาก็ตาม แต่ถ้าเธอว่าดีฉันก็จะเชื่ออย่างงั้นแล้วกัน แต่จะว่าไปเธอก็อยู่ด้วยกันกับพวกเราตลอดไม่ใช่เหรอ… แล้วเธอเอาเวลาไหนแอบไปเอาข้อมูลแบบนั้นมาได้กันเนี่ย?”

“พอดีหนูกับพี่เป็นผู้ใช้อาร์คสายพลังจิตที่ค่อนข้างจะพิเศษกว่าอาร์คสายพลังจิตตามปกติทั่วไปนะคะ”

“เห… อาร์คสายพลังจิตงั้นเหรอ ฟังดูเจ๋งใช้ได้เลยนิ”

“จะว่าไปพลังของที่คุณศิวะใช้ก่อนหน้านี้ มันเป็นพลังแบบไหนเหรอคะ?”

“ไอ้เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน…”

“เอ๊ะ?”

ทั้งคู่มองหน้ากันไปมาก่อนที่จะค่อยๆ เนียร์จะทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง

“ตั้งแต่ตอนที่ถามเรื่องของโคโลนี่ก็ด้วย ระ…หรือว่าที่จริงแล้ว… คุณศิวะจะมีอาการความจำเสื่อมเหรอคะ?”

เนียร์นั่งลงที่เก้าอี้บริเวณหน้าโต๊ะเล่นแบล็กแจ็คพร้อมกับชายหนุ่ม พร้อมถามออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“เปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวแบบนั้นหรอก คือถ้าว่ากันตามตรงแล้ว มันเป็นพลังที่ฉันพึ่งจะได้มันมาเมื่อวานน่ะ เลยยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับมันมาก”

“เอ่อคือ… ถ้าไม่ว่าอะไร พอจะช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ คือแบบว่ามันดู…”

“แปลกสินะ… ก็พอเข้าใจความรู้สึกอยู่หรอก เพราะตอนที่ฉันได้มันมาในตอนแรกฉันก็งงๆ กับมันเหมือนกัน…”

ในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ เจ้ามือที่อยู่กลางโต๊ะก็เริ่มแจกไพ่ออกมาทางด้านหน้าของพวกเขาทั้งสองคนพร้อมกับเหล่าผู้เล่นคนอื่นที่นั่งอยู่รอบๆ เริ่มลงเงินเดิมพันกัน

“เอาเป็นว่าค่อยๆ เล่าไประหว่างเล่นเจ้านี้แล้วกัน”

*****

 

sds  

[  ไลบรา  ]

 

sds

[  เทนโด  ]

 

sds  

[  เนบิส  ]

 

sds  

[  วีร์  ]