บทที่ 107: การลงทะเบียนและการเฉลิมฉลอง
ตอนเช้า
ทุกคนกรอกใบสมัครเสร็จแล้ว และพวกเขาก็เหลือแค่รอการแจ้งผล
โชคดีที่ในยุคนี้ผลก็ออกมาเร็วจริงๆ พวกเขาสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะได้รับการยอมรับหรือไม่ในอีกสามวันต่อมา
มันไม่เหมือนชีวิตที่ผ่านมาของเขาที่พวกเขาต้องรอมากกว่าสิบวันกว่าที่จะได้ผล มันกระวนกระวายใจมาก!
พวกเขาจะจากกันไม่นานหลังจากสําเร็จการศึกษา ดังนั้นนักเรียนทุกคนจึงพูดคุยกันครู่หนึ่งและตัดสินใจออกไปสนุกกัน
เฉลิมฉลอง
จะไม่มีการเฉลิมฉลองในช่วงสําเร็จการศึกษาได้อย่างไร? นักเรียนชายหลายคนรอโอกาสที่จะสารภาพรักกับนักเรียนหญิงที่พวกเขาแอบชอบมาเป็นเวลานาน
ทุกคนตัดสินใจว่าพวกเขาจะวางแผนไปที่ร้านคาราโอเกะหลังอาหารเย็นคืนนี้
แน่นอน ครูใหญ่ขงพวกเขาก็จะไปด้วยเช่นกัน
ตอนกลางคืน. ณ โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้โรงเรียน
ทุกคนต่างรุมเร้าเข้ามา
มันมีคนทั้งหมดประมาณ 50 คนในแต่ละห้อง และมีโต๊ะทั้งหมดหกโต๊ะ
มันมีทั้งเบียร์และแม้แต่เหล้าขาวบนโต๊ะ!
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยสิ้นสุดลงแล้ว และจุดเปลี่ยนของชีวิตของพวกเขาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นคืนสุดท้ายเท่านั้นที่พวกเขาจะได้สนุกในฐานะนักเรียน
ดื่ม!
พวกเขาต้องดื่ม!
ทุกคนไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็ดื่มสรากัน พวกที่ดื่มไม่ได้ก็ไม่อยากหลอกตัวเองต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นเช่นกัน
ราวกับว่าคุณเป็นผู้ใหญ่ก็ต่อเมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์
หวังเต็งถูกประกบระหว่างเพื่อนร่วมชั้นและครูของเขา ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหม่อลอย ราวกับว่าเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองนี้
เขาเป็นเหมือนร่างขาวดําในภาพวาดสีสันสดใสหรือรอยเปื้อนบนผืนผ้าใบสีขาว
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงที่คุ้นเคยดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริง เขาหันกลับมาและเห็นใบหน้าที่สวยงามของหลินซัวหาน หวังเต็งยิ้มเล็กน้อยและตอบว่า “ไม่มีอะไร มาดื่มกันเถอะ”
เขายกแก้วไวน์ในมือขึ้นและมองดูเธอ
เกร๊ง!
หลินซัวหานยกแก้วของเธอขึ้นและชนแก้วกับเขาเบาๆ เธอจิบแอลกอฮอล์และกระซิบว่า “หวังว่านายจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า”
“เธอก็เช่นกัน”
หวังเต็งดื่มหมดในอีกเดียว
ชีวิตในอดีตของฉัน ชีวิตในปัจจุบันของฉัน อันไหนจริง อันไหนปลอม?
มันอาจจะไม่สําคัญอีกต่อไปแล้ว ฉันควรจะรักษาสิ่งที่ฉันมีอยู่ในตอนนี้ให้ดีที่สุดก็เท่านั้น!
ในฐานะผู้ที่สร้างชื่อเสียงและเป็นม้ามืดในห้อง หวังเต็งจึงกลายมาเป็นบุคคลที่ทุกคนต้องการเสนอขนมปังให้ หรือพูดง่ายๆก็คือเสนอให้เขาเมานั่นเอง
ผลลัพธ์ของพวกเขาไม่มีอะไรที่สามารถเทียบกับเขา
ดื่ม!
ถ้าเขาไม่ดื่ม มันก็จะเท่ากับหวังเต็งไม่ให้เกียรติพวกเขาในครั้งนี้
หวังเต็งตัดสินใจปล่อยวางในครั้งนี้ ในเมื่อทุกคนมีความสุข เขาก็ควรจะดื่มให้สนุกด้วย
น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งหมดจบลงด้วยอาการเมาและวิงเวียนศีรษะ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่ต้องการทําให้หวังเต็งเมา แต่พวกเขาก็ยังต้องไปห้องน้ําอยู่หลายครั้ง
“เจ้าหนูน้อย คิดว่าตัวเองมีความสามารถในการทําให้นักสู้ผู้นี้เมาอย่างงั้นหรอ?” หวังเต็งหัวเราะอย่างลับๆ
หลังจากกินเลี้ยงจบลง พวกเขาก็ไปสังสรรค์กันต่อที่ร้านคาราโอเกะ
“สิบปี” (เพลงจีน)!
“King Of KTV” (เพลงจีน)!
หวังเต็งเต็มไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในขณะที่เขาฟังเพลงเก่าที่คุ้นเคย
ในอดีต เขามักจะยุ่งอยู่กับการฝึกศิลปะการต่อสู้ อะแฮ่ม รวบรวมค่าคุณสมบัติ… ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงต่างๆ
“หลิวเฉียน ฉันชอบเธอ!”
จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นในห้อง
ทุกคนหันมาเงียบ
หวังเต็งเองก็ตกใจเช่นกัน
ให้ตายสิ กําลังเพลินๆเลย!
รู้นะว่าชอบเธอ แต่ทําไมต้องตะโกนดังๆแบบนั้นด้วย? กลัวคนอื่นไม่เข้าใจรึไง..? แต่พูดตามตรงฉันก็ค่อนข้างอิจฉาแฮะ
ใบหน้าของผู้หญิงที่ถูกสารภาพดูเขินอายเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังมองไปที่ชายหนุ่มอย่างมีความสุข
“โอ้…”
ทุกคนเริ่มเอะอะเมื่อเห็นสีหน้าของคนสองคน
“หลิวเฉียน ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน!” มีคนตามมาและตะโกน
“หุบปากไปเลย!” ชายหนุ่มที่สารภาพก่อนหน้านี้หัวเราะและตะคอกอย่างล้อเล่น
“หลิวเฉียน ฉันชอบเธอมานานแล้ว เพลงรัก เพลงนี้จะเป็นของขวัญจากฉันให้เธอ!”
หลังจากนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มเริ่มร้องเพลง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรักและอารมณ์ที่ลึกซึ้ง
ทุกคนเงียบไปเมื่อฟังเพลงของเขา บ้างก็อิจฉา บ้างก็มีเพลิดเพลิน…
บางคนชื่นชมความกล้าหาญของเขาและอิจฉาที่เธอที่มีคนมาสารภาพรัก!
นักเรียนออกไปตอนดึกมาก
พวกเขาบ้าไปแล้ว พวกเขาส่งเสียงดัง และพวกเขาร้องไห้…
นี่เป็นค่ําคืนที่ถูกกําหนดให้เป็นความทรงจํา หลายปีต่อมา เมื่อพวกเขาหวนนึกถึงค่ําคืนนี้ บางคนก็อาจจะลืมมันไม่ได้ ในขณะที่คนอื่นๆก็แค่ยิ้มและก้าวต่อไป
ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร?
หวังเต็งไปส่งหลินซัวหานกลับบ้าน
เขาจอดรถไว้ด้านข้าง ถนนที่มุ่งสู่บ้านของหลินซัวหานนั้นแคบไปหน่อย ดังนั้นรถของเขาจึงเข้าไปไม่ได้ และพวกเขาก็ต้องเดินเป็นระยะทางพอสมควร
“ทําไมไม่เดินเล่นไปส่งฉันสักหน่อยล่ะ?” หลินซัวหานถาม
หลินซัวหานและหวังเต็งเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ สภาพแวดล้อมโดยรอบนั้นค่อนข้างเงียบสงบ มันมีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาเท่านั้นในบริเวณนี้
เสาไฟบนถนนส่องแสงสีส้มและทอดเงายาวไปทางด้านหลัง
เส้นทางนั้นไม่ยาวนัก สักพักพวกเขาก็เดินมาถึงจุดหมาย หวังเต็งส่งหลินซัวหานที่ทางเข้าบ้านของเธอ
“ฉันจะกลับแล้วนะ” เขาพูด
“ตกลง” หลินซัวหานพยักหน้าเบาๆ
หวังเต็งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่หันหลังกลับและจากไปอย่างช้าๆ
หลังจากก้าวไปสองสามก้าว เสียงของหลินซัวหานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เฮ้ ถ้าฉันเข้ามหาวิทยาลัยตงไห้ได้ นายจะมาหาฉันไหม?”
หวังเต็งหันกลับมาและเหลือบมองไปที่หลินซัวหาน
ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมด้วยเงาของบ้านข้างหลังเธอ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้
“ฉันจะไปเยี่ยมเธอแน่ถ้าฉันว่าง”
เขาโบกมือและหันหลังจากไป
สามวันต่อมา หวังเต็งได้รับจดหมายจากโรงเรียนทหารฮวงไห่
อันที่จริงพวกเขาก็ตอบกลับมาเร็วมาก
แม้ว่าทุกคนจะรู้กันอยู่แล้วว่าหวังเต็งนั้นสอบติดแน่ๆ แต่หวังเฉินกั่วและหลี่ซิ่วเหม่ยก็อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ เมื่อพวกเขาได้รับจดหมายตอบรับมาอยู่ในมือ
ผู้ใหญ่สองคนนี้มองดูจดหมายอยู่เป็นเวลานาน พวกเขาไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าได้
“จิ๊ๆ โรงเรียนทหาร ลูกชายของฉันเก่งกาจมากจริงๆ!” หวังเฉินกั่วเดาะลิ้นของเขาและพูดอย่างมีความสุข
“เขาก็เป็นลูกฉันเหมือนกัน!” หลี่ซิ่วเหม่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ใช่ ใช่ ใช่ เขาเป็นลูกของเรา”
“เร็วเข้า เรารีบโทรไปแจ้งเหล่าญาติๆของเรากันเถอะ” หลี่ซิ่วเหม่ยพูดอย่างเร่งรีบ
หวังเฉินกั่วตบหน้าผากและหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา เขาโทรหาพ่อและบอกข่าวดีของเขา
คุณปู่และคุณตาทั้งสองหัวเราะอย่างมีความสุข พวกเขายังคงชื่นชมหวังเต็ง
หลานชายของพวกเขาน่าทึ่งมาก!
น่าแปลกที่ปู่และตาทั้งสองนั้นมีความคิดเหมือนกัน พวกเขาบอกว่าพวกเขาต้องการจัดงานเลี้ยงรับปริญญาให้หวังเต็งเมื่อเขาว่าง
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็รู้สึกว่าคนสองคนนี้แค่อยากจะอวดเพื่อนของพวกเขาก็เท่านั้น
ถึงกระนั้น เมื่อพิจารณาว่าเขาต้องมุ่งหน้าไปยังทวีปซินหวู่ในไม่ช้าและจําเป็นต้องเตรียมการสําหรับการเดินทาง เขาจึงตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยงก่อนที่มหาวิทยาลัยของเขาจะเปิด
คุณปู่และคุณตาทั้งสองเห็นด้วยกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ พวกเขาพูดอีกสองสามประโยคและวางสาย
จากนั้นหวังเด็งก็ได้รับข้อความของหลินซัวหาน!
มหาวิทยาลัยตงไห่!
ในที่สุดเธอก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยตงไห่ และมันก็เป็นหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ด้วย
หวังเต็งรู้สึกยินดีกับเธอ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตงไห่นั้นค่อนข้างแย่กว่ามหาวิทยาลัยตงไห่อย่างน้อยก็สองระดับ ดังนั้นการเข้าสู่มหาวิทยาลัยสงไฟจึงส่งผลต่ออนาคตของหลินซัวหานอย่างมาก
ในตอนกลางคืน เทียนเต๋าโทรมาและขอให้หวังเต็งมาที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้
ณ สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน
คราวนี้ หวังเต็งตรงไปที่อาคารนักสู้ เขาเห็นฝูเทียนเต๋าที่รออยู่ที่นี่มานานแล้ว พร้อมกับหน้าใหม่ๆอีกห้าหน้า
เมื่อมองจากระยะไกล เขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่ทรงพลังและรุนแรงที่พุ่งเข้าหาเขา