บทที่ 108: ทีมพยัคฆ์นักรบ
ไม่มีนักสู้คนอื่นในล็อบบี้ฝึกของอาคารนักสู้
มันมีเพียงฝูเทียนเต๋าและทั้งห้าคนนี้เท่านั้นที่อยู่ที่นี่
ร่างทั้งห้ายืนอย่างเกียจคร้านข้างๆฝูเทียนเต๋า ถึงกระนั้น การมีอยู่ของพวกเขาก็ไม่สามารถละเลยได้
หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงออร่าที่คนเหล่านี้ปล่อยออกมา
“อาจารย์ใหญ่!”
หวังเต็งเดินเข้าไปทักทาย
“สวัสดี!” ฝูเทียนเต๋าพยักหน้าและยิ้ม “เธอมาค่อนข้างเร็วนะ มา ให้ฉันแนะนําพวกเขาให้เธอรู้จัก พวกเขาคือทีมพยัคฆ์นักรบ”
“นี่คือทีมที่โดดเด่นที่ฉันคัดเลือกมาเป็นอย่างดี พวกเขามีประสบการณ์ในการปฏิบัติการภาคสนามและการต่อสู้จริง”
“นอกจากนี้ สมาชิกในทีมทั้งหมดก็ยังเป็นนักสู้ระดับทหาร 3 ดาว หัวหน้าทีมของพวกเขาคือนักสู้ระดับ 3 ดาวขั้นสูงสุด และเขาก็อยู่ห่างจากระดับ 4 ดาวเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ดังนั้นหากเธอติดตามพวกเขาไปยังทวีปซินหวู่ พวกเขาก็จะสามารถรับประความปลอดภัยของเธอได้”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็พูดกับชายหนุ่มที่มีกล้ามในทั้งห้าคนว่า “หลินซานนี่คือปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้ในปีนี้ คนที่ฉันบอกคุณก่อนหน้านี้ หวังเต็ง.”
“เขาจะติดตามคุณไปในอนาคต”
ชายหนุ่มที่มีกล้มพยักหน้าและก้าวไปข้างหน้า เขายกมือขึ้นและพูดว่า “สวัสดี ฉันเป็นหัวหน้าทีมพยัคฆ์นักรบ หลินซาน”
หวังเต็งมองไปที่ร่างสูงสองเมตรและดูเทอะทะ เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าบุคคลคนนั้นกําลังปลดปล่อยออร่าของเขาออกมาโดยเจตนา เขายิ้มตอบอย่างอ่อนโยน “สวัสดี ฉันชื่อหวังเต็ง ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
เขาเอื้อมมือออกไปและจับมือของหลินซาน
บรรยากาศหยุดนิ่งไปชั่วครู่
คนสองคนกําลังเผชิญหน้ากันอย่างลับๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่จริงๆแล้วพวกเขาก็กําลังสาปแช่งอยู่ในใจ
เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งมาก! หลินซานรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้ใช้กําลังเต็มที่ แต่กระนั้นเขาก็ใกล้จะเป็นนักสู้ระดับทหาร 4 ดาวแล้ว
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็ยังสามารถทนต่อแรงกดดันของเขาได้
“เมื่อดูจากท่าทางของเขาแล้ว มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีปัญหาอะไร ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ” หลินซานคิดในใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า สมกับที่เป็นปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้” หลินซานหัวเราะอย่างเต็มที่และปล่อยมือของเขา
เขารู้ว่าเมื่อใดควรหยุด
เขาไม่ได้ออกแรงอีกต่อไป เขายังคงต้องรักษาศักดิ์ศรีของเขาในฐานะนักสู้ระดับทหาร 4 ดาว
“คุณกําลังชมฉันมากเกินไป” หวังเต็งยิ้ม เขาไม่ได้หงุดหงิดหรือโมโหกับกลอุบายของอีกฝ่าย
หวังเต็งเป็นใครจากที่ไหนก็ไม่รู้ และอาจารย์ใหญ่ก็ยัดเขาให้เข้าไปในทีมของพวกเขา ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะเกิดความรู้สึกไม่พอใจ
ด้วยเหตุนี้เอง หวังเต็งจึงไม่โทษอีกฝ่ายที่คิดจะทดสอบเขา
หากเขาอ่อนแอเกินไป ทีมพยัคฆ์นักรบก็อาจจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขาก็ได้
“หลินซาน ฉันไม่ได้โกหกคุณใช่ไหม” ฝูเทียนเต๋าถาม
“อาจารย์ใหญ่ คุณว่าอะไรนะ? ฉันเชื่อใจคุณเสมอ” หลินซานหัวเราะเยาะ
ในขณะนี้ สมาชิกอีกสี่คนของทีมพยัคฆ์นักรบต่างก็มองหน้ากัน พวกเขาสามารถเห็นความประหลาดใจในสายตาของกันและกัน
“เอาล่ะ พวกนายเองก็แนะนําตัวเองกันได้แล้ว” หลินซานกล่าวกับพวกเขา
“ฉันชื่อหยางเฟย นักสู้ธาตุดิน” ชายหนุ่มที่ดูอ่อนน้อมถ่อมตนได้เปิดปากของเขาก่อนแล้วกล่าว
“หยานจินหมิง นักสู้ธาตุไฟ”
“สวัสดีๆ ฉันชื่อหยานจินเยว่ นักสู้ธาตุไฟ”
คนสองคนที่พูดต่อนั้นเป็นพี่น้องกัน ผู้ชายดูมีความยุติธรรมและค่อนข้างหล่อ
หวังเต็งลูบคางของเขา “อืม…เขาหล่อน้อยกว่าฉันนิดหน่อยแฮะ”
สําหรับผู้หญิงแล้ว เนื่องจากพวกเขาเป็นพี่น้องกัน เธอจึงไม่เลวร้ายไปกว่ากัน เธอดูสวยอยู่ในระดับหนึ่ง
เธออายเล็กน้อยและดูสับสนเล็กน้อย หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจ เธอดูไม่เหมือนนักสู้ที่มีประสบการณ์
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็รู้ว่าเขาไม่ควรตัดสินสิ่งต่างๆจากภายนอก
เมื่ออีกฝ่ายไม่เขินอาย เขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่เธอแสดงออกชั่วครู่ มันเป็นของจริง
สําหรับคนสุดท้าย…
มันเป็นหญิงสาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่
“หลิวหยาน ฉันเป็นนักสู้ธาตุไฟเช่นกัน”
หญิงสาวยิ้มและเผยให้เห็นฟันขาวที่เป็นประกายของเธอ เธอดูสดใสและร่าเริง เธอเป็นคนที่ทําให้คนอื่นยิ้มได้ด้วยบุคลิกที่กระฉับกระเฉงของเธอ เธอตบไหล่ของหวังเต็งและบอกเขาว่า “น้องเต็ง ติดตามฉันไปในอนาคตนะ แล้วฉันจะปกป้องนายเอง”
เธอยังขยิบตาให้เขาหลังจากที่เธอพูด
“พอได้แล้วหลิวหยาน เลิกหยอกล้อเขาได้แล้ว” หลินซานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “นายรู้ชื่อของฉันแล้ว ฉันเป็นนักสู้ธาตุโลหะ”
ตาของหวังเต็งเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินธาตุของหลินซาน
ไม่เลวไม่เลว!
นี่คือธาตุที่เขาขาดไปจากธาตุหลักทั้งห้า
หัวหน้าหลินคนนี้อาจจะช่วยให้เขาได้รับค่าคุณสมบัติธาตุโลหะก็ได้
จู่ๆหลินซานก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกสัตว์อสูรดาราจ้องมอง เขาขมวดคิ้ว แต่เมื่อเขาสังเกตอย่างระมัดระวัง เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย
แปลกแหะ เกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้กัน?
เขาเหลือบไปที่หวังเต็ง เขาไม่ได้สังเกตเห็นแสงริบหรี่ในดวงตาของหวังเต็งในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่มาจากหวังเต็ง
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงภาพลวงตา”
“บางทีฉันอาจจะยังไม่หายดีเพราะฉันเพิ่งกลับมาจากทวีปซินหวู่” หลินซานส่ายหัว
หวังเต็งถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยิ่งเขามองไปที่หลินซานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือแกะตัวโตและอ้วนจ้ำม่ํา ชายคนนี้เกือบจะเป็นนักสู้ระดับทหาร 4 ดาวแล้ว!
เขาต้องพยายามตีสนิทพวกเขาให้ได้เพื่อที่เขาจะได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา จากนั้นดขาก็จะสามารถเข้าใกล้พวกเขาได้ง่ายขึ้น!
เราจะเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีแน่นอนในอนาคต…
ในขณะที่ความคิดเหล่านี้แล่นเข้ามาในหัวของเขา เขาก็ไม่ลืมที่จะแนะนําตัวเอง “ฉันเป็นนักสู้ธาตุน้ําแข็ง ระดับทหารหนึ่งดาว”
“นักสู้ธาตุน้ําแข็ง!”
สมาชิกทีมพยัคฆ์นักรบทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ ก่อนหน้านี้พวกเขารู้เพียงว่าหวังเต็งนั้นเป็นปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้และกลายเป็นนักสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ในเวลานั้นพวกเขาก็ประหลาดใจมากพอแล้ว
พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะเป็นนักสู้ธาตุกลายพันธุ์อีก…
นี่คือพรจากสวรรค์ชัดๆ!
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอุทานในใจ
“ตกลง วันนี้ฉันแค่อยากจะแนะนําทุกคนให้รู้จักกัน เมื่อพวกคุณได้พบกันแล้ว งั้นฉันก็จะให้คุณจัดการกับเรื่องนี้กันเองหลังจากนี้” ฝูเทียนเต๋ากล่าว
เขาเตือนพวกเขาอีกครั้งหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้น “หลินซาน ฉันจะมอบหวังเต็งให้คุณดูแล ดูแลขาดีๆ ด้วยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับอาจารย์ใหญ่” หลินซานพยักหน้า
“หวังเต็ง ฉันให้เธออยู่ในทีมพยัคฆ์นักสู้เพราะฉันหวังว่าเธอจะสามารถติดตามพวกเขาและเรียนรู้วิธีต่อสู้กับสัตว์อสูรดาราและรับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องได้ นี่เป็นโอกาสสําหรับเธอที่จะไปที่ทวีปซินหวี่เพื่อฝึกฝนก่อนใคร อย่างไรก็ตาม เธอก็จะต้องทํางานให้หนัก เธอจะต้องปฏิบัติต่อโอกาสนี้อย่างจริงจัง เธอไม่สามารถเอาแต่พึ่งพาสมาชิกคนอื่นๆในทีมเพื่อช่วยเธอได้ตลอดเวลา เมื่อเธอกลับมาในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง หากหลินซานและสมาชิกในทีมคนอื่นๆให้ข้อเสนอแนะที่ไม่ดีและบอกว่าเธอไม่ผ่านเกณฑ์ของพวกเขา ฉันก็ทําได้แค่ลบเธอออกจากทีมได้เท่านั้น” ฝูเทียนเต๋ากล่าวกับหวังเต็ง
“ผมเข้าใจแล้ว” หวังเต็งพยักหน้า
“เยี่ยมมาก” ฝูเทียนเต๋าไม่ได้พูดอะไรอีก เขาโบกมือแล้วเดินจากไป
หลังจากฝูเทียนเต๋าออกไป หลินซานก็กล่าวว่า “เราเพิ่งกลับมาจากทวีปซินหวู่และต้องการพักผ่อนเป็นเวลาสองวัน ดังนั้นเราก็จะออกเดินทางไปยังทวีปซินหวู่อีกครั้งในอีกสองวันต่อไป”
“ตกลง” หวังเต็งไม่มีการคัดค้าน
“นายมีอาวุธและอุปกรณ์ของนายรึยัง?” หลินซานพยักหน้า
“ฉันมีอาวธแต่ยังไม่มีอปกรณ์สวมใส่เลย ฉันต้องใช้อปกรณ์อะไรบ้างหรอ?” หวังเต็งถาม
หลินซานส่ายหัวอย่างลับๆ ตามที่คาดไว้ เขายังเป็นมือใหม่
เขาอธิบายให้หวังเต็งฟังอย่างอดทนว่า “นายจะต้องมีเซ็ทชุดรบ ชุดรบที่ดีจะพอดีกับร่างกายของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ นายจะต้องต้องสวมใส่มันแล้วรู้สึกสบายและไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของนายเมื่อนายต่อสู้ ความสามารถในการป้องกันก็ต้องดีด้วย นายจะต้องเลือกเครื่องแบบของนายอย่างระมัดระวัง จากนั้นนายก็จะต้องมีกระเป๋า,นาฬิกาสื่อสารนี่ก็เป็นสิ่งจําเป็น…”
“ฉันใช้นาฬิกาเรือนนี้เป็นนาฬิกาสื่อสารได้ไหม?” หวังเต็งแสดงนาฬิกาที่ฝูเทียนเต่มอบให้กับเขาเมื่อวันก่อนให้พวกเขาดู