นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 37 ผิดนัด
รอพวกเขาซื้อเสร็จกลับไป ก็หมดวันแล้ว

โจวกุ้ยหลานที่เหนื่อยหมดแรงอาบน้ำเข้านอนเร็วๆแล้ว หลังจากนั้นหลายวันก็ยุ่งจนมึนงงไม่รู้ทิศทางไปหมด

เธอเก็บห้อง เก็บของ และวิ่งไปบ้านผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านอีกบ้านหนึ่งหมดแล้ว ถึงจะบอกว่าพวกเขาสร้างบ้านบนเขา ไม่ต้องการพื้นที่ในหมู่บ้าน แต่ยังไงก็ต้องบอกกล่าวกันหน่อย

พอเห็นไก่ป่าที่ส่งมา ผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านก็พยักหน้ารับปากอย่างดีใจ

ส่วนสวีฉางหลินก็ตัดต้นไม้แถวบ้าน และจัดการทำพื้นที่ว่างออกมา ท่อนไม้ก็วางตากเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นฟืนหรือเป็นเสาที่ใช้สร้างบ้าน ต่างต้องการไม้ทั้งนั้น

ทั้งสองคนยุ่งจนมึนงงไม่รู้ทิศทาง โจวเหล่าไท่ไท่ก็ช่วยดูแลเสี่ยวไน่เป่าทั้งวัน และยังช่วยจัดการแปลงผักหลังเรือน ไม่ออกไปไหนเลย ไม่รู้สักนิดว่าตอนนี้ในหมู่บ้านวุ่นวายกันไปหมดแล้ว

รอจนถึงวันที่นัดกันแล้วว่าจะเริ่มสร้างบ้าน คนที่ขึ้นเขามามีแค่โจวต้าซาน โจวต้าไห่และเอ้อร์เฉียงซานเฉียง โจวเหล่าไท่ไท่มาช่วยจุดเตา ส่วนคนอื่นในหมู่บ้านกลับไม่มีใครมาเลยสักคน

พอเห็นคนมาแค่นี้ สีหน้าโจวต้าไห่ที่ปกติใจเย็นมาตลอดยังไม่สู้ดีเลย

“คนพวกนี้ รับปากเสียดิบดี ทำไมถึงไม่มีใครมาเลยล่ะ?” น้ำเสียงโจวต้าไห่ไม่ดีเอามากๆ

ปกติเขาไปช่วยบ้านอื่นไม่เคยขาด ตอนเรียกพวกเขาล่ะรับปากเสียดิบดี ตอนนี้กลับทำเขาขายหน้ารึ?

โจวเหล่าไท่ไท่ก็โกรธจัดว่า “นี่รังแกพวกเรารึ?”

โจวต้าซานเองก็ขมวดคิ้วบอก “ข้าจะไปเรียกคนในหมู่บ้านหน่อย พวกเราแค่ไม่กี่คนจะทำถึงเมื่อไหร่กัน?”

“ช่างเถอะ ในเมื่อไม่มา ก็แสดงว่าพวกเขาไม่อยากมา ลุงใหญ่ท่านไม่ต้องไปหรอก” โจวกุ้ยหลานห้ามเขาไว้

“งั้นจะทำยังไง พวกเราแค่ไม่กี่คนเองนะ” โจวต้าไห่ก็ร้อนใจ พวกเขาไม่กี่คนต้องทำถึงเมื่อไหร่กัน?

โจวเหล่าไท่ไท่เริ่มหงุดหงิดร้องว่า “ข้าจะไปเรียกพวกพี่เขยเจ้ามา!”

พูดเสร็จก็จะลงเขาไป เรื่องดีๆกลายเป็นแบบนี้ นางเองก็ขายหน้าเหมือนกัน

ตอนนี้ไม่มา แบบนี้ไม่ไว้หน้าลูกชายนางรึ? เพราะเรื่องนี้เป็นลูกชายนางออกหน้าไปเรียกคนให้

“ท่านแม่ ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ให้พี่ชายข้าไปเชิญคนจากหมู่บ้านข้างๆมา วันหนึ่งข้าจะให้ค่าแรงสิบอีแปะ!” โจวกุ้ยหลานกัดฟันบอก ตัดสินใจเด็ดขาด

ทุกคนพอได้ฟังก็ร้อนใจกัน ในหมู่บ้านไม่ว่าบ้านไหนสร้างบ้านก็จะหาคนมาช่วย และก็แค่จัดการอาหารสามมื้อให้ ใครเขาออกเงินจ้างคนมาสร้างบ้านกัน?

“เจ้าเงินหล่นมาจากฟ้ารึ?” สวีเหมยฮวาเองก็ร้อนใจ

โจวกุ้ยหลานมองทุกคนที่นั่น ล้วนเป็นญาติสนิทกับเธอ แค่คนไม่กี่คนนี้ ทำจนเหนื่อยตายก็ไม่สามารถสร้างบ้านในเวลาอันสั้นหรอก

“พวกเราสร้างบ้านเล็กที่มีสองห้อง ที่เหลือค่อยว่ากัน” โจวกุ้ยหลานคิดถึงเงินในกระเป๋าตนแล้วตัดสินใจออกมาแบบนี้

ที่เดิมเธอกับสวีฉางหลินเตรียมสร้างเรือน เอาแบบสองห้องใหญ่เลย ถ้าจะจ้างคน ก็คงทำไม่ได้แน่

ไม่มีเงิน ก็ทำน้อยหน่อย พอให้พวกเธอผ่านฤดูหนาวไปก็ได้แล้ว รอปีหน้าขยายธุรกิจขายพันธุ์ของเธอแล้วเสร็จ ค่อยทำบ้านใหญ่!

“ทำตามที่นางพูดเถอะ” สวีฉางหลินเอ่ยปากขึ้น

สำหรับเขาแล้ว จะอย่างไรก็ได้ เขาไม่มีข้อเรียกร้องอะไร

โจวต้าซานเงียบไปครู่หนึ่ง ครุ่นคิดพลางบอก “ทำตามที่นังหนูกุ้ยหลานบอก”

ในฐานะคนที่อาวุโสที่สุดในที่นี้ คำพูดของเขาถือเป็นคำขาด

โจวต้าไห่รีบลงเขาไป เรียกคนที่หมู่บ้านใกล้เคียง ผู้ชายคนอื่นเริ่มขุดดินทำแปลน โจวกุ้ยหลานพาเสี่ยวไน่เป่ากับโจวเหล่าไท่ไท่ล้อมเตาผิงทำกับข้าวด้วยกัน

“เรื่องนี้ข้าว่าต้องมีคนเล่นตุกติกแน่!” โจวเหล่าไท่ไท่โจวสรุปออกมา

โจวกุ้ยหลานก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล จะบังเอิญขนาดนี้ เรียกไปสิบกว่าบ้านพร้อมใจกันไม่มาหมดเลย?

“ข้ามาที่นี่ มีศัตรูแค่บ้านเดียว” โจวกุ้ยหลานพุ่งเป้าสงสัยไปที่บ้านเฉินโหยวซวน

โจวเหล่าไท่ไท่แค้นกัดฟันกรอด “ครั้งก่อนไม่ตบนางให้กลัว ถ้าให้ข้าจับอะไรได้ ข้าจะตบเฉียนต้ายาให้ตายเลย!”

พอเห็นท่าทางดุดันแข็งแรงของโจวเหล่าไท่ไท่ โจวกุ้ยหลานรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย

“ท่านแม่ ท่านก็อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลย ยังไงข้าก็ไม่อยากสนิทสนมกับคนในหมู่บ้านเท่าใดนัก ครั้งนี้ดีเลย จะได้ไม่ติดค้างน้ำใจคน ต่อไปยากที่จะตอบแทนได้ พวกเราอยู่บนเขา สวีฉางหลินก็ล่าสัตว์เป็น พวกเราไม่ขาดอาหาร ส่วนพวกผักเพาะปลูก บนเขามีออกถมถืด”

โจวเหล่าไท่ไท่โดนลูกสาวตนเองปลอบเช่นนี้ ก็สบายใจขึ้นมาก “ก็จริง ติดค้างน้ำใจต้องคืนอยู่วันยังค่ำ เจ้าใช้ชีวิตของเจ้าเองเถอะ ข้าว่าเจ้าอยู่ดีแล้วนะ เลี้ยงไก่และนกกระทามากมายขนาดนี้ แพะนั่นก็เลี้ยงได้ไม่เลว”

ก่อนหน้านี้นางรู้ว่าลูกสาวคนเล็กตนเลี้ยงไก่ แต่นางมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับแปลงผักของบ้านและงานอื่นๆ ทั้งยังช่วยโจวกุ้ยหลานทำเสื้อผ้ารองเท้าอีก เลยไม่มีโอกาสแวะมาดู

วันนี้พอดูแล้ว การดำรงชีวิตของลูกสาวคนเล็กเป็นไปอย่างสบายมาก ดีกว่าพวกที่มีที่นาในหมู่บ้านเสียอีก

“ก็จริง เช่นนั้นข้าจะทำห้องเรียงแถว เอามาเลี้ยงไก่เป็ดให้หมด ทำพวกอิจฉาตาร้อนกระอักเลือดตาย!” โจวกุ้ยหลานตั้งปณิธาน

ช่วงนี้ แค่ไข่ไก่เธอก็เก็บได้เกือบยี่สิบฟองแล้ว ตั้งแต่กินไส้เดือน ไก่บ้านเธอก็ออกไข่ทุกวัน ตัวก็ใหญ่ ส่วนลูกเจี๊ยบสิบตัวนั้น ก็ใหญ่เหมือนไก่อายุสองเดือน

“เลี้ยงไก่มากขนาดนั้น ไม่กลัวโดนพังพอนคาบไปกิน!” โจวเหล่าไท่ไท่หันมองรอบด้าน ก็กังวลมาก

ในเขานี้มีอยู่บ้านเดียว ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์ร้ายไหม

“ให้ข้าพูดนะ เจ้าย้ายเรือนเข้าไปในหมู่บ้านเถอะ พวกเราจะได้ดูแลกันได้” โจวเหล่าไท่ไท่บอกอย่างอ่อนใจอีก

หลายวันนี้ นางเองก็เกลี้ยกล่อมลูกสาวคนนี้ ตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กออกเรือน ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เก่งกล้ามาก

“ที่นี่ดีจะมาก ไม่มีใครมาด้วย ข้าอยากเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดก็ได้ ไม่ต้องกลัวใครจะอยากลักขโมยด้วย” โจวกุ้ยหลานพูดความคิดตนออกมาอย่างไม่สนใจ

เธอเบื่อเรื่องพวกนั้นในหมู่บ้าน อยู่บนเขานี่แหละดีแล้ว

โจวเหล่าไท่ไท่ไม่บ่นเรื่องอื่นแล้ว ช่วยเด็ดผักต่อไป

ผักพวกนี้นางเด็ดมาจากหลังบ้านตัวเอง ถึงลูกสาวคนเล็กจะอยู่บนเขา แต่บนเขาก็ไม่มีผักป่าเท่าไหร่

หลายปีก่อนเกิดภัยแล้ง พื้นดินไร้ดอกออกผล มีคนอดตายกันแล้ว ทุกคนเลยวิ่งขึ้นเขา และเด็ดดึงผักป่าข้างทางแบบถอดรากถอนโคน ผลไม้ป่าบนต้นก็เก็บกินเกลี้ยง และยังปาดเปลือกไม้ไปหมด ปีนี้ดีแล้ว แต่ผลไม้ป่าบนเขาไม่ออกผลแล้ว

หลายคนทำงานด้วยกันก็เร็ว ไม่นานพวกเขาก็วาดเส้นเสร็จ ใช้จอบขุดดิน

พอถึงเวลาเที่ยง โจวกุ้ยหลานผิวปากหวีด เหล่าไก่และนกกระทาที่หาอาหารอยู่รอบๆก็กลับมาหมด โจวกุ้ยหลานเอาอาหารไก่ที่ตนผสมเสร็จสาดลงบนพื้น

โจวเหล่าไท่ไท่มองดูอย่างแปลกใจ เข้ามาแล้วถึงพบว่าลูกสาวตนไม่ได้ให้เมล็ดข้าวพันธุ์กับไก่

“นี่มันอะไรกันเนี่ย? ในนี้ยังมีดิน?” โจวเหล่าไท่ไท่จับอาหารไก่ที่โจวกุ้ยหลานยังสาดไม่หมดขึ้นมาดู พลางบ่น