นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 38 ไก่ไม่ต้องให้เมล็ดข้าวพันธุ์ก็ออกไข่ได้?
“ท่านแม่ นี่เป็นอาหารไก่ที่ข้าผสมเอง ไม่ต้องใช้เมล็ดข้าวพันธุ์ ไก่โตเร็วด้วย ทุกวันออกไข่หนึ่งฟอง” โจวกุ้ยหลานบอกยิ้มๆ
“เจ้าหลอกข้า? มีเรื่องดีอย่างนี้หรือ ไก่ไม่ต้องให้เมล็ดข้าวพันธุ์ก็ออกไข่?” โจวเหล่าไท่ไท่ไม่เชื่อเลยสักนิด
ชาวนาต่างหวังให้ไข่ไก่เปลี่ยนเป็นเงินเอาไปซื้อเกลือเพื่อใช้ในบ้าน ต้องดูแลแม่ไก่ดีแล้ว จะได้เอาไข่ไก่ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน นางอยู่มาห้าสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินว่าไก่ไม่กินเมล็ดข้าวพันธุ์
“ทำไมข้าต้องหลอกท่านด้วย? ท่านดูไก่บ้านข้าสิ โตกว่าบ้านอื่นไหม?” โจวกุ้ยหลานไม่ปิดโจวเหล่าไท่ไท่เลยสักนิด พูดออกมาตรงๆ
โจวเหล่าไท่ไท่พินิจพิจารณาไก่ที่กินอย่างเอร็ดอร่อยพวกนี้ ขนงามสะท้อนแสงเป็นประกาย ลูกเจี๊ยบตัวก็ใหญ่ ดูแล้วคือดี
ในใจก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของลูกสาวคนเล็กของตน ถ้าไม่ได้ใช้เมล็ดข้าวพันธุ์ก็เลี้ยงไก่ได้ แบบนี้นางจะได้ไข่ไก่มากมาย ยังกลัวลูกชายนางหาเมียไม่ได้อีกรึ?
“ให้ข้าหน่อย กลับไปข้าจะลองไปให้อาหารไก่ที่บ้านเราดู”
โจวเหล่าไท่ไท่ยังไม่เชื่ออยู่หน่อย แต่ในใจก็ทำใจไม่สนไม่ได้
โจวกุ้ยหลานรับคำ ให้อาหารไก่เสร็จ พวกเขาไปทำอาหารต่อ
อาหารจานแรกที่ทำก็คือกระต่ายผัดพริกแห้ง
พอเห็นเธอเทน้ำมันลงในกระทะรัวๆ โจวเหล่าไท่ไท่ปวดใจนัก พูดไม่หยุดว่าใส่น้อยหน่อย ใส่น้อยหน่อย โจวกุ้ยหลานปากรับคำ แต่มือไม่หยุด ทำเอาโจวเหล่าไท่ไท่โกรธแทบตบหน้าเธอ
และเห็นเธอใส่ของหลายอย่างลงในกระทะอีก นางก็เริ่มบ่นต่อ “ทำกระต่ายแค่นี้ใส่อะไรเสียเยอะแยะ ใส่เกลือต้มก็ได้แล้วมิใช่รึ?”
สำหรับวิธีสิ้นเปลืองของลูกสาวคนเล็กของตนนี่ โจวเหล่าไท่ไท่ไม่ชอบใจเลยสักอย่าง ปากบ่นพร่ำไม่หยุด
โจวกุ้ยหลานหยิบตะหลิวผัดเนื้อกระต่าย “ไม่งั้นอาหารของข้าจะหอมรึ? ท่านแม่ก็ชอบอาหารที่ข้าทำไม่ใช่หรือไง?”
“เจ้าใส่น้ำมันเยอะขนาดนี้ จะไม่หอมได้รึ? สิ้นเปลืองของดีๆชัดๆ!” โจวเหล่าไท่ไท่ทำหน้าปวดใจ แต่โจวกุ้ยหลานคว้าตะหลิวอยู่ นางได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างๆ
ผู้ชายหลายคนที่ทำงานอยู่ได้กลิ่นหอมนี้ก็พากันมองมา
ซานเฉียงที่ใจร้อนที่สุดแหกปากร้องถามว่า “น้องกุ้ยหลาน เจ้าทำอะไรน่ะ? หอมขนาดนี้?”
“นี่คงเป็นอาหารเลิศรสหรอกนะ!” เอ้อร์เฉียงเองก็ดมฟุดฟิด กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
กลิ่นหอมนี้ทำเอาพยาธิในท้องเขาร้องกันระงม เขายังจะมีแรงทำงานอีกรึ?
โจวต้าซานถลึงตาใส่ลูกชายสองคน “มัวยืนอึ้งอะไรอยู่ รีบทำงาน!”
“อาหารกลิ่นหอมเกินไป ข้าหิวแล้ว” ซานเฉียงลูบท้องตัวเอง พลางกลืนน้ำลาย โจวต้าซานรู้สึกขายขี้หน้าเพราะเจ้าลูกชายคนที่สามนี่นัก น้ำเสียงเริ่มแย่ลง “คิดแต่เรื่องกิน ไม่ทำงานจะมีกินรึ? รีบทำงานให้เสร็จ!”
สวีฉางหลินเก็บก้อนหินกลับมาพอดี พอได้ยินคำพูดพวกเขา ก็รับคำต่อว่า “อาหารที่เมียข้าทำอร่อยนัก”
นี่คือช่วยพูดให้เอ้อร์เฉียงซานเฉียงแล้ว
พวกเขาสองคนก็ยิ้มหน้าระรื่นบอก “ใช่ไงใช่ไง!”
ปากพูดไป มือก็ทำงานไปด้วย
“ท่านแม่ กุ้ยหลาน ข้าเชิญคนมาแล้ว!”
เสียงของโจวต้าไห่ดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง และเห็นโจวต้าไห่ปีนขึ้นเขามา ด้านหลังมีชายร่างกำยำตามมาเจ็ดแปดคน
พอคนพวกนั้นเข้าใกล้ ก็ได้กลิ่นหอม ต่างพากันทำจมูกฟุดฟิด อยากจะดมให้เต็มปอด
พวกเขาไม่เคยได้กลิ่นหอมอย่างนี้มาก่อนเลย! ไม่รู้ว่ากินแล้วจะเป็นอย่างไร?
ยิ่งคิด น้ำลายพวกเขาก็ยิ่งออกมา
หลายคนรีบเข้าไปรับ โจวกุ้ยหลานยิ้มบอก “พวกเจ้าทำงานกันก่อน อีกเดี๋ยวก็สามารถกินข้าวเที่ยงได้แล้ว”
ชายกำยำหลายคนนั้นพอได้ยินว่าจะกินข้าวเที่ยงแล้ว ก็รู้สึกดีใจ รีบรับคำ และเข้าไปช่วยทำฐานราก
โจวเหล่าไท่ไท่ดึงโจวต้าไห่ไปข้างๆ แอบถามเขาว่า “เจ้าไปเรียกคนมากมายอย่างนี้มาทำไม? วันหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน?”
“ก็ไม่ต้องเพาะปลูกแล้วนี่นา พอข้าพูดว่าวันหนึ่งให้สิบอีแปะ พวกเขาก็เข้ามาห้อมล้อมข้าทันที ข้าเลยพามาด้วยกันเลย คนมากหน่อยก็ทำเสร็จเร็วไง” โจวต้าไห่พูดหน้าตาซื่อ
“แล้วเจ้าจะบอกว่าวันหนึ่งให้แปดอีแปะไม่ได้รึ? คนมากมายขนาดนี้ มาแล้วกินอะไรดื่มอะไร?” โจวเหล่าไท่ไท่บ่นพร่ำใส่ลูกชายใสซื่อของตน
ทำไมใสซื่อขนาดนี้ คนมากมายจะบอกน้อยลงไปสองอีแปะไม่ได้หรือไง? จะได้ช่วยลูกสาวคนเล็กประหยัดไปได้ไม่น้อยไม่ใช่หรือไง?
โจวต้าไห่อึ้งตะลึง ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
โจวเหล่าไท่ไท่ตบแขนเขาอย่างแรงทันที “คนมีหัวคิดไวอย่างข้าสวีเหมยฮวาทำไมถึงได้มีลูกหัวทึมมะลืออย่างเจ้านะ!”
โจวต้าไห่ลูบแขนตนเบาๆ ตอบกลับ “ก็เหมือนพ่อข้ามิใช่รึ?”
คำพูดนี้แทงใจดำโจวเหล่าไท่ไท่ โบกมือพลางว่า “รีบไปทำงานเลย อย่าให้คนพวกนั้นขี้เกียจ!”
พอได้ยินคำโจวเหล่าไท่ไท่ โจวต้าไห่วิ่งไปทันที
พอโจวเหล่าไท่ไท่หันไปมอง เอาสิ ก็เห็นโจวกุ้ยหลานสาดน้ำมันใส่กระทะไม่ยั้งอีก
นางรีบวิ่งเข้าไปหาพลางว่า “ข้าเองข้าเอง! ไอ้หยา ข้าทำเอง!”
ระหว่างพูดก็จะเข้าไปแย่งตะหลิวของโจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานกระโดดหลบไปด้านข้าง “อย่าอย่าอย่า ท่านแม่นั่งพักเถอะ ข้าทำเองได้”
“ไอ้หยาเจ้าทำไม่เป็น ข้าทำเอง! คนมากมายขนาดนี้ ต้องผัดกับข้าวมากขนาดไหนกัน เจ้าออกไปต้อนรัยและพักดื่มน้ำไป!”
โจวเหล่าไท่ไท่เบียดเข้าไปตรงกลางระหว่างเตา โจวกุ้ยหลานถือตะหลิววิ่งรอบเตา ก็คือไม่ยอมเอาตะหลิวให้โจวเหล่าไท่ไท่
ล้อกันเล่นน่า โจวเหล่าไท่ไท่น่ะงกจะตาย ทำกับข้าวที่ไม่เคยใส่น้ำมันใส่เกลือเลย ทุกอย่างก็แค่เอามาต้มในหม้อ และยังงกฟืนอีก ทำเนื้อไม่สุด ไม่อร่อยเลย เธอไม่อยากกินของไม่อร่อยอย่างนั้น!
ทางนี้ราวกับทะเลาะกันก็ไม่ปาน คนที่ทำงานทางนั้นได้กลิ่นหอมของอาหารก็ยิ่งมีกำลัง
สวีฉางหลินเงยหน้ามองไป ก็เห็นการกระทำของเมียตน พลางยิ้มมุมปากน้อยๆ
เมียทำอะไรก็ดูดี ขนาดผลักไสยังดูดีขนาดนี้
เจ้าก้อนน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ นึกว่าทั้งสองคนเล่นกันอยู่ ปรบมือน้อยๆหัวเราะอย่างมีความสุข
เสียงหัวเราะนั่นดึงความสนใจจากโจวเหล่าไท่ไท่ไป “เด็กนี่คงไม่ใช่โง่หรอกนะ?”
“แม่จะว่าหลานตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ!” โจวกุ้ยหลานไม่พอใจ เจ้าก้อนน้อยของเธอฉลาดขนาดนี้ โง่ที่ไหนกัน
โจวเหล่าไท่ไท่ถลึงตาใส่เธอ “ไม่ใช่เจ้าเบ่งออกมาเสียหน่อย เป็นหลานข้าได้ยังไง? ข้ามีหลานเยอะเลยเชียว ไม่ขากมันหรอก!”
โจวกุ้ยหลานไม่พล่ามเสียเวลากับนางแล้ว น้ำมันในกระทะร้อนแล้ว รีบใส่ผักกาดขาวลงไปผัด
ศึกนี้เธอชนะได้สิทธิ์ทั้งหมดของตะหลิว
เพื่อให้อาหารเลี้ยงคนงานดูดี โจวกุ้ยหลานพยายามสุดชีวิต เอาเนื้อไก่ที่หมักในห้องออกมาด้วย ตุ๋นเป็นน้ำซุปไก่หม้อใหญ่ และยังใส่พุทราไม่น้อย กลิ่นหอมโชยออกไปข้างนอก
สุดท้าย ยกพื้นที่ให้โจวเหล่าไท่ไท่ โจวเหล่าไท่ไท่นวดแป้งขาว ทำหมั่นโถวออกมาสี่สิบห้าสิบลูก
พอถึงเวลาอาหารเที่ยง คนพวกนั้นมาล้อมกันรอบโต๊ะ มองดูกระต่ายผัดพริกแห้ง หมูตุ๋น หมั่นโถวสีขาว และยังมีน้ำซุปไก่บนโต๊ะ พวกคนงานที่จ้างมา ก็พากันตกตะลึง
ขนาดปีใหม่พวกเขายังไม่เคยมีอาหารดีเยี่ยงนี้เลย! ต่อให้ไปทำงานที่บ้านเจ้าของท้องถิ่นก็ไม่ใส่น้ำมันขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนื้อเลย!