ผู้ชายในคืนนั้น ฝันร้ายที่น่ากลัวนั่น
ความทรงจำเหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง
และจนกระทั่งตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลิวตงรุ่ยหน้าตาเป็นอย่างไร
เธอไม่อยากไปสืบหาผู้ชายคนนั้น เพราะเธอกลัวจะเห็นหน้าตาชั่วร้ายของผู้ชายคนนั้น เธอแค่ต้องการสร้อยคอของคุณแม่เธอ
นอกจากสร้อยคอเส้นนั้น เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในคืนนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ความจริงฉัน…” เฉินฮวนฮวนกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตัดสินใจจะพูดเรื่องสร้อยคอออกไป
“หลิวตงรุ่ย?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูอึมครึม คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
ชื่อของผู้ชายคนนี้ เขาเคยได้ยิน เหมือนว่าจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิว เขาเป็นที่รู้จักดีในแวดวงไฮโซ
“อือ เป็นเขา” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าทันที
ในเวลานี้เอง จู่ๆ หญิงสาวสามคนก็เดินเข้ามาที่ประตู เฉินฮวนฮวนจำได้ว่าพวกเธอเป็นลูกค้าประจำของร้าน
“อ๊าก!!!”
เมื่อพวกเธอเห็นเฟิงหานชวนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ชำระเงิน แต่ละคนเบิกตากว้าง และร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้มหลงใหล
“หล่อจังเลย!”
“ใช่เลย เขาหล่อมากจริงๆ!”
“มีเสน่ห์จัง หล่อกร้าวใจมาก ไม่ใช่นักศึกษาของมหา’ลัยเราแน่ๆ”
“ไร้สาระ เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้น ต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”
หญิงสาวสามคนยืนอยู่หน้าประตู ไม่กล้าเดินเข้ามาด้านใน พวกเธอกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ ทว่าเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนกลับได้ยินอย่างชัดเจน
เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนมีอิทธิพลต่อธุรกิจในร้านเข้าแล้ว
เธอเอียงศีรษะทักทายหญิงสาวทั้งสาม “สวัสดีค่ะ! รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
“สวัสดีค่ะ!” หญิงสาวทั้งสามทักทายเฉินฮวนฮวนด้วยท่าทีเขินอาย ทว่าดวงตาสามคู่นั้น แทบจะจับจ้องอยู่แต่เฟิงหานชวน
ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูแย่มาก ไม่ใช่เพราะหญิงสาวเหล่านี้กล่าวถึงเขา อันที่จริงตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็ใช้ชีวิตท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องเขา
สิ่งที่เขาเบื่อหน่ายคือ หญิงสาวเหล่านี้เข้ามาผิดเวลา ขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเขากับเฉินฮวนฮวน
เฟิงหานชวนหันตัวกลับ พบว่ามีที่นั่งตรงมุมข้างหน้าต่าง เขาจึงนั่งไปพลางๆ
หญิงสาวสามคนนั้นสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเขา พวกเธอต่างรู้สึกเกรงใจ พวกเธอค่อยๆ เดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน และหันไปมองเฟิงหานชวนเป็นครั้งคราว
เฉินฮวนฮวนมองออกว่าเฟิงหานชวนค่อนข้างโมโห แต่ถึงอย่างไรหญิงสาวสามคนนี้ก็เป็นลูกค้า เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอทำได้เพียงรอพวกเธอสั่งเครื่องดื่มอย่างเงียบๆ
หญิงสาวสามคนซุบซิบกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหญิงสาวหัวหน้ากลุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า “ชานมไข่มุกสี่แก้ว ไม่เอาน้ำแข็งค่ะ”
“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดมาก เธอรับเงินมาแล้วเริ่มลงมือชงชานม
หลังจากชงชานมทั้งสี่แก้วเสร็จ ทันใดนั้น เธอก็พบว่ามีเพียงพวกเธอสามคนเท่านั้น แก้วที่สี่เป็นแก้วที่คนอื่นฝากซื้อหรือเปล่า
เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอเริ่มหยิบถุงมาใส่แก้วชานม ในตอนนี้เอง หญิงสาวหัวหน้ากลุ่มเอ่ยขัดขึ้นว่า “ไม่ต้องใส่ถุงค่ะ พวกเราจะดื่มที่นี่”
“อ้ออ้อ ได้ค่ะ” เฉินฮวนฮวนวางถุงกลับเข้าไปที่เดิม
ในตอนนี้เอง เธอเห็นหญิงสาวที่สวยที่สุดหัวหน้ากลุ่มคนนั้น หยิบแก้วชานมกับหลอดขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปหาเฟิงหานชวน
หลังจากนั้น หญิงสาวคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าเฟิงหานชวน และวางชานมกับหลอดลงบนโต๊ะตรงหน้าเฟิงหานชวนด้วยรอยยิ้ม และกล่าวด้วยเสียงหวานหยาดเยิ้ม “สุดหล่อ ฉันเลี้ยงชานมคุณค่ะ”
ทั่วทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบทันที เฉินฮวนฮวนถึงกับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดด้วยความตกใจ
แม้ว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องเช่นนี้มากมาย ทว่าอีกฝ่ายเป็นเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนถึงกับตกใจอย่างมาก
เพราะหลังจากนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะ…
“ไม่ต้องครับ” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากัน และเอ่ยตอบอย่างเรียบเฉย
เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่า เฟิงหานชวนไม่ใช่ผู้ชายโสดปกติ
หากเป็นผู้ชายโสดทั่วไป เขาจะต้องรับแก้วชานมด้วยรอยยิ้มอย่างแน่นอน และทั้งสองก็แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกัน
เฉินฮวนฮวนอดสงสัยไม่ได้ว่า เฟิงหานชวนจีบแฟนสาวคนก่อนของเขาได้อย่างไร
เขานั่งตรงนั้น ราวกับภูเขาน้ำแข็งตั้งอยู่ตรงนั้น หากตอนนี้เป็นฤดูร้อน ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศภายในร้านเลย
“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ความว่าอย่างนั้น ก็แค่เห็นคุณนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ได้สั่งชานม ฉันแค่อยากเลี้ยงชานมคุณสักแก้ว คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ” หญิงสาวคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม และดึงผมตัวเองเล่นอยู่เป็นระยะๆ แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเขินอาย แต่สัมผัสได้ถึงความใจใหญ่ของเธอ
“ฉันชื่อซูหนานซีนะคะ ฉันเป็นนักศึกษาปีสอง สาขาวิชาดนตรี เอกเปียโนค่ะ” เมื่อซูหนานซีกล่าวแนะนำตัวเอง น้ำเสียงฟังดูภาคภูมิใจเหลือเกิน
เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินชื่อซูหนานซี เธอก็จำได้ทันทีว่า หญิสาวคนนี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในสาขาวิชาดนตรี เล่ากันว่าเธอเล่นเปียโนเก่งมาก มีคนมาจีบไม่ขาดสาย ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมั่นใจและใจใหญ่ขนาดนี้
“ผมไม่ดื่มชานม” เฟิงหานชวนไม่แม้แต่จะมองเธอ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เพียงรู้สึกว่าช่างหนวกหูเสียจริง
“เอ่อ…” ซูหนานซีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เธอเพิ่งเคยพบปัญหาเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ในเวลานี้เอง บรรยากาศทั่วทั้งร้านยิ่งเย็นลง
ซูหนานซีที่ทำอะไรก็ราบรื่นมาโดยตลอด ก็เผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
เพื่อนของเธอสองคนยังยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน ทั้งสองคนมองหน้ากัน และหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า “สุดหล่อ คุณอยากดื่มอะไรคะ พี่หนานซีของพวกเราจ่ายเองเลยนะ! คุณสั่งอีกแก้วสิ!”
“ไม่ต้องยุ่งกับผม ผมไม่ได้สนใจผู้หญิง” เฟิงหานชวนกวาดสายตามองพวกเธออย่างเย็นชา คำพูดของเขาที่ออกมาไม่ไว้หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น ใบหน้าของซูหนานซีพลันเปลี่ยนไป เธอมองเฟิงหานชวนอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็หันหลังกลับ และวิ่งออกจากร้านชานมไปอย่างรวดเร็ว
“หนานซี!”
หญิงสาวอีกสองคนก็รีบหยิบชานมสามแก้วที่เคาน์เตอร์ชำระเงินแล้วรีบออกไป
เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งร้านเหลือเพียงเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนสองคนเท่านั้น
“อาสาม คุณบอกว่าคุณไม่ได้สนใจผู้หญิง ประโยคนี้จริง…” เฉินฮวนฮวนเบ้ปากอย่างอดไม่ได้ เธอพูดอะไรไม่ออก
ตอนนี้เฟิงหานชวนต้องการผู้หญิงมาปลอบใจเขามากที่สุดไม่ใช่เหรอ คิดไม่ถึงว่าเขายังพูดประโยคเมื่อสักครู่ออกไปอย่างไม่ยี่หระ
หรือว่าเขาถูกแฟนเก่าสวมเขาจนเกิดเงามืดในใจ เขาจึงไม่กล้าเดทกับนักศึกษาหญิงอีก?
“เฉินฮวนฮวน คุณเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก็จะเลิกงาน เก็บของได้แล้ว” เฟิงหานชวนหลุบตามองนาฬิกาข้อมือของเขา ก่อนจะทอดสายตาเย็นเยือกไปยังหญิงสาวที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ชำระเงิน
เฉินฮวนฮวนเหลือบดูนาฬิกาบนผนัง พบว่าวันนี้เวลาผ่านไปเร็วอย่างน่าประหลาด ผ่านไปไม่นานก็จะสี่ทุ่มเสียแล้ว
“โอ้ ฉันทำความสะอาดก่อนนะคะ ยังต้องรอว่ามีออเดอร์อีกหรือเปล่า” ขณะที่เฉินฮวนฮวนกล่าวประโยคเหล่านี้ แม้จะฟังดูสงบนิ่งมาก ทว่าเธอกลับกำลังว้าวุ่นใจ คอยหลบเลี่ยงสายตาของเฟิงหานชวน
เธอรู้ว่าเมื่อเธอเลิกงาน จะต้องพบกับอะไร
เฟิงหานชวนรอเธออยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่มารับเธอหลังเลิกงานแล้วกลับไป แต่เพื่อ…
เมื่อกลับถึงบ้าน เฟิงหานชวนและเธอ ก็จะ…
ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ไม่กล้าคิดอีกต่อไป แม้ว่าเธอไม่อยากทำเช่นนี้ ทว่าเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว