เฉินฮวนฮวนหยิบผ้าขี้ริ้วเดินออกจากเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เริ่มเช็ดโต๊ะ
และเฟิงหานชวนก็นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น มองร่างที่กำลังทำงานของหญิงสาว
ตอนแรกเช็ดโต๊ะ หลังจากนั้นก็กวาดพื้น ต่อมาก็ถูพื้น และสุดท้ายก็ทิ้งขยะ
หลังจากทำงานเสร็จ ก็มีการแจ้งเตือนรายการสั่งซื้อ เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ก็วิ่งไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำเครื่องดื่มอีกครั้ง
หลังจากลูกค้ามารับเครื่องดื่มไป ก็จวนจะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เฉินฮวนฮวนปิดอุปกรณ์ และเก็บวัตถุดิบที่ใช้ไม่หมดเข้าตู้เย็น
ขั้นตอนการทำงานทั้งหมดดูยุ่งและอัดแน่น เฟิงหานชวนอยากจะพูดอะไรเสียหน่อย ก็ไม่มีโอกาสพูดแทรกได้เลย
“อาสาม ฉันเสร็จแล้วค่ะ” เฉินฮวนฮวนเดินสะพายกระเป๋าออกมาจากห้องเก็บของ
เธอมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา โครงหน้าที่เด่นชัด พูดตามตรงว่า เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่มีสัดส่วนสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน
แถมคืนนี้ เธอและผู้ชายคนนี้ก็จะ…
เฟิงหานชวนหันกลับมามองเฉินฮวนฮวน เห็นว่าเธอหยิบกระเป๋ามาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ไปกันเถอะ” เขาเพียงตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะก้าวขายาวเดินไปยังประตูแล้วเดินออกไป
เฉินฮวนฮวนเดินตามเขามาติดๆ เมื่อมาถึงประตู เธอก็ปิดประตูร้าน
หลังจากที่เธอปิดประตูแล้วหันกลับมา จมูกของเธอแทบจะชนกับแผงอกของชายหนุ่ม เธอถึงได้รู้ว่าเฟิงหานชวนยืนอยู่ด้านหลังเธอ
“อา อาสาม พวกเรากลับกันเลยไหมคะ” เฉินฉวนฮวนเงยหน้าขึ้นถามชายหนุ่มตรงหน้า
“อือ” เฟิงหานชวนเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีเหนื่อยล้า และเดินไปยังรถที่จอดอยู่ริมถนน
เฉินฮวนฮวนมองแผ่นหลังของเฟิงหานชวน ในขณะเดียวกันในใจก็เริ่มกังวล และอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่า วันนี้เฟิงหานชวนดูเหมือนจะอดทนเป็นพิเศษ เขาอยู่รอเธอเลิกงานที่ร้านชานมแบบนี้
หรือเพียงเพราะ…เขาไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่นี่ อย่างไรเธอก็ต้องกลับไปอยู่ดี
เฟิงหานชวนนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับแล้ว ทว่าเฉินฮวนฮวนยังยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแตร
เสียงบีบแตรทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวแล้วรีบวิ่งไปที่รถ จากนั้นเธอก็เปิดประตูรถเบาะหลังทันที
ในตอนนี้เอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นว่า “มานี่ มานั่งเบาะข้างคนขับ”
“หะ?” เฉินฮวนฮวนกำลังจะเข้าไปนั่งเบาะหลัง ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคำสั่งของเฟิงหานชวน จึงตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ฟังไม่เข้าใจหรือไง” คิ้วของเฟิงหานชวนขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเผยให้เห็นความไม่พอใจ
เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ทำได้เพียงปิดประตูเบาะหลัง จากนั้นเธอก็เดินอ้อมท้ายรถมาที่เบาะข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง
ตอนนี้เธอประหม่าเป็นอย่างมาก มือทั้งสองข้างกุมกันแน่นอยู่บนตัก ฝ่ามือเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปสบตากับเฟิงหานชวน
ทว่าผ่านไปสักพัก เฟิงหานชวนก็ยังไม่สตาร์ทรถ ขณะที่เฉินฮวนฮวนตัดสินใจเงยหน้าขึ้น ข้างกายเธอกลับมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง
เธอหันไปมอง เฟิงหานชวนโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอแล้ว แผงอกอุ่นๆ ของเขาแทบจะแนบชิดกับท่อนแขนซ้ายของเธอ
“อา อาสาม คุณ คุณ คุณ…” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ร่างทั้งร่างชะงักนิ่งไปเสียอย่างนั้น
เฟิงหานชวนอดใจรอไม่ไหวที่ต้องอยู่บนรถ…เป็นไปได้อย่างไร!
ขณะที่เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไปผลักชายหนุ่ม เฟิงหานชวนก็คว้าสายเข็มขัดนิรภัยแล้วดึงเข้ามา
เฉินฮวนฮวนถึงกับตะลึงงันไปในทันที
“คุณคิดว่าผมจะทำอะไร” เฟิงหานชวนยกสายเข็มขัดนิรภัยขึ้นตรงหน้าเฉินฮวนฮวน
เฉินฮวนฮวนหันหน้ากลับไปด้วยความอับอาย ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ สีแดงของความอับอาย
เธอเกือบจะคิดไปว่าเฟิงหานชวนอยากจะ…เธอไม่คิดว่า เธอไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย เฟิงหานชวนทนมองไม่ไหว จึงช่วยเธอคาดเข็มขัดนิรภัย
“คลิ๊ก” เสียงรัดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น
เฉินฮวนฮวนถอนหายใจอย่างโล่งใจ แต่จู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนข้างใบหู จากนั้นเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้น “เมื่อกี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมคาดเข็มขัด”
“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนพูดอะไรไม่ออก
“กำลังคิดว่าหลังจากกลับไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น…ใช่ไหม” นิ้วเรียวยาวของเฟิงหานชวนเอื้อมไปเชยคางของหญิงสาวขึ้นเบาๆ
ในเวลานี้เอง ใบหน้าเล็กที่แดงก่ำปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเขา เขามองด้วยความพึงพอใจ ราวกับกำลังมองสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง
“ไม่ ไม่ใช่นะ…” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า แล้วหันไปมองด้านข้าง ไม่กล้ามองไปที่ชายหนุ่ม
ถ้าเธอตอบว่าใช่ ไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนจะดูถูกเธออย่างไร เขาคงจะเยาะเย้ยเธออย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอต้องปฏิเสธ
“มองตาผม” เฟิงหานชวนไม่พอใจกับคำตอบเมื่อสักครู่นี้อย่างมาก
เฉินฮวนฮวนทำได้เพียงมองเฟิงหานชวน และสบตากับเขา ทว่าหัวใจของเธอกลับอยู่ไม่เป็นสุข หัวใจดวงนั้นราวกับกำลังเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง
เฟิงหานชวนมองดวงตาคู่สวยใสตรงหน้า เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนภายในส่วนลึกของหัวใจ ใบหน้ารูปไข่สวยหมดจด ปราศจากเครื่องสำอางใดๆ บริสุทธิ์ราวกับแก้วใส
ภายในรถมีเพียงแสงไฟสลัวๆ บรรยากาศเงียบงันเกินจะบรรยาย
ใบหน้ารูปที่ไข่แดงก่ำ และแววตาที่สับสน ทำให้เขารู้สึกมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษ เฟิงหานชวนก้มลงประกบปิดริมฝีปากของหญิงสาวทันที
สัมผัสอันอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทำให้เฉินฮวนฮวนตกใจ ทว่าเธอกลับไม่กล้าขยับตัวหรือขัดขืน
เมื่อรับรู้ถึงความตื่นตระหนกของหญิงสาว เฟิงหานชวนก็จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอ เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีไปไหน
ตอนนี้ในหัวของเฟิงหานชวนไม่ได้คิดอะไรอีก มีเพียงความหอมหวานของหญิงสาวที่ห้อมล้อมปลายจมูกของเขา ช่างดึงดูดเสียเหลือเกิน
จูบนั้นลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งหญิงสาวในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนจะหายใจไม่ออกเสียแล้ว เฟิงหานชวนถึงได้ปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจนัก
เฉินฮวนฮวนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เธอเพียงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะมองเฟิงหานชวน
ท่าทีน่าเอ็นดูเช่นนี้ ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษ ใบหน้าของเขาดูมีความสุขไม่น้อย เขาถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ
ทว่าเสียงหัวเราะนี้ เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยิน เธอกลับรู้สึกว่าเป็นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เธอยิ่งก้มหน้าต่ำลงด้วยความอับอาย
ในความคิดของเธอ เฟิงหานชวนทำสิ่งเหล่านี้กับเธอ มีเพียงสองสามเหตุผลเท่านั้น
เขาแค่คิดจะเล่นๆ กับเธอ และกีดกันให้เธอออกห่างจากเฟิงเฉินเหยี่ยน รวมทั้งตอนนี้เฟิงหานชวนต้องการเดินออกจากเงามืดของหมวกสีเขียว* และต้องการผู้หญิงคนใหม่
เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนจูบเธอ ไม่ใช่เพราะชอบเธอ และเธอก็ไม่ได้ชอบเฟิงหานชวนเช่นกัน เธอเพียงต้องการความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนเท่านั้น
เมื่อพูดถึงการช่วยเหลือ เฉินฮวนฮวนรีบเงยหน้าขึ้น และคว้าข้อมือของเฟิงหานชวนเอาไว้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลใจ
เฟิงหานชวนแทบรอไม่ไหวที่จะขับรถกลับไป แต่ถูกหญิงสาวคว้ามือของเขาเอาไว้ เขาหันกลับมา และถามด้วยความสงสัย “มีอะไร”
“อาสาม หลังจากกลับไป ฉันจะไม่หนีอีกแล้ว แต่ว่าฉันมีหนึ่งเงื่อนไข…” เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างประหม่า
เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนจะช่วยเธอหรือเปล่า ดังนั้นก่อนจะกลับไป เธอควรถามให้เข้าใจจะดีที่สุด
ถ้าเฟิงหานชวนไม่ยินยอม เธอก็ไม่อยากพลีกายโดยไม่จำเป็น
สุดท้ายแล้วสำหรับเรื่องเช่นนี้ อันที่จริงในใจเธอรู้สึกต่อต้านเรื่องนี้มาก เพราะว่าเงาในคืนนั้น และเธอกับเฟิงหานชวนก็ไม่ได้ชอบพอกัน
ในมุมมองของเธอ คนสองคนที่รักกันจนสุกงอม จึงจะสามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้
“พูด!” เฟิงหานชวนกล่าวเสียงเย็น
*หมวกสีเขียว หมายถึง ผู้ชายที่ถูกแฟนหรือภรรยานอกใจไปมีชู้กับผู้ชายคนอื่น