บทที่ 190 การเปิดตัวอันน่าตกตะลึง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ไม่ใช่ความลับที่เจิ้งตานเป็นคู่หมั้นของซ่างเชียน และซือคุนก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน

ช่างน่าเสียดาย!

หากนางหมั้นกับคนอื่น ซือคุนคงจะพยายามแย่งเจิ้งตานไปอยู่กับเขาแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตระกูลซางเป็นที่ชื่นชอบของจักรพรรดิ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดแน่นอนที่จะล่วงเกินตระกูลซางในเวลานี้

แต่โชคดีที่ตระกูลซางไม่มีรากฐานที่มั่นคงสักเท่าไหร่หากเทียบกับตระกูลใหญ่อื่นๆ ถ้าในอนาคตบังเอิญมีเรื่องโชคร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา… ฮี่ฮี่ ตระกูลซางคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันมาหาข้าเพื่อขอความช่วยเหลือ และเมื่อถึงตอนนั้น ทั้งหมดที่ข้าต้องทำคือชี้ไปที่เจิ้งตาน แล้วนางก็จะเป็นของข้า…

จินตนาการของเขาเริ่มโลดโผนในขณะที่เขาคิดว่าเขาจะค่อยๆ เล่นสนุกกับเจิ้งตานอย่างไรในอนาคต

เขาใช้กลอุบายคล้ายๆ กันนี้มาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับวิธีการทั้งหมดเป็นอย่างดี

อันที่จริงการเอาชนะผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าพยายามมัดใจหญิงโสดทั่วไปหลายเท่า

อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมือนกันสำหรับฉู่ชูเหยียน เขาทุ่มเทความรู้สึกให้กับนาง และจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้นางขุ่นเคืองเป็นอันขาด!

ไม่ไกลเกินไป เจิ้งตานสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของซือคุน นางจึงส่งยิ้มจางๆ ตอบกลับให้เขา นางเคยได้ยินชื่อเสียงของนายน้อยคนที่หกของตระกูลซือมานานแล้ว ซึ่งหน้าตาของเขานั้นหล่อเหลาเหมือนกับที่คนอื่นๆ ลือกันแบบไม่มีผิดเพี้ยน อย่างไรก็ตาม การจ้องมองของเขาในขณะนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

เมื่อเทียบกันแล้ว สายตาของซูอันกลับดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหลายเท่านัก!

ฮ่าฮ่า โลกนี้ช่างแปลกประหลาดจริงๆ สุภาพบุรุษที่แท้จริงกลับถูกเรียกขานด้วยน้ำเสียงชิงชัง แต่กลับกันหมาป่าที่สวมชุดแกะอย่างซือคุนกลับมีแต่คนยกย่องว่าเป็นยอดคน

เมื่อความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในจิตใจของนาง ดวงตาของนางก็เคลื่อนไปที่ฉู่ชูเหยียนโดยไม่รู้ตัว

ฮึ่ม! ข้าสงสัยว่าเจ้าจะรู้สึกอย่างไรถ้าเจ้าพบว่าสามีของเจ้าหลงเสน่ห์ของข้า!

เจิ้งตานไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้นางไม่เคยอนุญาตให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้นางมาก่อน นางถึงกับไม่อนุญาตให้คู่หมั้นของนางเองจับมือนางด้วยซ้ำ ทว่าพอนางเจอกับซูอัน นางกลับยอมให้เขา…

เดี๋ยวนะ! เพื่อพิสูจน์ว่าเสน่ห์ของข้าเหนือกว่าฉู่ชูเหยียน ข้าจำเป็นต้องลงทุนขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความคิดนี้ทำให้เจิ้งตานท้องไส้ปั่นป่วน แต่แล้วเมื่อสังเกตเห็นว่านักศึกษาชายคนอื่นๆ แอบมองฉู่ชูเหยียน มันก็ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

ไอ้ผู้ชายมากตัณหาเอ๊ย!

แต่แล้วในขณะที่บรรยากาศในห้องกำลังเงียบสงบ จู่ๆ ประตูห้องเรียนก็เปิดออก! ทุกคนต่างรีบหันหน้าไปมอง หวังว่าจะได้พบอาจารย์คนใหม่ของพวกเขาในที่สุด อย่างไรก็ตาม มีเพียงอู๋ฉิงเท่านั้นที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา

อู๋ฉิงเป็นคนช่างสังเกตเช่นกัน นางรู้ดีว่ามีนักศึกษาจำนวนมากที่สนใจอยากจะใกล้ชิดกับนาง อย่างไรก็ตาม ด้วยท่าทีเย็นชาของนางมันทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าใกล้นางมากนัก โดยเฉพาะเวลานี้ที่เห็นว่านางกำลังมีอารมณ์หงุดหงิด

โดยไม่พูดอะไรสักคำ อู๋ฉิงเดินไปยังที่นั่งของนางและนั่งลง ตอนนั้นเองที่นางสังเกตเห็นฉู่ชูเหยียนนั่งอยู่ใกล้นาง ซึ่งมันทำให้ความโกรธของนางลุกโชนมากขึ้นไปอีก

นางลุกขึ้นยืน และเดินสาวเท้าไปที่ด้านข้างของฉู่ชูเหยียน ก่อนจะจ้องมองอย่างเย็นชาแล้วพูด “ซูอันเป็นสามีของเจ้าใช่ไหม!?”

ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม แต่นางก็ยังพยักหน้าเป็นคำตอบ “ใช่ เขาเป็น”

จุดประสงค์ของนางในการแต่งงานกับซูอันคือการขัดขวางแผนการของผู้ที่ไม่หวังดีอยากจะบ่อนทำลายตระกูลฉู่ ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลใดที่นางจะปฏิเสธมัน

ซือคุนเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของฉู่ชูเหยียนเช่นกัน แต่แค่ได้ยินผู้หญิงที่ตัวเองหลงรักยอมรับผู้ชายอีกคนเป็นสามีของตัวเอง มันก็ทำให้เขารู้สึกรุ่มร้อนในใจจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

“ในเมื่อเขาเป็นสามีของเจ้า ถ้างั้นเจ้าก็ควรจะจับตาดูเขาบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เขาไปเล่นชู้กับผู้หญิงคนอื่นกลางวันแสกๆ แบบนี้!” อู๋ฉิงตวาดขึ้นดังลั่นอย่างเย็นชาก่อนที่จะกระทืบเท้ากลับไปที่นั่งของนางเองอย่างฉุนเฉียว

ฉู่ชูเหยียนตกตะลึง นางไม่เข้าใจว่าวันนี้อู๋ฉิงเป็นบ้าอะไรขึ้นมา?

คำพูดของอู๋ฉิง มันเป็นคำพูดแบบปลายเปิดซึ่งมันทำให้คนอื่นๆ ต่างคาดเดากันไปได้มากมาย ดังนั้นนักศึกษาคนอื่นๆ ในชั้นเรียนนภาจึงเริ่มกระซิบกระซาบกันอย่างเมามันส์

ความปรารถนาที่จะนินทาเรื่องชาวบ้านนั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พวกอัจฉริยะ

“ซูอันพยายามที่จะเล่นชู้กับอู๋ฉิงงั้นเหรอ?”

“บัดซบเอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นเป็นสัตว์เดรัจฉานแน่ๆ! เขาต้องการผูกขาดคุณหนูจากสองตระกูลอ๋องเลยงั้นเหรอ!”

“แม้จะมีภรรยาที่สวยราวกับเทพธิดาอย่างฉู่ชูเหยียน แต่เขาก็ยังไม่พอ อยากได้ผู้หญิงคนอื่นอีก! ฮึ่ม ไอ้สารเลวนี่มันไม่เจียมกะลาหัวตัวเองเลยจริงๆ!”

“เจ้าไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘หญ้าอีกฟากเขียวกว่าเสมอ’ งั้นเหรอ? ฉู่ชูเหยียนอาจเป็นเทพธิดาสำหรับเรา แต่ซูอันที่ได้ลิ้มรสของนางแล้ว มันเป็นธรรมชาติที่เขาจะอยากลองของใหม่ๆ สิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อมย่อมน่าดึงดูดมากกว่าเสมอ”

“แม่งเอ๊ย! ทำไมคำพูดของเจ้ามันบาดลึกใจของข้าแบบนี้?”

เสียงกระซิบที่ตื่นเต้นเหล่านี้ทำให้เปลือกตาของซือคุนกระตุกด้วยความสยดสยอง ไอ้เวรนั่นมันมีความสามารถที่น่าทึ่งในเรื่องผู้หญิงจริงๆ งั้นเหรอ?

แต่แล้วในขณะที่บรรยากาศในห้องเรียนกำลังอื้ออึงไปด้วยเสียงซุบซิบนินทา จู่ๆ เสียงเพลงก็ดังขึ้นจากด้านนอกประตูซึ่งเสียงเพลงนี้ทำให้นักศึกษาขนลุกเกรียว แถมเลือดของพวกเขาก็เริ่มสูบฉีดอย่างรุนแรง ราวกับว่าพวกเขากำลังจะเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อกอบกู้โลก

“เกิดอะไรขึ้น?”

บรรดานักศึกษาที่กำลังงุนงงรีบหันมองไปที่ทางเข้าห้องเรียนซึ่งเป็นแหล่งต้นเสียงทันที และนั่นก็ยิ่งทำให้พวกเขายิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างสูงตระหง่านค่อยๆ เดินเข้ามา ผมของเขาถูกหวีกลับเป็นทรงผมเรียบๆ ในแบบที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันกลับดูเท่เป็นอย่างมาก เขาสวมเครื่องแบบสีดำและเสริมความอลังการด้วยท่าเดินแบบช้าๆ ที่ดูเว่อร์วัง

“ใครกันนั่นน่ะ?”

“นั่นเป็นชุดที่อาจารย์ของสถาบันใช่ไหม”

“บ้าแล้ว! เมื่อไหร่กันที่เครื่องแบบของอาจารย์ดูเรียบร้อยขนาดนี้?”

ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนพลันหรี่ตาด้วยความงุนงง ทำไมชายคนที่เดินเข้ามาในห้องเรียนถึงดูคุ้นหน้าอย่างแปลกประหลาดสำหรับข้า?

ซือคุนที่กำลังจิบน้ำพร้อมกับกำลังวางแผนที่จะจัดการกับซูอัน แต่เมื่อเขาเห็นชายที่เดินไปที่แท่นสอนหนังสือหน้าห้อง เขาก็พลันสำลักน้ำชาออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหล!

เดี๋ยวนะ! ไอ้คนบนแท่นสอนหนังสือหน้าห้องมันไม่ใช่ซูอันหรอกเหรอ?

ซือคุนขยี้ตา กลัวว่าภาพที่เขาเห็นมันจะเป็นเขาเองที่ตาฝาด

อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่คนเดียวที่ขยี้ตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า นักศึกษาเกือบทุกคนในห้องต่างจ้องมองที่ซูอันดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ

“นี่เขาไปเอาทรงผมแบบนั้นมาจากไหน? มันดู… ดูเท่ดีจริงๆ! หลังจากนี้ข้าต้องลองทำดูบ้างสักหน่อย! ว่าแต่เพลงนั่นมันเพลงอะไรกัน? ทำไมมันถึงทำให้หัวใจของข้าถึงสูบฉีดได้ขนาดนี้” เซี่ยซิวบ่นเบาๆ

“อืม… พอดูดีๆ เขาก็นับว่าเป็นคนที่ดูดีในระดับหนึ่ง เขาดูสง่างามมากจริงๆ พอแต่งตัวทำผมแบบนี้เมื่อเทียบกับตอนปกติของเขา” เจิ้งตานเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ

“ทำไมตอนนี้ข้ากลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ามองขึ้นมาอย่างกะทันหัน? ตายแล้ว! ข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!” อู๋ฉิงสูดหายใจลึกด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ทางด้านของฉู่ชูเหยียน หลังจากอึ้งไปพักใหญ่นางก็ได้สติกลับคืนมา สายตาของนางไม่ได้เล่นตลกกับนางแน่นอนว่าคนที่อยู่แท่นสอนหนังสือไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสามีของนาง!

แม้ว่าปกติแล้วนางจะเป็นคนเย็นชา แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนฉ่าขึ้นมา หากมีหลุมอยู่ข้างๆ นางคงจะกระโดดลงไปซ่อนตัวโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว