หลินจื่อซื้อพลันทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอหลุดตะโกนออกมาอย่างดัง

คุณแม่พลั้นลูบหัวลูกสาวอย่างรู้สึกเป็นห่วง ไม่นานนัก บรรยากาศภายในรถก็พลันหดหูและเงียบลง

– ภายในโรงพยาบาล –

เซินเหยาที่กําลังสับแอปเปิลพลันถามเสี่ยวเฉิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นายรู้จัก หลินจือซื้อมานานแค่ไหนแล้วล่ะ?”

เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า “ตั้งแต่เด็กแล้ว”

ทันใดนั้น เซินเหยาและหรานจึงพลันเงียบลงและชะงักไปชั่วครู่ โดยเฉพาะเซินเหยา เธอมองไปยังเสียวเฉิงด้วยสายตาสุดสงสัย “นายไม่เคยตกหลุมรักเธอเลยเหรอ?”

“เคยสิ” เสี่ยวเฉิงพลันพูดความจริงออกมา “แต่เธอคิดว่าคนอย่างฉันคู่ควรกับหลินจื้อซีอหรือเปล่าล่ะ?”

หรานจึงพลันตบหน้าอกและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ให้ตายเถอะ! จําวันที่นายบอกว่าหลินจื้อซื้อเป็นภรรยาของตัวเองได้ไหม? ตอนนั้นฉันคิดว่านายพูดเล่นนะนั่น! แล้วทําไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกล่ะว่ารู้จักกับหลินจือชื่อนะ?

เสี่ยวเฉิงไม่รู้ว่าเขาควรจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี

“นายเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองหรือเปล่าล่ะ?” เป็นเหยาพลันเหลือบมองไปยังเสี่ยวเฉิงจากนั้นไม่นาน เธอก็พลันเปลี่ยนประเด็นที่จะสื่อ “ไม่สิ ฉันหมายถึงว่า “ถ้า วันหนึ่งมีสาวสวยที่รวยมากให้โอกาสนายจีบ นายจะจีบเธอไหม?”

เสี่ยวเฉิงพลันตอบไม่ถูก “หือ? ผู้หญิงคนนั้นก็คือเธอไม่ใช่หรือยังไงกัน?”

เซินเหยาลันเผยหน้ามุ่ย เธอพลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง “นี่นาย! คุยกับผู้หญิงแบบชาวบ้านชาวเมืองเป็นบ้างไหมเนี่ย?! ถ้าพูดเป็นแค่นี้ ก็เชิญไปโสดต่อไปเถอะ!”

หลังจากสับแอปเปิลเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปยังห้องน้ําเพื่อล้างมีด

หรานจงพลันมองเสี่ยวเฉิงจากมุมหางตาและถามขึ้น “นายไม่ได้มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับหลินจื่อซื้อเลยเหรอ?”

เสี่ยวเฉิงพลันถอนหายใจ “ฉันจะพูดให้เธอเข้าใจยังไงดีล่ะ? สมมติว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวหนึ่งตั้งแต่ยังเด็ก และพวกเขาก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเป็นลูกแท้ ๆ คนหนึ่งของพวกเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน แต่ว่าเธอทําอะไรตอบแทนพวกเขาไม่ได้เลย และในทางกลับกัน ครอบครัวนี้ต้องการยกให้ลูกสาวที่มีค่าที่สุดของพวกเขาให้มาแต่งงานกับเธอ ถ้าเป็นเธอ จะตอบตกลงได้ไหมล่ะ?”

หรานจึงพลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอพลันพยักหน้าและตอบกลับ “ถ้าเป็นฉัน ก็คงรู้สึกรับไม่ได้หรอกมั้ง อันที่จริง แค่ได้เจอครอบครัวอุปถัมภ์ที่ดีขนาดนั้นก็ถือว่าโชคดีมากแล้วนะเราทุกคนก็ควรจะพอใจกับสิ่งที่ตนมี ถ้าครอบครัวนั้นต้องการให้ฉันแต่งงานกับลูกสาวของพวกเขาฉันเองก็คงจะรู้สึกไม่โอเคเหมือนกันแหละ ฉันก็คงจะรู้สึกราวกับเป็นเด็กเหลือขอที่เอาแต่ให้คนอื่นคอยป้อนข้าวป้อนน้ําให้นั้นแหละ เพราะคนอื่นหรือคนนอกที่มองเข้ามาก็คงจะคิดแบบเดียวกัน”

เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า เขากล่าวคําพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ “ใช่ บางความรู้สึ กก็กลับเกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก มันเลยเป็นเหมือนปัญหาที่ยากจะแก้เธอคิดเหมือนกันไหมล่ะ?”

ถึงกระนั้น นั่นก็คือเหตุผลที่เสี่ยวเฉิงคิดว่าเขาไม่คู่ควรกับหลินจื่อซื้อแต่ทว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาแข็งแกร่งมากพอเสี่ยวเฉิงก็จะสามารถพิสูจน์ตัวเองและเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่มีต่อเธอได้

ดูเหมือนว่าหรานจึงจะเข้าใจเสี่ยวเฉิงขึ้นมาหน่อยแล้ว ถึงกระนั้น หรานจิงก็ยังคงคิดต่อไปว่าเสี่ยวเฉิงและหลินจื้อซื้อก็น่าจะมีเบื้องหลังอะไรที่เยอะกว่านี้

ทันทีที่เซินเหยาเดินออกเข้ามา เธอก็พลันแสร้งทําเป็นวางสายโทรศัพท์และตะโกนบ่น “ให้ตายเถอะ! ตามตื้ออยู่นั้นแหละคนพวกนี้!”

หรานจึงพลันถามว่า “ใครน่ะ?”

“ก็พวกลูกเศรษฐีที่คอยตามจีบฉันน่ะสิ ฉันบอกกับพวกเขาไปแล้วว่าต้องการชายที่แข็งแกร่งและปกป้องฉันได้ แต่ผู้ชายพวกนั้นก็ดูจะไม่เข้าใจอะไรเลย เอาแต่ตามรังควานตามซื้ออยู่นั้นแหละ!” เซินเหยาพลันกระแอมและพูดเรื่องเกณฑ์การคัดเลือกคนรักต่อหน้าเสี่ยวเฉิง

ทว่า ใครจะไปรู้ล่ะว่าเสี่ยวเฉิงจะทําเพียงแค่หยิบผลไม้ขึ้นมาเคี้ยว.. ไม่นานนัก เขาก็พลันพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้น เธอก็ลองไปเดินเล่นแถวโรงยิมดูสิ บางทีเธออาจจะเจอผู้ชายกล้ามโตอย่างอาร์โนลด์จากเรื่องคนเหล็กมาคอยดูแลก็ได้นะ”

เซินเหยาพลันกลอกตาไปยังเสี่ยวเฉิงทันที “ไอ้คนโง่เอ๊ย!”

ปล. พ่อของหลินจื้อซื้อมักจะเรียกพ่อของเสี่ยวเฉิงว่า “พี่เฉิง”