มหากาพย์ดาบเทวะ! ตอนที่ 108 ตกตะลึง!

“ท่านไม่ละอายบ้างหรือไง?” หยางเย่กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด หากเป็นไปได้เขาคงฟันสตรีผู้นี้ขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว

นางยิ้มพร้อมกล่าว ” พี่หญิงไม่ไปไหนไม่ว่าเจ้าจะว่ายังไง และพี่หญิงก็ไม่ยอมปล่อยเจ้าไปเช่นกัน”

เคล้ง!

พลังปราณทองคําถูกโคจร ดาบในฝักของหยางเยถูกดึงออกพร้อมฟันไปที่นาง

หยางเย่ไม่ใช่คนที่คิดว่าเขาเป็น “น้องชาย” ใครแม้จะเป็นโฉมงามก็ตาม สตรีตรงหน้าเขาทั้งสวยและน่าดึงดูด แต่มันก็หาได้เกี่ยวกับเขาไม่

สตรีผู้นี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะพาศัตรูเข้ามาหาเขาเพียงเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ในความคิดของหยางเย่นางคือศัตรูเช่นกัน เมื่อเป็นศัตรูกับเขาแล้ว หยางเย่ไม่สนใจว่านางจะเป็นสตรีหรือคนที่สูงอายุกว่า

ศัตรูต้องตาย!

ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที เพราะไม่คาดคิดชายผู้นี้จะกล้าลงมือ และความเร็วของดาบยังน่าทึ่งมากด้วย นางไม่มีเวลาคิดสิ่งใดก่อนจะดึงแส้ทมิฬออกมากันดาบของหยางเย่

เคล้ง!

ประกายไฟปะทุออกเมื่ออาวุธทั้งสองปะทะกัน

หยางเย่ไม่ได้โจมตีซ้ำพร้อมเก็บดาบเข้าฝักและมองนางอย่างเย็นชา ความแข็งแกร่งของสตรีชุดเงินนั้นร้ายกาจ หยางเย่ไม่มีความมั่นใจพอว่าจะสามารถสังหารนางได้แม้จะใช้เจตจํานงแห่งดาบ หากเป็นที่อื่นเวลาอื่นเขาคงเรียกสัตว์อสูรราชันทั้งสองมาจัดการกับด้วยแล้ว

แต่ตอนนี้ไม่ได้ เพราะตัวตนของนางหาได้ธรรมดาไม่ หากเขาสังหารนาง กลุ่มทหารม้าด้านหลังคงไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน ยิ่งกว่านั้นหากเสียเวลาสู้กับนาง สัตว์อสูรกับกลุ่มคนด้านหลังคงตามทัน เวลานี้หยางเย่กําลังตกที่นั่งลําบากโดยแท้จริง

สตรีผู้นั้นพันแส้ไว้ในมือพร้อมมองหยางเย่อย่างตกตะลึง ความเร็วในการโจมตีก่อนหน้านั้นรวดเร็วเกินไป หากนางไม่ระวังตัวไว้ตั้งแต่แรกก็คงถูกฟันไปแล้ว “เขาเป็นใครกันแน่? ขนาดอยู่ขั้นปราณมนุษย์ยังร้ายกาจถึงเพียงนี้ หากบรรลุขั้นปราณสวรรค์อีกจะร้ายกาจถึงเพียงใดกัน?”

นางระงับอาการตกตะลึงไว้ในใจพร้อมมองหยางเย่อย่างอุ่นเคือง ”น้องชาย เจ้าช่างโหดเหี้ยมนัก เจ้าต้องการสังหารพี่หญิงโดยไม่ลังเลหรือปรานีแม้แต่น้อย เจ้ามันคนไร้หัวใจ!”

หยางเย่กล่าวอย่างเย็นชา ” แล้วท่านต้องการสิ่งใดจากการกล่าวเช่นนั้น?”

สตรีชดเงินยิ้มเมื่อได้ยิน “น้องชาย พี่หญิงยอมรับผิดที่เข้าใกล้เจ้าก่อนหน้านี้ก็เพื่ออยากให้พาพี่หญิงไปด้วย เพราะพี่หญิงสนใจในตัวเจ้าจริง ๆ ยิ่งตอนนี้เจ้าทั้งแข็งแกร่ง และมั่งคั่งอย่างมาก มันจึงทําให้ข้าหลงใหลในตัวเจ้าไปอีก!”

หยางเย่ไม่สนใจคํากล่าวใดของนาง “เจ้าจะไม่ไปจริง ๆ ใช่หรือไม่?”

“พี่หญิงจะไม่ไปไหนแม้จะต้องถูกฆ่าก็ตาม! พี่หญิงจะตามเจ้าไปทุกแห่ง!” นางกล่าวอย่างหนักแน่น

หยางเย่หันไปมองทหารม้าและสัตว์อสูรทั้งหลายที่เข้ามาใกล้ขึ้นทุกที เขาทราบว่าตนเองและสตรีผู้นี้ใช้ยันต์ลมกรดอยู่ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะถูกจับในเวลาอันสั้น แต่เมื่อยันต์หมดประสิทธิภาพลงเมื่อไหร่ พวกเขาจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นมีสัตว์อสูรมากมายเพียงใดในขุนเขาไม่สิ้นสุดล่ะ? หากสัตว์อสูรจิตวิญญาณตัวนั้นสั่งให้พวกสัตว์อสูรทั้งหมดไปพื้นที่มาจับเขา เช่นนั้นทั้งสองก็ไม่มีหดทางรอดอีกแม้จะติดปีก

หยางเย่สุดหายใจลึกก่อนจะเรียกราชันหมาป่าออกมา

เปลือกตาสตรีชุดเงินกระตุกทันทีที่เห็นราชันหมาป่า และใบหน้าของนางยังกลายเป็นซีดเผือดเมื่อเห็นฉากนี้

หยางเย่หาได้สนใจอาการของนางไม่พร้อมกระโจนขึ้นหลังราชันหมาปา จากนั้นหันไปมองสตรีชุดเงินที่ยังคงตกตะลึงอยู่”ยังไม่ขึ้นมาอีกหรือ?”

เขาไม่ต้องการพานางไปด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน หากยังมีนางตามอยู่ตลอดเวลา เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจหนีออกจากการตามล่าของพวกเขาได้แม้จะขี่ราชันหมาป่าก็ตาม ตอนนี้จึงทําได้เพียงพานางไปด้วยและขอให้นางจากไปด้วยตนเอง เพราะศัตรูข้างหลังตามมาใกล้ขึ้นทุกขณะ มันคือวิธีเดียวที่เขาคิดได้ตอนนี้

สตรีชุดเงินชะงักเมื่อได้ยินพร้อมเอ่ย “ขึ้นไป? ข้าทําแบบนั้นได้จริงหรือ?”

” ท่านจะขึ้นหรือไม่?” หยางเย่ขมวดคิ้ว

สตรีชุดเงินหยุดลังเลก่อนจะกระโดนขึ้นไปนั่งด้านหลังหยางเย่ จากนั้นด้วยความกระวนกระวายในใจ นางจึงโอบกอดหยางเยด้วยมือทั้งสองข้าง ทั้งยังเอาตัวเข้าไปแนบหลังหยางเย่แน่น และยังบ่นพึมพําเล็กน้อย “สัตว์อสูรราชัน เรากําลังนั่งอยู่บนหลังของสัตว์อสูรราชัน คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นบ้าแน่หากนําเรื่องนี้ไปเล่า!”

” ท่านขยับไปด้านหลังอีกหน่อยได้หรือไม่?” หยางเย่ไร้คํากล่าวใดเมื่อสัมผัสถึงลูกบอลยักษ์สองลูกที่แนบชิดกับหลัง นางไม่อายบ้างเลยหรือไง?”

“สตรีอย่างข้ายังไม่โวยวายเรื่องนี้เลย เช่นนั้นเจ้าเป็นผู้ชายแท้ ๆ เหตุใดยังจะต้องโวยวายด้วย?”

จากการขี่ราชันหมาปาแทนการวิ่งด้วยเท้า ความเร็วของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว และระยะห่างของพวกเขากับกองทัพสัตว์อสูรก็ได้ห่างจากกัน

ท่าที่ของชายหนวดโค้งและชายเกราะทองเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นพวกเขานั่งอยู่บนสัตว์อสูรราชัน นอกจากอาการตกตะลึงชายหนวดโค้งยังเต็มไปด้วยความสงสัย สัตว์อสูรราชันกลายเป็นพาหนะของมนุษย์? เรื่องบ้าอะไรกัน?” ชายหนวดโค้งไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้

หลังจากหายสับสน เขาเริ่มรู้สึกเดือดดาลแทน ถูกต้อง เวลานี้ชายหนวดโค้งรู้สึกโกรธมาก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สัตว์อสูรราชันที่ยอมเป็นพาหนะให้มนุษย์ มันไม่ใช่เรื่องสมควรและเขาเองก็ไม่สามารถทนได้ ยิ่งกว่านั้นมันเป็นสิ่งอาณาจักรสัตว์อสูรไม่สามารถรับได้เช่นกัน เพราะมันนับว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่งสําหรับอาณาจักรสัตว์อสูร

“ไอ้มนุษย์ แกกล้าดียังไงมาทําให้สัตว์อสูรราชันกลายเป็นพาหนะ? ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้น ๆ !” หลังจากคํารามออกไป ชายหนวดโค้งได้เพิ่มความเร็วขึ้น

ดวงตาของชายเกราะทองเองก็ตกตะลึง ทั้งยังสับสนไปด้วย ในตอนแรกเขาคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่เมื่อทราบว่าเขาอยู่ขั้นปราณมนุษย์จึงไม่สนใจอีก แต่เขาไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้จะสามารถเรียกสัตว์อสูรราชันมาขี่ได้ สวรรค์! นั่นคือสัตว์อสูรราชัน! ยิ่งกว่านั้นเหตุใดฝ่าบาทถึงไปกับเขาได้ เหตุใดเขาถึงพานางไปด้วย? หรือว่าพวกเขาได้วางแผนกันมาก่อนแล้ว?”

เมื่อนึกได้เช่นนั้น ใบหน้าชายวัยเกราะทองถึงกับจมดิ่ง เขาได้ยินมาว่าองค์หญิงไม่ต้องการจะไปอาณาจักรสัตว์อสูร และเขาได้พยายามระวังไว้ตลอดเพื่อไม่ให้นางหนีระหว่างภารกิจ ตลอดทางที่ผ่านมานางไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่น้อย เขาคิดว่านางคงยอมรับชะตากรรม แต่ไม่คาดคิดว่านางจะวางแผนไว้ล่วงหน้าขนาดนี้

ชายหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สํานักใดก็เตรียมตัวรับผลจากจักรวรรดิต้าฉันไว้ได้เลย!” ชายเกราะทองกล่าวในใจ

หยางเย่ไม่ทราบว่าทั้งสองกําลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาหวังเพียงแค่จะสามารถหนีจากพวกทหารม้าและสัตว์อสูรให้เร็วที่สุด เพราะหยางเย่ไม่สนใจว่าพวกเขาจะมีความขัดแย้งใดกัน

ทันใดนั้นมิงค์ม่วงดึงผมหยางเย่พร้อมชี้ไปที่ฝูงเหยี่ยวทมิฬที่อยู่บนฟ้า

“เจ้าจะบอกว่าพวกมันกําลังจ้องมองเราอยู่ หากไม่ทําอะไรสักอย่างกับพวกมัน เช่นนั้นก็ไม่สามารถหนีจากพวกมันได้ใช่หรือไม่?” หยางเย่เอ่ยถาม

มิงค์ม่วงพยักหน้า

หยางเย่ขมวดคิ้ว ฝูงเหยี่ยวทมิฬอยู่ห่างออกไปสองร้อยเมตรในอากาศ ดังนั้นปราณดาบจึงไม่สามารถทําอะไรได้

เมื่อผ่านไปได้ครู่หนึ่ง เขามองไปยังสหายตัวจ้อยพร้อมกล่าว “เจ้าพอทําอะไรได้บ้างหรือไม่?

มิงค์ม่วงพยักหน้า

“เช่นนั้นข้าจะยกหน้าที่นี้ให้เจ้าละกัน!” หยางเย่ยิ้มพร้อมกล่าว

มิงค์ม่วงเองก็เผยยิ้มก่อนจะขยับกรงเล็บ จากนั้นร่างของมันได้หายไปจากไหล่หยางเย่ และได้ปรากฏตัวอยู่ด้านบนของหยางเย่

เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาที่ชุ่มชื้นของนางเปิดกว้างขึ้นพร้อมกล่าว “มัน.. น้องชาย อย่าบอกนะว่ามันก็เป็นสัตว์อสูรราชันเช่นกัน มิเช่นนั้นหัวใจข้าคงไม่อาจรับสิ่งใดไหวอีก!”

หยางเย่ไม่ตอบสิ่งใด เขาหันไปมองมิงค์ม่วงที่อยู่ด้านบน ในเวลาไม่นาน ฝูงเหยี่ยวทมิฬที่บินอยู่เหมือนจะเจออะไรบางที่น่าสะพรึงเข้า พวกมันร้องโหยหวนดังก่อนจะหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

แสงสีม่วงเปล่งประกายขึ้น จากนั้นสหายตัวจ้อยได้ปรากฏตัวขึ้นบนไหล่ของหยางเย่ มันแบมือออกเผยให้เห็นขนนกสีดํา

หยางเย่ไม่ทราบว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะกับสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าสหายตัวจ้อยเพิ่งถอนขนพวกมันออก ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดพวกมันหนีกระเจิดกระเจิง ”น้องชาย เจ้าเป็นใครกันแน่?” ทันใดนั้นสตรีชุดเงินได้ถามหยางเย่ด้วยท่าที่จริงจัง นางสงสัยในตัวตนของหยางเย่อย่างมาก เพราะเขาสามารถควบคุมสัตว์อสูรได้ ทั้งยังเป็นสัตว์อสูรราชัน สิ่งนี้หาได้เป็นเรื่องธรรมดาไม่

หยางเย่กล่าวอย่างเย็นชา ” ท่านคิดว่าข้าจะบอกงั้นหรือ? ยังไงก็ตาม พวกเราจะแยกย้ายกันเมื่อหนีจากพวกเขาได้ ข้าไม่มีพันธะใดที่ต้องปกป้องท่าน เข้าใจหรือไม่?”

เมื่อกล่าวจบ หยางเย่สัมผัสได้ถึงหน้าอกขนาดใหญ่ที่แนบหลังเขาราวกับว่าจะจมเข้าไปอยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงนางคร่ำครวญ ”น้องชาย เจ้าเป็นคนไร้หัวใจจริง ๆ สินะ? ผู้คนมักกล่าวว่าเราควรทําดีให้ถึงที่สุด งั้นเจ้าช่วยส่งพี่หญิงออกจากขุนเขาไม่สิ้นสุดได้หรือไม่?”