มหากาพย์ดาบเทวะ! ตอนที่ 109 เหลือทน!

ที่ราบแห่งนี้กว้างใหญ่จนไร้ขอบเขต หยางเย่ขี่ราชันหมาปามาเกือบสองชั่วยาม แต่ยังไม่สามารถออกจากพื้นที่นี้ได้ และรวมกับจํานวนสัตว์อสูรที่เพิ่มขึ้นทุกที มันทําให้ท่าที่หยางเย่อึดอัดอย่างมาก

ไม่ใช่เพียงแค่ด้านหลังเท่านั้น ยังมีจุดดํามากมายปรากฏบนท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกเรียกมาโดยสัตว์อสูรจิตวิญญาณตัวนั้น ถึงแม้มิงค์ม่วงจะสามารถจัดการพวกมันได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะฆ่าไปเท่าไหร่ สัตว์อสูรจิตวิญญาณก็จะส่งพวกมันมาอีก

“น้องชาย ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่ค่อยสู้ดีแล้วนะ!” ขณะที่หยางเย่กําลังวิตก สตรีด้านหลังได้กล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า น้ำเสียงนางแทบไม่รู้สึกผิด ทั้งยังแสดงท่าที่พอใจในโชคร้ายของหยางเย่

หยางเย่หันไปมองอย่างโกรธเคือง “ทราบด้วยหรือว่ามันกําลังแย่? ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านหรือไง? ยิ่งกว่านั้นท่านเป็นถึงคนของจักรวรรดิต้าฉัน ดังนั้นไม่มีวิธีใดที่จะแก้สถานการณ์นี้เลยหรือ?”

หยางเย่ไม่เชื่อว่านางไม่มีไพ่ตายที่จะเอาชีวิตรอด เพราะคนใหญ่คนโตของจักรวรรดิต้าฉันนั้นไม่ด้อยไปกว่าคนของโรงเรียนปราชญ์

สตรีชุดเงินกะพริบตาก่อนจะแสดงท่าที่น่าสงสารพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเขินอาย ”น้องชายข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วจะมีหนทางใดอีก? ข้ามีเพียงน้องชายคนเดียวแล้วตอนนี้ ดังนั้นหวังว่าน้องชายจะดูแลข้าอย่างดีนะ!”

หยางเย่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าว ” อย่ามาผลักไสปัญหาให้ข้าได้หรือไม่? และหยุดเรียกข้าว่าน้องชายได้แล้ว?”

คําว่าน้องชายทําให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก

“ได้สิน้องชาย!” สตรีชุดเงินกล่าวพร้อมหัวเราะ

หยางเย่สูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวอย่างสงบ “บอกข้ามาสิ พวกเขาตั้งใจจะมาจับตัวเจ้า หากข้าส่งเจ้าให้พวกทหารม้านั้น พวกเขาก็จะปล่อยข้าไปใช่หรือไม่?”

เขาหาได้กลัวสัตว์อสูรไม่ แต่กลัวบรรดาทหารม้ามากกว่า หรือกล่าวโดยตรงคือเขากลัวมหาอํานาจของจักรวรรดิต้าฉิน เพราะกองกําลังในเขตแดนใต้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหนี้ได้โดยง่าย

สตรีชุดเงินตอบพร้อมรอยยิ้ม “หากเจ้าทําเช่นนั้นก่อนหน้า ข้าไม่มั่นใจว่าพวกสัตว์อสูรจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่ แต่พวกองครักษ์จะปล่อยเจ้าไปแน่นอน แต่ตอนนี้คงไม่มีทางปล่อยแล้ว!”

” ทําไม?” หยางเย่สับสนเล็กน้อย

มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ ” เพราะพวกเขาคิดว่าพวกเรามาด้วยแล้วนะสิ ยืม กล่าวให้ชัดคือพวกเขาคิดว่าเราสมรู้ร่วมคิดกันไปแล้ว! ถึงแม้สถานะของข้าในจักรวรรดิจะไม่สูงมาก ข้าก็เป็นคนของพวกเขา ดังนั้นเจ้าคิดว่าคนของจักรวรรดิจะยอมให้ข้าหนีไปกับใครสักคนโดยง่ายงั้นหรือ?”

“นอกจากนั้นวัตถุประสงค์หลักของการเดินทางมาที่นี่คือเพื่อพิธีสมรส และอีกกลุ่มคือองค์ชายคนที่สองของจักรพรรดิสัตว์อสูรแห่งอาณาจักรสัตว์อสูร หากพวกเขาทราบว่าคู่หมั้นของพวกเขาหนีไปกับผู้ชาย เจ้าคิดว่าพวกเขาจะปล่อยไปง่าย ๆ หรือ? พี่หญิงจะบอกความลับบางอย่างให้เขาเป็นยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณด้วย! ถูกต้อง สัตว์อสูรข้างหลังพวกเราต่อต้าการแต่งงาน ดังนั้นเจ้าคิดว่าพวกเขาจะปล่อยเจ้าไปหลังจากพาข้าหลบหนีหรือไง? พี่หญิงขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย เพราะเจ้าได้ทําสิ่งผู้คนต่างไม่กล้าจะทําเข้าแล้ว เจ้าได้หาเรื่องจักรวรรดิต้าฉินและอาณาจักรสัตว์อสูรในเวลาเดียวกัน!”

หลังจากได้ยินนาง หยางเย่หาได้แสดงอาการโกรธอย่างที่คิดไว้ แต่กลับครุ่นคิดอย่างหนักด้วยท่าที่สงบนิ่ง

อันที่จริงเขารู้สึกโกรธอย่างมาก เพราะปัญหาทุกอย่างมาจากสตรีเพียงคนเดียว เขาหาได้ใช่นักบุญ ดังนั้นจึงรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา หากเป็นไปได้ เขาอยากจะใช้ดาบฟันนางให้ขาดเป็นชิ้น ๆ และเฆี่ยนศพนางซ้ำ แต่โกรธตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา? เขาจะสู้กับนางไหวงั้นหรือ? หรือยอมแพ้และส่งตัวนางให้พวกเขาด้านหลังเสีย?

หากมันเป็นไปได้โดยราบรื่น เช่นนั้นเขาคงไม่ลังเลที่จะทํา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ กล่าวคือถึงจะโกรธไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นแทนที่จะโกรธ เขาเอาเวลานั้นไปหาวิธีเอาชีวิตรอดดีกว่า แน่นอนว่าคงไม่ปล่อยนางไว้แน่นอนในอนาคต เพราะหยางเย่หาใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมาเอาเปรียบได้

แต่เขาต้องหาวิธีหนีจากการถูกไล่ล่าก่อน!

” ทําไมเจ้าถึงไม่โกรธ?” ทันใดนั้นสตรีด้านหลังได้กล่าวอย่างสงสัย ตามที่นางคิด หยางเย่ควรจะเดือดดาลหรือสบถใส่ แต่หยางเย่กลับสงบราวกับไม่ได้ยิน สิ่งนี้ทําให้นางค่อนข้างสงสัย

หยางเย่ไม่ตอบสิ่งใด เขาหันไปมองนางพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง ” ข้าไม่สนหรอกว่าสถานะท่านจะเป็นยังไง ทั้งหมดที่ข้าจะบอกคือ พวกเราลงเรือลําเดียวกันแล้ว ดังนั้นหากพวกเราไม่ร่วมมือกัน ก็คงมีเพียงหายนะที่รอเราอยู่ ข้าทําของข้าดีที่สุดแล้ว ทั้งยังใช้ไพ่ตายที่ซ่อนไว้เรียบร้อย ข้าคิดว่าท่านควรทําอะไรบางอย่างเช่นกัน!”

สตรีชุดเงินหยุดยิ้มเมื่อได้ยินก่อนจะกล่าวอีกครั้ง ”น้องชาย เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่พี่หญิงหาได้มีไพ่ตายไม่ อย่าเพิ่งหันมามองเช่นนั้น ข้ายังกล่าวไม่จบ! ถึงแม้พี่หญิงจะไม่มีไพ่ตาย แต่ก็มีวิธีหนีจากพวกเขา!”

หยางเยรีบถาม “วิธีอะไร?”

สตรีชุดเงินยิ้ม “บอกให้ราชันหมาป่าของเจ้าไปทางขวา เพราะมีโบราณสถานอยู่ห่างไปห้าร้อยกิโลเมตรจากที่นี่ โบราณสถานนั้นเคยเป็นที่อยู่ของจักรวรรดิสูงส่งมาก่อน และตอนนี้มันมีเพียงภูตผีและบางสิ่งบางอย่างที่ล้ำค่าของจักรวรรดิอยู่ที่นั่น บรรดาองครักษ์และสัตวอสูรจะไม่กล้าเข้าใกล้เมื่อพวกเราเข้าไปข้างในได้”

“โบราณสถาน?” หยางเย่ขมวดคิ้ว ” พวกเขาจะไม่ตามเข้าไปแน่หรือ?

สตรีชุดขาวกลอกตามองหยางเย่ “หากพวกเราเข้าไปยังโบราณสถานแล้ว พวกเขาจะหาพวกเราเจอได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้นมันยังเต็มไปด้วยอันตราย หากฝูงสัตว์อสูรกับคนจํานวนมากเข้าไปข้างใน อย่างน้อยก็ครึ่งของวกเขาที่จะต้องตาย ข้าไม่ทราบเกี่ยวกับพวกสัตว์อสูร แต่หัวหน้าองครักษ์เจียงหลิน ไม่กล้าเข้าไปแน่นอน อย่างมากสุดก็ยอดฝีมือสองคนที่จะเข้าไปพร้อมกับเขา!”

“ท่านทราบเกี่ยวกับโบราณสถานนี้ได้ยังไง?” หยางเย่เอ่ยถาม แน่นอนว่าเขาไม่ค่อยเชื่อสตรีผู้นี้ เพราะอย่างน้อยก็ต้องระวังตัวต่อคนประเภทนี้ไว้

สตรีชุดเงินมองหยางเย่ราวกับมองคนโง่อยู่พร้อมกล่าว ”น้องชาย เจ้าเป็นศิษย์ของสํานักจริงหรือไม่?”

“มันเกี่ยวข้องสิ่งใดกัน?” หยางเย่ขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม

สตรีชุดเงินใช้มือตบหน้าผากพร้อมตอบ “เพราะโบราณสถานนี้คือสถานที่ที่บรรดาศิษย์ของสํานักใช้ฝึกฝนตนเองไงล่ะ ศิษย์ของหกมหาอํานาจแห่งเขตแดนใต้ และจักรวรรดิต้าฉินต่างไปที่นั้นเพื่อฝึกฝนตนเอง ถึงแม้มันจะอันตราย มันก็มีแต่สิ่งที่ไม่คาดคิด เพราะผู้คนมากมายต่างก็พบเจอเคล็ดวิชาและกระบวนท่านับไม่ถ้วนที่นั่น”

เมื่อกล่าวจบ นางเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “น้องชาย เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชันงั้นหรือ?”

ขณะที่หยางเย่กําลังครุ่นคิดเกี่ยวกับโบราณสถาน เขาก็ได้ยินคําถามของนางก่อนจะส่ายหัว “ข้าไม่ใช่ศิษย์สํานักดาบราชัน รีบไปที่โบราณสถานกัน ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว”

ดวงตานางเปิดกว้างเมื่อได้ยินหยางเย่ “เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชัน? แต่เคล็ดวิชาดาบ…”

“ข้าบอกว่าไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชัน แล้วแต่ท่านว่าจะเชื่อหรือไม่!” หยางเย่กล่าวด้วยท่าทีหงุดหงิด จากนั้นเขาสั่งให้ราชันหมาป่าตรงไปตามทางอย่างรวดเร็ว

สตรีชุดเงินสนใจในตัวตนของหยางเย่มาก “น้องชาย เมื่อเจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชัน เช่นนั้นเจ้าต้องเป็นศิษย์ของโรงเรียนปราชญ์ใช่หรือไม่?”

“ข้าไม่ได้อยู่สังกัดไหนทั้งสิ้น!” หยางเย่กล่าวอย่างเย็นชา

สตรีชุดเงินถามกลับด้วยน้ำเสียงงุนงง “น้องชาย ด้วยพรสวรรค์และความแข็งแกร่ง เจ้ามีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าโรงเรียนปราชญ์ได้เลยนะ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าร่วมสํานักใดล่ะ?”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่านงั้นหรือ?”

“เกี่ยวแน่นอน ข้ากําลังหนีกับเจ้าอยู่ กล่าวคือเจ้าคือคนของข้าแล้วตอนนี้ อย่างน้อยก็อยู่ในรายชื่อแล้ว ดังนั้นมันจะไม่เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร?”

หยางเย่ ”…”

ผ่านไปชั่วครู่ สตรีชุดเงินเหมือนจะนึกบางอย่างได้ ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ในสํานักใด มันจึงทําให้ดวงตานางเปิดกว้าง ”น้องชาย หากเจ้าไม่เข้าร่วมสํานัก เช่นนั้นก็มาเข้าร่วมสถาบันของจักรวรรดิต้าฉินของข้าดีหรือไม่? ทั้งความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเจ้า มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะผ่านบททดสอบเข้าสถาบัน!”

“ข้าไม่สนใจ!” หยางเย่แทบไม่ได้พิจารณาก่อนจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา หากเป็นในอดีตเขาอาจจะสนใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขามีอาจารย์อยู่แล้ว แล้วเหตุใดจึงต้องเข้าร่วมกับสถาบันอื่นทั้งยังต้องถูกจํากัดอยู่ในสํานักด้วย?

สตรีชุดเงินกล่าวด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจล่ะ? หากเจ้าเข้าร่วมสถาบันจักรพรรดิและได้ตําอยู่ในหนึ่งในสิบอันดับแรก เช่นนั้นเจ้าจะได้รับฉายาอันเป็นที่เลื่องลือในจักรวรรดินะ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จะไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าข้าหนีไปกับเจ้า และจักรวรรดิก็จะไม่ลงโทษข้า ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังจะชื่นชมข้าอีกว่าตาถึง แล้วเหตุใดยังไม่สนใจอีกขั้นหรือ?”

มุมปากหยางเย่กระตุกก่อนจะสูดหายใจลึกเพื่อสงบตนเอง จากนั้นเขาหันไปมองสตรีชุดเงินพร้อมกล่าว “แม่นางคนสวย ดูเหมือนท่านจะได้รับประโยชน์จากมันมากทีเดียวนะ ข้าก็แค่ไปอยู่ที่นั่นและไม่ได้สิ่งใดเลย! ให้ข้าถามหน่อย มีประโยชน์อะไรที่ข้าควรทําแบบนั้น? พวกเราสนิทกันขนาดนั้นเลยหรือ? เหตุใดข้าถึงต้องเอาชีวิตไปจมปลักกับเจ้าล่ะ? ข้าดูเหมือนคนโง่นักหรือไง?”

สตรีชุดเงินหน้าแดงขึ้นมา อันที่จริงนางคิดแต่เรื่องตนเองก่อนหน้านี้ ไม่นานใบหน้านางก็กลับเป็นปกติ จากนั้นจึงมองไปที่หยางเย่ด้วยท่าทีเขินอาย “แน่นอนว่าเจ้าจะได้รับผลประโยชน์มากมาย อย่างเช่นได้รับรางวัลจากจักรวรรดิต้าฉิน หรือได้…ได้แต่งงานกับข้า”

หยางเย่หัวเราะลั่น “แต่งงานกับท่าน? แม่นางคนสวย อย่าทําให้ข้าดูเป็นคนโง่เขลาได้หรือไม่? ข้าหาได้ชื่นชอบคนที่นําหายนะมาให้! นอกจากนั้นข้ายังมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ข้าไม่สนใจท่านแม้แต่น้อย!”

รอยยิ้มเขินอายกลายเป็นแข็งที่อก่อนจะกลับไปเป็นปกติ ” ข้ารู้สึกชื่นชมน้องชายอย่างแท้จริง ข้าไม่คิดจะใช้ประโยชน์ใดจากน้องชายเลย ถึงแม้จะเคยทํา แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่เล็กน้อยมาก ๆ นอกจากนั้นถึงแม้เจ้าจะมีคนที่ชอบแล้วยังไง มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะมีภรรยาหลายคนไม่ใช่หรือ?”

” ท่านนี่มันเหลือเกินจริง ๆ !” หยางเย่ยกนิ้วโป้งให้นาง สตรีผู้นี้น่ารังเกียจอย่างแท้จริง ความคิดและความตรงไปตรงมาของนางทําให้หยางเย่แทบจะทนไม่ได้

ขณะที่นางตั้งใจจะกล่าวบางอย่าง ท่าที่หยางเย่ได้เปลี่ยนไปทันที ”หยุดตัดพ้อไปแล้ว! พวกเรากําลังเจอปัญหาใหญ่!”