ตอนที่ 61-1 ความโกลาหล
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของทุกคนจึงแสดงถึงความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
สีหน้าของฮูหยินใหญ่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางรีบลุกขึ้นยืนจากนั้นค่อย ๆ นั่งลงด้านข้างเด็กสาวผู้นั้นและกล่าวว่า:
“คุณหนูหวัง ตอนนี้ข้างนอกมืดมาก บางทีท่านอาจตาฝาดไปหรือไม่?…”
คุณหนูหวังส่ายหัวพร้อมกับอาการตื่นตระหนกและกล่าวว่า:
“ไม่… ข้ามิได้ตาฝาด หากท่านมิเชื่อก็จงเอ่ยถามสาวใช้ที่ไปกับข้าดูสิ เพราะนางก็เห็นเช่นเดียวกันกับข้า!”
ใบหน้าของสาวใช้ก็ซีดเซียวด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน:
“คุณหนูกล่าวถูกต้องแล้ว บ่าวก็เห็นเช่นเดียวกัน มีคนผูกคอตายอยู่บนต้นบ๊วยนั่น และยังมีลิ้นที่ยื่นยาวออกมามากด้วย! มันน่ากลัวที่สุดเลย!”
ตอนนี้ในใจของฮูหยินใหญ่รู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่าง ขณะที่นางหันกลับไปมองในทิศทางที่เว่ยหยางกำลังนั่งอยู่โดยมิได้ตั้งใจ
และมิทราบว่าเหตุใดจึงต้องหันกลับไปมองเด็กสาวผู้นี้
แต่รู้สึกว่า เหตุการณ์นี้และหญิงสาวจิตใจต่ำช้า ผู้ที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่นั้น น่าจะมีความเชื่อมโยงบางอย่างต่อกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
“เจ้าต้องตาฝาดแน่! ผู้ใดก็ได้ช่วยมาประคองคุณหนูหวังกลับไปยังที่นั่งของนางที”
คุณหนูหวังมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการจะกล่าวมากกว่านี้ แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของฮูหยินหวังแล้วนางจึงรีบหุบปากและแสดงอาการลังเลใจในทันที
บรรดาคุณหนูทั้งหลายที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างก็เดินกรูกันเข้ามาหานาง เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นางได้เห็นเมื่อครู่
แต่เมื่อนางกำลังจะกล่าวอันใดบางอย่าง ก็ได้มีเสียงไอของฮูหยินหวังดังขึ้นเป็นจังหวะ ราวกับว่าต้องการจะเตือนนางให้หุบปากในทันที
หลี่เว่ยหยางเห็นฝั่งตรงข้ามยังคงมีท่าทีที่นิ่งเฉยอยู่ เช่นเดียวกับที่หลี่หมินเฟิง ที่กำลังประจบสอพลอองค์ชายห้า มุมริมฝีปากของนางจึงยกขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าหลี่เสี่ยวหรันมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความวิตกกังวลใจ
ฮูหยินใหญ่จึงกล่าวอย่างร้อนรนว่า:
“ด้านนอกมันมืดมาก ๆ บางทีคุณหนูหวังอาจจะเข้าใจผิด ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
หลี่เสี่ยวหรันพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงพักเรื่องนี้ไว้
ทันใดนั้นฮูหยินหลู ภรรยาของท่านแม่ทัพหลูชิก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีกระวนกระวายใจ และสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขณะที่กล่าวว่า:
“ซูเอ๋อของข้าหายไปไหน?!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของนาง ทุกคนจึงเกิดอาการตกตะลึงไปชั่วขณะ
ฮูหยินหลูมีบุตรชายผู้นี้ในตอนที่นางมีอายุได้สี่สิบปีแล้ว
นางรักเขาเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจ และจะพาเขาไปด้วยทุกที่มิว่านางจะไปที่ใด แต่ในตอนนี้เขาหายไปได้อย่างไร?
ฮูหยินใหญ่รีบกล่าวปลอบโยนว่า:
“ฮูหยินหลูมิต้องเป็นกังวล ข้าจะส่งคนไปค้นหาทันที”
ขณะที่ฮูหยินหลูพยักหน้า พร้อมกับสีหน้าลังเลใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮูหยินสามขณะที่นางกล่าวออกมาว่า:
“ตอนนี้มืดแล้ว เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ด้านนอกนั้นน่าเป็นห่วง
ในเมื่อคุณหนูหวังกล่าวว่า มีบางอย่างเกิดขึ้นใต้ต้นดอกบ๊วย…เช่นนั้นเราควรไปดูที่นั่นก่อน”
ฮูหยินใหญ่จ้องมองไปยังฮูหยิน สามด้วยสายตาแห่งความขุ่นเคืองใจขณะที่กล่าวว่า:
“อย่าตื่นตระหนกนักเลย เด็ก ๆ เพียงแค่ออกไปวิ่งเล่นเท่านั้น เดี๋ยวเราก็หาเขาพบ”
ฮูหยินหลูตั้งใจฟังคำสนทนาของพวกนาง ขณะที่ภายในหัวใจนั้นเกิดความสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก:
“ไม่ ข้าต้องการออกไปตามหาด้วยตนเอง!” เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว นางจึงผลักสาวใช้ออกไป และรีบลุกขึ้นยืนในทันที
ท่านแม่ทัพใหญ่หลูชิที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เกิดความรู้สึกอับอาย แต่เขายังคงมีความรู้สึกกังวลใจซ่อนอยู่ในส่วนลึก
แม้ว่าเขาจะกลัวว่า จะทำให้ท่านอำมาตย์หลี่เกิดความขุ่นเคืองใจ แต่ท้ายที่สุดใน บุตรชายผู้นี้เป็นบุตรผู้เดียวของเขา ที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูล
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนและกล่าวคำขอโทษ จากนั้นจึงรีบเดินตามภรรยาของตนเองออกไป
ในเมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้งานเลี้ยงจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร?
ทุกคนจึงลุกขึ้นยืนขึ้น และลงความเห็นอย่างพร้อมเพรียงกันว่า:
“พวกเราควรออกไปดูด้วยกัน”
“ใช่…ใช่แล้ว ฮูหยินหลูมีทายาทเพียงผู้เดียว หากตามหาตัวเขามิพบ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่!”
“ท่านอำมาตย์หลี่เราควรออกไปช่วยกันตามหาเขา!”