บทที่ 211 มังกรนาคา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 211 มังกรนาคา

บทที่ 211 มังกรนาคา

แน่นอนว่าเหตุการณ์ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจเล็ดลอดจากสายตาของมู่พ่านซานไปได้ ภายหลังที่ฉู่เชิ่งถูกอัดปางตาย ศิษย์เอกของบรรพชนดาบผู้นี้ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เพียงแต่วันนี้เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมปกปิดใบหน้าเอาไว้ ราวกับมีใครคอยให้การช่วยเหลือ!

มู่พ่านซานละสายตาออกมา ยังคงมองไปที่รถม้าหยก

ฉู่เชิ่งรีบก้มศีรษะลง เอ่ยถามในใจโดยไม่รู้ตัวว่า “เมื่อครู่เขาทำอะไร? เหตุใดถึงตรวจสอบข้าด้วยสัมผัสเทวะ?”

ที่ก้นบึ้งของหัวใจ เสียงของท่านหู่ดังขึ้น “ไม่ต้องห่วง เขาไม่น่ามีพิษภัยกับเจ้า หากคนที่มีระดับการบ่มเพาะเช่นนั้นอยากพรากชีวิตเจ้า แค่ความคิดเดียวก็ลงมือได้แล้ว”

ดวงตาของบุตรแห่งโชคชะตาฉู่สั่นไหว เขามองรอบข้าง แต่ไม่มีสองร่างที่ตนกำลังตามหา

“ทั้งชิวชิงหลีทั้งลู่หยวนยังไม่ปรากฏตัว!”

น้ำเสียงของฉู่เชิ่งเจือความโกรธแค้นไม่เต็มใจ

ท่านหู่ย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายโกรธเรื่องอะไร จึงปลอบด้วยการเอ่ยว่า “ไม่ต้องห่วง หญิงสาวผู้นั้นจะต้องอยู่ข้างเจ้าแน่นอน ก่อนหน้านี้ลูกน้องของนางก็ให้การดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ โทสะในใจของฉู่เชิ่งยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ถึงแม้เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้รับการดูแลจากคนเหล่านี้จริง แต่มันไม่ใช่การดูแลที่ดี

มันเป็นการโยนของมาให้อย่างไม่ไยดี ก่อนปิดประตูไล่หลัง หาได้สนใจกันไม่

โดยเฉพาะหญิงชรา ในวันที่ให้การช่วยเหลือ นางปากพล่อยสบประมาทเขาหลายครั้ง!

ด้วยระดับของฉู่เชิ่ง เขาไม่ต่างกับคางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า!

ชิวชิงหลีคือผู้สืบทอดของวิถีคุณธรรม นางคือผู้นำของโลกทั้งใบในภายภาคหน้า ฉู่เชิ่งที่เป็นกบก้นบ่อจะไปมีปัญญาไขว่คว้าได้อย่างไร?!

ภายใต้ชุดคลุมสีดำ ใบหน้าของฉู่เชิ่งมืดมนจนน่ากลัว

“เหอะ พวกมันก็แค่สุนัขที่ดูถูกผู้คนเท่านั้น!”

“รอให้ข้าคว้าโอกาสยิ่งใหญ่มาได้จนทะลวงขั้นสู่สวรรค์ก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้รู้เองว่าฉู่เชิ่งที่พวกมันเคยดูถูก ได้ไปอยู่ในจุดสูงสุดจนพวกมันไม่อาจเงยหน้ามองได้!”

“วิถีคุณธรรมอะไรกัน ตระกูลชั้นสูงอะไรกัน เหลวไหลสิ้นดี!”

“ต่อให้วิถีแห่งสวรรค์นี้มาขวางทางตรงหน้า ข้าก็จะบดขยี้มันให้เป็นผุยผง!”

อารมณ์ของฉู่เชิ่งยิ่งเพิ่มขึ้นยิ่งไม่มั่นคง จนท่านหู่ทำได้เพียงปลอบเขาว่า “ไม่ต้องห่วง ขอเพียงเจ้าเข้าราชวังจักรพรรดินีแดนมัชฌิมได้ โชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ย่อมมาอยู่ในกำมือแน่นอน”

“จากนั้นชิวชิงหลีก็จะมาอยู่ข้างกายเจ้า! ถึงตอนนั้น ต่อให้เจ้าต้องการอำนาจทั้งหมดของลูกหลานวิถีคุณธรรมมาเป็นของตน ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

“ตอนนี้เจ้าสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็พอ เอาชนะการแข่งขันภายในที่กำลังรอเจ้าอยู่ให้ได้!”

โทสะของฉู่เชิ่งลดลงประมาณหนึ่ง สายตาของเขาเฉียบคมราวกับอินทรีขณะจับจ้องรถม้า

รถม้าหยกหยุดนิ่ง เฉิงไท่ชำเลืองมองเต่ายักษ์ที่กำลังหมอบอยู่ด้านล่าง

เต่ายักษ์ขยับร่างกายจากมุมหนึ่งของค่ายกล ทำให้แท่นสูงจำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้น พวกมันล้อมแท่นประลองของการแข่งขันภายในเอาไว้อย่างแน่นหนา อัฒจันทร์หรูหราก่อตัวขึ้นมา

มู่พ่านซานก้าวไปที่ด้านหน้ารถม้าหยก เลิกผ้าโปร่งขึ้น ไม่นานร่างหนึ่งก็ก้าวเดินออกมา

ภายใต้พลังมังกรดังกล่าว ผู้คนจำนวนน้อยนิดที่ไม่ได้รับผลกระทบต่างเงยหน้าขึ้นมอง

คนที่กำลังเดินออกจากรถม้าสวมชุดคลุมจักรพรรดินีหรูหรา ใบหน้าหยกของนางดูเด่นเป็นสง่า ดวงตาลึกล้ำราวกับห้วงน้ำ เป็นการยากที่ผู้คนจะมองเห็นความผันผวน

มีแรงกดดันยิ่งใหญ่แผ่ไปโดยรอบ ถึงแม้จะไม่ได้มากมาย แต่ก็เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม จนผู้คนไม่กล้าปริปาก

เฉิงไท่ยืนอยู่ด้านข้าง เขายกมือขวาขึ้น ก่อนผายมือไปยังบัลลังก์ตัวใหญ่ที่สุดที่อยู่บนจุดสูงสุด เอ่ยว่า “เชิญฝ่าบาท!”

จักรพรรดินีก้าวไปข้างหน้าฝ่าห้วงอากาศ ผ่านไปสักพักนางก็ไปถึงแท่นสูงเรียบร้อยแล้ว

มู่พ่านซานยืนอยู่ด้านหลัง องครักษ์นับร้อยคนคุ้มกันแท่นสูงทั้งซ้ายขวา มือถือง้าวยาวเอาไว้มั่น สายตาจับจ้องทุกสิ่งราวกับพยัคฆ์และเสือดาวก็ไม่ปาน

จักรพรรดินีนั่งลง นางชำเลืองมองมู่พ่านซาน เขาเข้าใจทันทีจึงยกมือขึ้น เตรียมให้มังกรนาคาสามตัวถอยออกไปพร้อมกับรถม้าหยก

มังกรนาคาสามตัวนี้ล้วนมีพลังมังกรเจินหลงอยู่ในร่าง พวกมันถูกเลี้ยงดูในราชวังจักรพรรดินีแดนมัชฌิม แรงกดดันในร่างกายของพวกมันเกินกว่าที่ศิษย์ธรรมดาจะทานทนได้

หากอยู่ที่นี่นานเกินไป มันอาจจะส่งผลต่อการแข่งขันภายในที่ทุกคนรอคอย

ในตอนนี้ เหนือความว่างเปล่าที่อยู่ไม่ไกลนัก เสียงความว่างเปล่าแตกสลายดังขึ้นเป็นจำนวนมาก

องครักษ์จำนวนมากยืนขึ้นพร้อมกับถือง้าวในมือ ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยแรงกดดัน

กรร! กรร! กรร!

มังกรนาคาสามตัวแผดเสียงคำรามต่ำออกมา ราวกับกำลังส่งเสียงตะโกนให้ผู้มาเยือนถอยไป!

มู่พ่านซานยังคงยืนอยู่กับที่ พลางมองความว่างเปล่าที่อยู่ไม่ไกลนัก สายตาของเขามืดมนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาสงบดังเดิม

เขาล้วนจดจำผู้มาเยือนเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

ร่างเหล่านั้นยืนอย่างมั่นคงเหนือศิษย์ทั้งหลาย ผู้นำไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่หยวน

บุตรศักดิ์สิทธิ์ชำเลืองมองมังกรนาคาที่อยู่กลางอากาศด้วยความสงสัย

วิ้ง!

แรงกดดันมังกรเจินหลงขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นจากร่างของลู่หยวน ฟ้าดินกลับมืดมิดขึ้นมา

กรร!

มังกรเจินหลงที่พันเกี่ยวรอบแขนของลู่หยวนเงยหน้าขึ้น มันแผดเสียงคำรามต่ำอย่างเกรี้ยวกราดออกมา

มังกรนาคาสามตัวตกตะลึง ราวกับพวกมันหวาดกลัว

ภายหลัง มังกรนาคาสามตัวที่ปกคลุมฟ้าดินก็เริ่มขดตัวทีละน้อย กลิ่นอายทั้งหมดกลับเข้าสู่ร่างกาย แรงกดดันของพวกมันหายไป

ผ่านไปหลายอึดใจ มังกรนาคาสามตัวเคลื่อนไหวมุ่งตรงสู่นอกสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

ตูม! ตูม! ตูม!

ความเร็วของมังกรนาคาสามตัวเร็วเกินไป แม้กระทั่งความว่างเปล่ารอบข้างยังถูกบดขยี้ เสียงคำรามขนาดใหญ่ปกคลุมทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

มังกรเจินหลงบนแขนของลู่หยวนดึงพลังมังกรกลับมา ก่อนจะขดตัวบนร่างของลู่หยวน ดวงตาของมันกึ่งหลับกึ่งตื่น ราวกับกำลังงีบหลับ

เมื่อแรงกดดันหายไป ทุกคนจึงเป็นอิสระ

เพียงแต่ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครพูดจา พวกเขาต่างจ้องมองท้องนภาอย่างเหม่อลอย

ตอนนี้แม้กระทั่งมู่พ่านซานยังคิ้วขมวด

อะไรกัน…

มังกรเจินหลงขนาดเล็กของลู่หยวนทำให้มังกรนาคาสามตัวหวาดกลัวงั้นหรือ?!

มังกรนาคาสามตัวนี้มีสายเลือดสัตว์เทวะไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ว่ากันตามตรงแล้วพวกมันไม่ควรถูกคุกคามได้

แถมพวกมันยังได้รับการฝึกมาหลายอย่าง ได้รับโอสถวิญญาณเข้าไปเป็นจำนวนมาก นอกจากจักรพรรดินีฉวนจงและมู่พ่านซานแล้ว พวกมันไม่น่าหวาดกลัวสิ่งใด

แต่พวกมันถึงกับหวาดกลัวสายตาของลู่หยวนอย่างนั้นหรือ?!

หลายคนที่อยู่ด้านล่างจ้องมองท้องนภาอย่างเหม่อลอย พวกเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตาเห็น

มังกรนาคาที่สามารถกดดันพวกเขาให้คุกเข่าลงได้ กลับหวาดกลัวสายตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จนถอยหนีหรือ?!

ลู่หยวนในตอนนี้ทรงพลังขนาดไหนกัน?!

หลายคนเริ่มคาดหวังว่าพวกเขาจะไม่เจอกับคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้นี้ หาไม่แล้ว พวกเขามีแต่ตายกับตายสถานเดียว!

หลายคนเริ่มวางแผนอยู่ในใจ หากต้องเจอกับลู่หยวนจริง อย่าว่าแต่จะชนะการจัดอันดับครั้งนี้เลย แค่รักษาชีวิตให้รอดยังไม่ได้ด้วยซ้ำ สู้ยอมจำนนแต่โดยดีไปเลยน่าจะดีกว่า!

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ สุดยอดมาก!”

ฮ่วนซิงไป๋ผู้อยู่ด้านข้างตบบ่าของลู่หยวน ดวงตาของเขาทอประกายเจิดจ้า

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองน่าหวาดกลัวกว่าสัตว์ร้ายพวกนั้นกี่เท่า?”

“ข้าไม่นึกเลยว่าแค่ท่านส่งสายตามอง พวกมันก็กลัวหัวหดขนาดนี้!”

“ยอดเยี่ยมที่สุด!”

ฮ่วนซิงไป๋ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องเดินตามรอยเท้าของลู่หยวนให้จงได้!