บทที่ 212 เสวียนเทียนชวนยอมจำนน
บทที่ 212 เสวียนเทียนชวนยอมจำนน
ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีร่องรอยของมังกรนาคาที่ปกคลุมฟ้าดินอีกต่อไป ภายหลังที่มังกรนาคาสามตัวหลบหนีไปแล้ว พวกมันถึงขั้นเอารถม้าหยกไปด้วย!
มู่พ่านซานหันไปด้านข้าง ก่อนยกมือขึ้นคารวะจักรพรรดินี “ฝ่าบาทรอสักครู่ ข้าจะไปเก็บกู้รถม้ามาให้”
ด้วยความเร็วที่มังกรนาคาสามตัวหลบหนีไปเมื่อครู่ เขาเป็นผู้เดียวที่สามารถเก็บกู้พวกมันได้ภายในไม่กี่อึดใจ
จักรพรรดินียกมือหยกขึ้น องครักษ์ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเข้าใจภาษากาย และไม่ไปตามรถม้าหยกกลับมา
“เจ้าคือลู่หยวนหรือ?”
จักรพรรดินีมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้
ชายหนุ่มยืนอยู่ในความว่างเปล่า สายตาที่จับจ้องไปหานางไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวแต่อย่างใด เขายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“เหตุใดจักรพรรดินีถึงถามในสิ่งที่รู้อยู่แล้วหรือ?”
ทั้งสองมองหน้ากัน มีร่องรอยของอารมณ์อันยากจะอธิบายอยู่ในแววตาพวกเขา
ผ่านไปหลายอึดใจ จักรพรรดินีเป็นฝ่ายยอมถอย พลางเอ่ยว่า “ข้าจะตั้งตารอชมฝีมือของเจ้า หวังว่าเจ้าจะได้อันดับที่ดี”
สิ้นคำ จักรพรรดินีมองเฉิงไท่ผู้อยู่ด้านข้างและเอ่ยว่า “มาเริ่มการแข่งขันภายในกันเถอะ”
เฉิงไท่ตอบรับ เขาหันไปหาศิษย์ทั้งหมดของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ผู้อยู่ด้านล่างก่อนจะลั่นวาจา “เริ่มการแข่งขันภายในได้!”
ทุกคนมองท้องนภาด้วยสายตาจริงจัง
ท่ามกลางฝูงชน เสียงดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่สามารถทำให้พาหนะของจักรพรรดินีหวาดกลัวได้หรือ?! นับว่าเป็นคนแรกในรุ่นของพวกเราที่มีพลังมังกรนี้! ข้าคิดว่าผู้นำของการแข่งขันภายในปีนี้ย่อมต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!”
“ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น อย่าได้ลืมตัวตนของศิษย์พี่ชิวชิงหลีไป นางมีกระบี่วิถีโลกาเป็นกระบี่คู่กายเช่นกัน หากทุ่มสุดตัว นางอาจจะสามารถทัดเทียมกับลู่หยวนก็เป็นได้!”
“ตอนนี้เรื่องการแข่งขันภายในหาได้สำคัญไม่! พวกเจ้าได้ยินบทสนทนาระหว่างบุตรศักดิ์สิทธิ์กับท่านจักรพรรดินีเมื่อครู่หรือไม่? ทั้งสองคนเหมือนจะรู้จักกันดี! หากราชวังจักรพรรดินีแดนมัชฌิมคือไพ่ตายของบุตรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา เช่นนั้นระดับที่เขาอยู่ในตอนนี้ก็เกินกว่าที่ข้าจะเอื้อมถึงแล้ว!”
ผู้คนกำลังสนทนาอย่างตื่นเต้น แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าท่ามกลางฝูงชนที่อยู่ด้านหลังมีเสวียนหลีผู้ยิ้มหยันเร้นกายอยู่ สายตาของนางจับจ้องคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะราวกับเปลวเพลิง
ลู่หยวน ข้าทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว ขอเพียงเจ้าเผชิญหน้ากับข้า เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!
เสวียนหลีถอยออกมา ไม่นานก็หายไปท่ามกลางฝูงชน
เหนือความว่างเปล่า ฮ่วนซิงไป๋ยกมือขึ้นทำความเคารพลู่หยวนก่อนเอ่ยว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าต้องไปอยู่ข้างกายฝ่าบาทแล้ว ขอตัวก่อน”
ชายในชุดสีเหลืองทองมองซ้ายขวา ก่อนจะลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “ข้อตกลงระหว่างท่านกับข้า ขออย่าลืมเด็ดขาด!”
ลู่หยวนพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง”
ร่างของฮ่วนซิงไป๋วูบไหว เขาเคลื่อนลงไปบนแท่นสูง แล้วมายืนอยู่ข้างกายจักรพรรดินี
คุณชายลู่หันหลัง พามังกรเจินหลงขนาดเล็กไปหาพวกเซียวเทียน
เมื่อกลุ่มเทียนที่อยู่ด้านล่างเห็นพี่ใหญ่ของหัวหน้ากำลังเข้ามา พวกเขาต่างคลี่ยิ้มบนใบหน้า
“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ร้ายกาจ!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งไม่เบา เมื่อครู่เหมือนกับมังกรเจินหลงลงมาสู่โลกเลย!”
“หมายความว่าอย่างไรที่ว่าเหมือนมังกรเจินหลง?! บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่คือจักรพรรดิมังกรเจินหลงกลับชาติมาเกิดต่างหาก!”
ทุกคนในกลุ่มต่างแสดงอารมณ์ออกมาคนแล้วคนเล่า พวกเขาเอ่ยชื่นชมไม่หยุดปาก!
“พี่ลู่!”
ดวงตาของเซียวเทียนลุกเป็นไฟ ขณะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความมุ่งมั่น “ข้าไม่คิดเลยว่าพี่ลู่จะแข็งแกร่งเพียงนี้! ถึงตัวข้าจะมีวิญญาณมังกรเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถสำแดงความสามารถของมังกรเจินหลงได้แม้แต่น้อย หากพี่ลู่มีเวลา โปรดให้การชี้แนะข้าด้วย!”
ลู่หยวนยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ สายตาของเขาที่จับจ้องน้องชายพลันร้อนผ่าวขึ้นมา
ในเมื่อหอคอยอสูรสวรรค์สามารถกลืนกินแม้กระทั่งเพลิงวิญญาณได้ เช่นนั้นเกล็ดมังกรในหัวใจของเซียวเทียนก็สามารถถูกกลืนกินได้ใช่หรือไม่?!
วายร้ายเรียกหอคอยอสูรสวรรค์จากก้นบึ้งของหัวใจ ภายหลังจากเรียกอยู่พักใหญ่ หอคอยขนาดเล็กนี้คล้ายกับไม่สนใจ
ชิ…
ดูเหมือนมันจะไม่สามารถกลืนกินได้!
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเทียนแข็งทื่อไปทีละน้อย ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าวิธีที่ลู่หยวนมองมา ช่างไม่ต่างกับกำลังมองลูกแกะที่ถูกเชือด!
ภายใต้สายตาของพี่ใหญ่ แผ่นหลังของเขารู้สึกได้ถึงไอเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่ว หัวใจเริ่มมีร่องรอยความเจ็บปวด
“พี่ลู่…”
ทันใดนั้น ดวงตาของลู่หยวนพลันหมองหม่นอีกครั้ง ก่อนเอ่ยว่า “ได้ หากข้ามีเวลา ข้าจะช่วยชี้แนะเจ้าเอง”
เซียวเทียนได้ยินสัญญาเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา ไอเย็นยะเยือกเมื่อครู่จางหายไปสิ้น “เยี่ยม ขอบคุณพี่ใหญ่!”
ขณะทั้งสองสนทนา เฉิงไท่ผู้ยืนอยู่เหนือความว่างเปล่ายกมือขึ้น ยันต์จำนวนมากพลันปรากฏขึ้นมาและแพร่ไปทั่วบริเวณในพริบตา มันไปอยู่เบื้องหน้าผู้เข้าร่วมการแข่งขันครึ่งหนึ่ง
“วางมือลงบนยันต์ เพื่อเลือกคู่ต่อสู้!”
ทุกคนที่ได้รับยันต์ต่างยกมือขึ้นสัมผัส แสงสว่างสีขาวกะพริบครั้งแล้วครั้งเล่า อักขระทั้งหมดบนยันต์จางหาย ผ่านไปสักพัก รายนามก็ปรากฏขึ้นบนยันต์!
ในเวลาเดียวกัน ยันต์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือความว่างเปล่าจากที่ใดไม่ทราบ อักขระของมันเลือนราง ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรายนามที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
สองรายนามวางเคียงข้าง หมายความว่าคนทั้งสองต้องห้ำหั่นกัน โดยลำดับการต่อสู้ไล่จากบนลงล่าง
ยันต์ตรงหน้าทุกคนหายไป ท่ามกลางฝูงชนมีทั้งความยินดี รวมถึงความเศร้าโศกระคนกัน
ลู่หยวนไม่ได้รับยันต์ เขาไม่คิดที่จะดูด้วยซ้ำว่าคนที่ต้องห้ำหั่นในรอบแรกเป็นใคร
เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ตนก็ต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้!
เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณอย่างเกียจคร้าน
ทุกคนในกลุ่มเทียนเรียงแถวอย่างพร้อมเพรียงเป็นดั่งม่านกั้นลู่หยวนไว้ด้านหลัง ส่วนเซียวเทียนยืนอยู่ด้านข้างพี่ใหญ่ สายตาของเขามองไปข้างหน้า
บนลานประลองที่อยู่ไม่ไกลนัก มีบางคนเข้าสู่พื้นที่เพื่อเตรียมทำการต่อสู้
“พี่ลู่”
เซียวเทียนเอ่ยขึ้น “ศิษย์ของบรรพชนเสวียนอยู่ที่นี่”
ลู่หยวนมองไปทางที่เซียวเทียนชี้ เขาพบเสวียนเทียนชวนและศิษย์ยอดเขาวิถีเร้นลับจำนวนมากกำลังเดินมาพร้อมอีกฝ่าย
สมาชิกของกลุ่มเทียนย่อมทราบเรื่องที่คุณชายลู่บังคับให้บรรพชนเสวียนคุกเข่า ดังนั้นต้องมีความบาดหมางกันระหว่างศิษย์วิถีเร้นลับกับบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน!
บัดนี้เสวียนเทียนชวนเดินเข้ามา มันอาจจะไม่เป็นจริงดังนั้นก็เป็นได้!
พวกกันเม่าถืออาวุธ ก่อนจะก้าวมาข้างหน้าพร้อมแสดงสีหน้าน่าเกรงขามออกมา
เสวียนเทียนชวนเดินผ่านพวกกันเม่า มองตรงมาที่ลู่หยวน พลางเอ่ยถามว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้ามีบางอย่างจะบอก ขอข้าเข้าไปใกล้อีกหน่อยได้หรือไม่?”
ทันทีที่ลู่หยวนยกมือขึ้น พวกกันเม่าจึงถอยออกมาอยู่ด้านข้าง แต่ดวงตาทั้งสองข้างยังจับจ้องไปที่พวกศิษย์ของบรรพชนเสวียนอย่างไม่ให้คลาดสายตา มือของพวกเขากุมอาวุธเอาไว้มั่น
เสวียนเทียนชวนถูกผลักไปอยู่ด้านข้างลู่หยวน เมื่อกระดานเสี่ยงทายถูกดึงออกมา เขาจึงเอ่ยทันทีว่า “ข้ามาหาบุตรศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ก็เพื่อยอมจำนน”
“ยอมจำนนหรือ?”
ลู่หยวนเผยเส้นโค้งบนเรียวปาก “เสวียนเทียนชวน เจ้าแสดงออกด้วยความจริงใจแค่ไหนกัน?”
แม้บุตรศักดิ์สิทธิ์กำลังยิ้ม แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ท่ามกลางศิษย์ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงเสวียนเทียนชวนเท่านั้นที่มีสมอง!
เจ้าหนุ่มคนนี้มีความคิดลึกล้ำยิ่งนัก!
ก่อนหน้านี้ศิษย์ของบรรพชนเสวียนแสดงเจตนาดีต่อศิษย์ของกลุ่มเทียน… ใช่ว่าลู่หยวนจะไม่ทราบ
มันน่าจะเป็นคำสั่งของเสวียนเทียนชวน ในระหว่างนั้น อีกฝ่ายไม่เคยมาหาเขาเพื่อยอมจำนน
ทว่ากลับยอมจำนนท่ามกลางสายตาของทุกคนในวันนี้ พวกเขาไม่ทราบว่าศิษย์เอกแห่งยอดเขาวิถีเร้นลับคิดอะไรอยู่!
อีกอย่าง…
ลู่หยวนหันหน้าไปหาฝูงชนที่อยู่ไม่ไกลนัก คนเหล่านั้นล้วนมองไปที่ผู้แข่งขันบนลานประลอง พลางส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง
ทว่ามีคนผู้หนึ่งอยู่ท่ามกลางมวลชน นางหันมามองเขาทางด้านข้าง แม้ร่างกายดูไม่โดดเด่นนัก แต่สายตาของนางที่จับจ้องมานั้นชัดเจนยิ่ง