Chapter 015 : บางสิ่งที่ยังคงหลงเหลือจากอดีตกาล (1)

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย

ในอีกด้านหนึ่ง ทางด้านของเทนโดกับไลบรานั้น กำลังถูกพาไปยังห้องรับรองพิเศษของคาสิโน โดยมีวีร์ค่อยนำทางอยู่หน้าพวกเขาอยู่มาเป็นเวลานานอยู่พอสมควร จนตัวของเทนโดเริ่มรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมา

“คุณไลบราครับ”

“มีอะไรเหรอเจ้าค่ะท่านเทน— อะแฮ่ม! คุณผู้ช่วยจอห์น…”

“ทำไมทางเดินที่นี่มันถึงได้เดินอ้อมโลกเหมือนกับเขาวงกตแบบนี้ละครับ”

“จะ…เจมี่ กับ มีนนี่ เป็นคนมาออกแบบให้เจ้าค่ะ…”

ไลบราพูดออกมาเบาๆ ด้วยท่าทีสำนึกผิด

“ก็คิดอยู่ว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นๆ กับทางเดินซับซ้อนแบบนี้ ฝีมือสองแสบนั้นนี่เอง… หืม?”

“ตะ…ต้องขอโทษจริงๆ นะเจ้าค่ะ ว้าย!?”

เทนโดที่หยุดเดินขึ้นมากะทันหันทำให้ไลบราที่ไม่ได้มองทางชนกับตัวเขาเทนโดเข้าจนล้มลงไปนั่งกับพื้น

“ยังเป็นคนที่ซุ่มซ่ามไปเสมอต้นเสมอปลายเช่นเคยเลยนะคะท่านไลบรา”

วีร์พูดเหน็บแนมไลบราเล็กน้อยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่จะเปิดประตูที่อยู่เบื้องหน้าออกพร้อมกับหันหน้ามาโค้งคำนับให้ทั้งคู่

“ท่านไลบรา ท่านจอห์น ตอนนี้ท่านเนบิสพร้อมที่จะให้เข้าพบแล้ว เชิญข้างในได้เลยค่ะ”

ทั้งคู่ได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็หันมามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องตามคำเชิญของวีร์

เมื่อเข้ามาข้างในพวกเขาทั้งคู่ก็มองไปรอบด้วยความสงสัยเนื่องจากภายในห้องนั้นมืดมากจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น แต่ในขณะที่ไลบรากำลังจะเอ่ยปากถามอะไรบางอย่าง วีร์ได้ปิดประตูที่อยู่ข้างหลังพวกเขาลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินนำหน้าพวกเข้าไปพร้อมกับโค้งคำนับลงเล็กน้อย

“ฉันพาไลบรากับคนที่ชื่อว่าจอห์นแล้วให้ตามที่ขอแล้วค่ะท่านเนบิส”

“ทำได้ดีมากวีร์”

เสียงพูดดังขึ้นไปทั้งห้องจนไม่อาจจับทิศทางที่มาของเสียงได้พร้อมกับเสียงเดินที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามาก่อนที่จะปรากฏชายหนุ่มตัวเล็กผมสีเขียวที่มีแววตางดงามเหมือนกับมรกต

“ว่ายังไงไลบรา! ทั้งที่มีสมองอยู่แค่นั้นแท้ๆ แต่กล้ามากเลยนะที่คิดจะแว้งกัดฉันแบบนี้ พวกแกต้องมีความฉลาดน้อยแค่ไหนกัน ถึงคิดว่าฉันจะหลงกลให้แผนการที่โง่เง่าที่มองออกง่ายแบบนี้ ว่าแล้วเชียวพวกเผ่าพันธุ์ที่ตกเป็นแรงงานทาสของไอ้พวกหน้าขนมาตลอดตั้งแต่ยุคบรรพกาลเนี่ย ในเวลาแค่8-9ศตวรรษมันคงยังไม่พอที่จะพัฒนาสมองที่มีอยู่น้อยนิดนั้นให้มันดีขึ้นเลยสินะ ช่างน่าเวทนาเสียจริงๆ”

“กะ…กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เหรอเจ้าค่ะท่านเนบิส แล้วเรื่องที่ว่าแว้งกัดท่านเนี่ย? ดิฉันยังไม่ได้ทำอะไรแบบ…”

“พอเถอะครับไลบรา ดูเหมือนว่าแผนการของเราจะความแตกไปแล้ว ไม่ต้องเล่นละครแล้วละ”

“แหม่ๆ สมกับที่เป็นถึงวีรบุรุษผู้หยุดสงครามมหาดาราเมื่อ 500 ปีก่อน เข้าใจสถานการณ์เร็วดีจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าจะอยู่มานานจนสมองฝ่อน่าดูเลยนะครับ ถึงได้คิดแผนการห่วยแตกแบบนี้ออกมาได้เนี่ย สงสัยผมคงต้องเอาน้ำอมฤตที่เหลืออยู่มาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่ว่ามันสามารถช่วยรักษาสมองได้มากน้อยแค่ไหนแล้วสิ ใช่ไหมครับ? แกรนด์มาสเตอร์ เทนโด”

“หืม~ วาจาคมคายน่าดูเลยนะนายเนี่ย แล้ว… ไอ้คนที่ยกหางตัวเองว่าฉลาดนักฉลาดหนาเนี่ยทำไมถึงมาทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ เป็นหนูท่ออวกาศโสโครกอยู่แถวนี้กันละ? ไอ้ลูกผสมอาร์ฟชั้นต่ำ”

เนบิสที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนที่จะแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมาพร้อมกับเริ่มขยับตัวอย่างรวดเร็วเหมือนกับจะลงมือทำอะไรบางอย่าง ในขณะที่ทางด้านของเทนโดและไลบราที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมีท่าทีแปลกๆ พวกเขาจึงรีบตั้งท่าเพื่อเตรียมรับการกระทำของอีกฝ่ายอย่างทันท่วงที

แต่ทว่าไม่นานหลังจากนั้นเทนโดก็ถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาด้วยความงุนงง กับการกระทำแปลกๆ ของเนบิสที่เคยพูดจาถากถางด้วยท่าทีหยิ่งผยองใส่เขาอยู่ก่อนหน้านี้นั้น

“กระซิกๆ ฮือ..ฮื..อ… กะ…ก็แค่จะพูดข่มให้พอเป็นพิธีเอง มะ…ไม่เห็นต้องว่ากันแรงขนาดนั้นก็ได้นี่! กระซิกๆ แง้~!”

กำลังนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นโดยมีวีร์คอยนั่งปลอบพร้อมลูปหัวอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“สมแล้วที่เป็นท่านเนบิส จะไปพูดข่มเขาแท้ๆ แต่โดยเขาข่มกลับมาอย่างสวยงามแบบนี้ ใจกากปากเก่งได้เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ เลยนะคะ นี่ค่ะตัวช่วย…”

“ขะ…ขอบใจ แล้วก็ถ้าไม่คิดจะช่วยปลอบแต่แรกก็หุบปากไปยัยหุ่นกระป๋อง!! ฮือ… กระซิกๆ”

เนบิสหยิบบางที่วีร์ส่งให้อย่างรวดเร็วทั้งน้ำตาก่อนที่จะรีบใช้มันแตะไปที่คอตัวเองในทันที

เทนโดมองไปยังเนบิสด้วยความแปลกใจ ก่อนที่จะหันมองไปมองไลบราที่กำลังหันหน้าหลบเขาอยู่อีกทีพร้อมท่าทีไม่รู้ไม่ชี้

“ตามข้อมูลที่เธอหามาให้ หมอนี้ควรจะไปพวกเจ้าพ่อมาเฟียสวะไร้หัวใจที่จับคนมาทดลองหรือไม่ก็ขายเป็นทาส พร้อมกับเป็นผู้บงการอาชญากรรมและธุรกิจมืดทั่วจักรวาลในช่วง 100 ปีที่ผ่านมานี้ไม่ใช่เหรอ? แล้วไปเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่มานั่งร้องไห้ง้อแง้อยู่นี้มันคืออะไร!? ตัวตายตัวแทนเหรอ? แล้วตัวจริงอยู่ที่…”

“นั้นเนบิสตัวจริงเสียงจริงเลยเจ้าค่ะท่านเทนโด…”

“ห๊ะ!? ได้เด็กเปรตนี่เนี่ยนะ เนบิส อินิกม่า!!? แต่ในรายงานของเธอมัน…”

“พอดีนึกว่ายังไงมันคงไม่สำคัญเท่าไร เพราะสุดท้ายหมอนี้ก็ต้องโดนท่านจับส่งไปรับโทษทัณฑ์อยู่ดีก็เลย… ไม่ได้ลงรายงานเรื่องนิสัยส่วนนี้ไว้นะ… เจ้าค่ะ…”

เทนโดที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับกุ่มขมับนิดๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนหายใจออกมาพร้อมเดินตรงไปยังเนบิสที่กำลังที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ด้วยท่าทีเซ็งๆ

“เฮ้อ… เจอแบบนี้เข้าไปทำเอาหมดอารมณ์เลยแฮะ… หลังจากจบเรื่องนี้ช่วยกลับไปแก้รายงานทั้งหมดที่ไม่ได้เขียนเพราะมองข้ามว่าไม่สำคัญไปมาด้วยนะครับไลบรา ขอย้ำว่าทั้งหมด!”

“ขะ…เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ…”

“Z.- Code Libra { Justice Chain } (ราศีตุลย์ {โซ่แห่งความยุติธรรม}) Release (ปลดปล่อย) ”

เมื่อเทนโดเอ่ยคำพูดนั้นออกมา ปรากฏโซ่สีทองออกมาจากความว่างเปล่าและโซ่นั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวไปรอบตัวเขาราวกับมีชีวิต ก่อนที่มันจะรีบพุ่งตรงไปยังเนบิสที่เป็นเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่าในขณะที่โซ่กำลังจะเข้าใกล้ตัวของเนบิส โซ่เส้นนั้นก็ได้ถูกบ้างสิ่งที่มองไม่เห็นหยุดไว้กลางอากาศ เทนโดที่เห็นแบบนั้นจึงทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาพร้อมกับเรียกโซ่สีต่างๆ หลาย 10 เส้นออกมารอบตัวและสั่งให้มันทั้งหมดพุ่งตรงไปมัดอีกฝ่าย แต่ว่าโซ่เหล่านั้นกับถูกบางอย่างที่มองไม่เห็นรวบเอาไว้ ก่อนที่จากนั้นโซ่ทั้งหมดจะถูกสิ่งที่มองไม่เป็นนั้นออกแรงกระชากจนขาดสะบั้น

“หึหึหึ… ฮะฮ่ะฮ่า!! วีรบุรุษสงครามในตำนานมีพลังแค่นี้เองงั้นเหรอ? ฮะฮ่ะฮ่า!! กระจอก! กระจอกจริงๆ!!”

“ถ้าเกิดโดนสวนกลับจนร้องไห้มาอีกฉันไม่ลูบหัวให้แล้วนะคะ”

“น่ารำคาญจริงโว้ยยัยหุ่นกระป๋องนี่!! เอ๊ะ?”

เทนโดนที่มองดูอยู่พุ่งตัวเขาประชิดตัวของเนบิสแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ทางเนบิสที่กำลังโวยวายกับวีร์อยู่เมื่อเห็นดังนั้นจึงพยายามจะหลบ แต่ว่าทั้งคู่กับไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียวราวกับว่ากำลังถูกแรงดันบางอย่างกดทับไว้

“ชิ! ขยับไม่ได้แบบนี้… ยัยฝีมือยัยโง่ไลบรางั้นเหรอ!? ถ้าอย่างงั้นก็!!”

“Z.- Code : Aries { Enchant Durability } (ราศีเมษ {เสริมสมรรถภาพความทนทาน}) Increase : Leo { Enchant Strength } (ราศีสิงห์ {เสริมสมรรถภาพความแข็งแกร่ง}) Release…”

เมื่อเทนโดพูดจบเขาก็ลงมือต่อยไปยังเนบิสที่ไม่สามารถเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็เหมือนกับที่เทนโดได้คาดการเอาไว้ การโจมตีของเขาได้ถูกหยุดด้วยบางสิ่งที่มองไม่เห็นเหมือนเช่นเคย

“เหอะ… ก็แค่ลูกไม่ตื้นๆ Z.- Code : Gemini { Perfect Nullify } (ราศีเมถุน { ลบล้างสมบูรณ์ }) Release!”

ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียบางอย่างคล้ายเสียงกระจกแตกดังขึ้นจากรอบทิศทางและเกิดรอยร้าวลุกลามไปทั่วทั้งห้องที่มืดมิด ก่อนที่รอยร้าวเหล่านั้นจะเริ่มพังทลายลงและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่รอบๆ

เหล่าผู้คนมากมายกำลังจ้องมองลงมาด้วยแววแต่ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พร้อมส่งเสียงโห่ร้องที่ดังกึกก้องเข้ามาในสนามประลอง ซึ่งบริเวณโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและซากศพของสัตว์ภูติดาราจำนวนมากที่ไปตายแล้ว นอนกองเรียงกันอยู่รอบตัวพวกเขา

เทนโดที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มเข้าใจเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดในทันที ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ถูกพอตัวมาเป็นเหมือนของแสดงโชว์ปาหี่ไร้สาระอยู่ในสนามประลองพิเศษของคาสิโนแห่งนี้ ไม่สิถ้าพูดให้ถูกคือพวกเขาถูกพามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก

“ดูเหมือนเรื่องที่ว่าถึงจะเป็นแค่ลูกครึ่งอาล์ฟแท้ๆ แต่กลับฉลาดและเจ้าเล่ห์สุดๆ จะเป็นเรื่องจริงตามที่อยู่ในรายงานเลยสินะ แต่ว่านี่มันจะบังเอิญเกินไปไหมเนี่ย…”

เขาจ้องมองไปยังบางสิ่งที่เพิ่งจะเผยตัวออกมาหลังจากที่มันคอยปัดการโจมตีของเข้ามาได้สักพักใหญ่ๆ หุ่นยนต์อัศวินในเกราะเหล็กสีเงินร่างสูงใหญ่ตระการตาพร้อมกับคลื่นออร่าที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียนจนแทบอ้วกซึ่งขัดกับรูปร่างอันแสนสง่างามนั้น

1 ใน 4 อาวุธจากช่วงสงครามมหาดาราที่ถูกสร้างโดยเผ่าอาล์ฟ แถมยังเป็นอันที่เกิดคลุ้มคลั่งชนิดที่สร้างความฉิบหายจนควบคุมไม่ได้ และเกือบจะทำให้สงครามความขัดแย้งกลายเป็นสงครามล้างบางทุกชีวิตในจักรวาลให้กลายเป็นกองทัพมรณะแฟนทัสม่า

“จักรกลบงการความตาย เนโครไนท์ ซา’เธรียส (Necroknight Za’thrius) ”

“ถูกต้องนะคร้าบบบ!! สมแล้วที่เป็นวีรบุรุษสงครามตั้งแต่เมื่อ 500 ปีก่อน ความรู้นี้แน่นปึกอย่างกับสารานุกรมราคาถูกเดินได้เลยนะเนี่ย…”

เสียงพูดยียวนกวนประสาทของเนบิสดังออกมาจากหุ่นยนต์ขนาดยักษ์ตรงหน้าที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่า พร้อมกับซากศพของสัตว์ภูติดาราที่กำลังลุกยืนขึ้นและเริ่มแปลงสภาพเป็นครึ่งศพครึ่งจักรกล

“ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะถูกทำลายมันและหายสาบสูญไปในช่วงสุดท้ายของสงครามไม่ใช่เหรอ… นี้ไปหาเศษซากของมันทั้งหมดเจอได้ยังไงกัน?”

“อยู่ดีๆ ก็ถามมาแบบนั้น คิดว่าฉันจะตอบแกหรือไง? แล้วอีกอย่างเจ้านี้น่ะไม่ได้มีชื่อเรียกไร้รสนิยมแบบนั้นอีกแล้ว ขอแนะนำให้รู้จักกับ เซน…!!”

“ ‘ไอ้นั่น’ ค่ะ”

“ห๊ะ? ซะ…เซนติเนล โว้ย!! เซนติเนล!! อย่ามาเปลี่ยนชื่อเองตามใจชอบสิฟะยัยหุ่นกระป๋องนี่!!”

“ทั้งที่ปกติเรียกมันว่า ‘ไอ้นั่น’ อยู่ตลอดจนถึงเมื่อ 42 ชม. 40 นาที 31 วินาที ก่อนอยู่เลยแท้ๆ จู่ๆ ก็มาเปลี่ยนเป็น ‘เซน… อะไรสักอย่าง’ แบบนี้ หน่วยความจำของฉันรองรับข้อมูลขยะแบบนั้นมากกว่านี้ไม่ไหวเหรอนะคะ แล้วก็พวกนักวิจัยได้วิเคราะห์สิ่งนี้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถทดลองใช้งานจริงได้ทันทีเลยค่ะ”

วีร์หยิบก้อนผลึกสีแดงที่รูปทรงดูแปลกตาออกมาถือไว้ ก่อนจะส่งมันให้เนบิสที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ

“หึหึหึ… สมแล้วที่เป็นหน่วยวิจัยที่ชั้นปั้นมาเองกับมือ ทำงานกันเร็วดีจริงๆ แล้วอีกอย่าง… นี่มันไม่ใช่ข้อมูลขยะสักหน่อย! รีบถอนคำพูดมาเดี๋ยวนี้เลยนะเฟ้ย!!”

เสียงเนบิสกับวีร์ที่กำลังเถียงกันได้ดังออกมาจากหุ่นยนต์ยักษ์จนทำให้เทนโดที่ยืนฟังอยู่ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างเซ็งๆ พร้อมกับหันกลับไปมองไลบราที่ยังพยายามคงหลบหน้าเขาทุกครั้งที่หันไปมอง ก่อนที่ตัวเขาจะค่อยๆ ถอนหายใจออกมาและได้แต่คิดในใจว่า

นี่ฉันต้องมาจัดการกับไอ้พวกชั่วปัญญาอ่อนแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย…

“เฮ้อ… เสียเวลาชะมัด พอกันที… Z.-Code : Libra { Judgment Sword } (ราศีตุลย์ { ดาบแห่งคำพิพากษา }) เอาละ… มาทำให้เรื่องมันจบเลยเถอะ”

ดาบยาวสีขาวบริสุทธิ์ได้ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า เทนโดหลับตาลงพร้อมกับยื่นมือไปจับมันไว้ ก่อนที่จะยกมันขึ้นเหนือหัวและออกแรงฟันมันไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“Release!”

ในชั่วพริบตาที่ดาบได้หยุดลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ยืนอยู่ในสนามประลองยกเว้นตัวของเทนโดกับไลบราก็ค่อยๆ เริ่มกลายเป็นอณูแสงสีขาวก่อนที่จะค่อยๆ แหลกสลายหายไปอย่างช้าๆ

เทนโดค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับเดินตรงยังหุ่นยนต์ขนาดยักษ์ที่ได้ล้มลงและโครงสร้างที่เป็นเกราะสีเงินกำลังสลายหายไปที่นิด จนสามารถมองเห็นเนบิสกับวีร์ที่นั่งอยู่ภายในได้

“นะ…นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!? วีร์รายงานความเสีย— วะ…วีร์…”

“คะ…ความ… สะ…เสี—ย *%$9…&@^ % คำ…นวณ… &/เร็จ… ทำการ คะ…คะ…คะ…คำนวณ… มะ…มะ…ใหม่…”

“วะ…วีร์… นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น… ทะ…ทำไม ถึงเป็นแบบนี้… วีร์! วีร์!!”

เนบิสดึงร่างกายของวีร์ที่กำลังเริ่มสลายกลายเป็นอณูแสงทีละนิดขึ้นมาโอบกอดพร้อมกับพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองอุดไปยังใบหน้าของวีร์ ที่บางส่วนเริ่มสลายกลายเป็นละอองแสงอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่ได้สนใจเทนโดที่กำลังยืนจ้องมองอย่างเย็นชาอยู่เบื้องหน้าตัวเอง

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกกับอดีตเจ้าของร่างนี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหน แต่ว่า…”

“วีร์! วีร์!! ขะ…ขอร้องละ ช่วยพูดหน่อยสิ… วีร์!!!”

เทนโดมองไปยังเนบิสที่กำลังโอบกอดร่างที่ของวีร์ที่ได้หยุดนิ่งและกำลังสูญสลายไปทีละนิด ซึ่งมันพลางทำให้ตัวเขานึกถึงเรื่องในอดีตที่เขาอยากจะลืมมัน ก่อนที่จะสลัดความฟุ้งซ่านนั้นทิ้งและจ้องไปยังเนบิสที่กำลังหลั่งน้ำตาออกมาจากจิตใจที่ใกล้จะแตกสลายด้วยอารมณ์ที่ว่างเปล่า

“Z.- Code : Pisces { Requiem of Souls } (ราศีมีน { สวดส่งผู้วายชนม์ }) ”

เปลวไฟสีขาวขนาดเล็กปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของเทนโด ก่อนที่มันจะค่อยๆ ลอยไปอยู่เหนือร่างของวีร์ที่เนโดดเดี่ยวสกำลังโอบกอดอยู่

“กะ…แกจะทำอะไรน่ะ…!? ยะ…อย่า… เข้ามานะ!!”

เนบิสกอดวีร์จนแน่นพร้อมมองไปยังลูกไฟสีขาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

“เฮ้อชั่งมันเถอะ… เพราะถึงพูดไปแกก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก เนบิส อินิกม่า…”

“ยะ…อย่า… นะ… ขะ…ขอร้องละ… ได้โปรด—”

“Release…”

เปลวไฟสีขาวที่ลอยอยู่ได้หล่นลงอย่างรวดเร็ว เนบิสที่เห็นแบบนั้นจึงได้ร้องตะโกนออกมา พร้อมพยายามใช้มือของตัวเองไปรับลูกไฟนั้นไว้ เพื่อกันไม่ให้มันตกใส่วีร์ที่นอนอยู่บนตักเขา แต่ว่าในทันทีที่มือของเนบิสกำลังจะคว้าลูกไฟนั้นไว้ มันก็ได้ทะลุผ่านมือของเขาไปและค่อยๆ ร่วงลงไปที่ร่างของวีร์โดยไร้ซึ่งสิ่งขวางกั้น

“อย่านะ—!!!”

ลูกไฟสีขาวได้ตกลงที่ใบหน้าฝ่ามืออย่างนุ่มนวล แต่ว่าทันใดนั้นเองก็ได้มีออร่าสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาทั่วอาณาบริเวณพร้อมกับวีร์ที่ลืมตาตื่นขึ้นรวมถึงร่างของหุ่นยักษ์ที่ได้หยุดนิ่งไปก่อนหน้านี้เองก็เริ่มเคลื่อนไหวไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง

แม้ววววววววววว!!!

เทนโดที่เห็นเหตุการณ์แปลกๆ แบบนั้น จึงได้ถอยหนีออกมาพร้อมกับยืนมองวิเคราะห์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าอย่างใจเย็น

หลังจากยืนดูหุ่นยนต์ยักษ์อยู่สักพักก็เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างที่ค่อยๆ เกิดขึ้น ตัวของหุ่นที่ตอนแรกเหลือแค่โครงสร้างภายในตอนนี้ตัวมันเริ่มฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว

“แปลกแฮะ… ตอนที่จัดการไปครั้งก่อนไม่เคยมีอะไรแบบนี้นี่… นา… หืม!?”

เทนโดที่เริ่มรู้สึกตัวจึงรีบมองขึ้นไปบนที่นั่งอัฒจันทร์รอบๆ สนามอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าข้างบนนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้น

ภาพของแขกบางส่วนที่เริ่มล้มลงก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นมาและเริ่มกระโจนเข้าโจมตีผู้คนที่อยู่โดยรอบอย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือด จนเกิดเป็นภาพสุดสยองพร้อมเสียงกรีดร้องราวกับหลุดมาจากหนังสยองขวัญ

“บ้าเอ๊ย!! ‘โรคระบาดแห่งความตาย’ งั้นเหรอ!? ไลบรา! รีบแจ้งให้พวก ‘หน่วยคันชั่ง’ ทุกหน่อยที่คอยอยู่รอบๆ รีบเข้าปิดล้อมที่นี่โดยด่วนและให้แบ่งกำลังพลประมาณ 2 ใน 3 ให้เข้ามาช่วยอพยพพลเรือน จากนั้นคอยวางกำลังกำจัดไม่ให้คนที่กลายเป็นแฟนทัสม่าหลุดรอดออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่ตัวเดียว! ส่วนพวกผู้รอดชีวิตที่ได้รับบาจเจ็บไม่ถึงตายให้นำตัวไปกักตัวไว้3ชั่วโมงเพื่อดูอาการแล้วค่อยปล่อยกลับ ส่วนพวกที่บาดเจ็บหนักให้ทำการการุณยฆาตเพื่อระงับการแพร่เชื้อในทันทีตามกฎหมายข้อตกลงร่วมในการจัดการโรคระบาดหายนะ”

“รับทราบแล้วเจ้าค่ะ!!”

ไลบราที่รับทราบคำสั่งได้วิ่งใต้กำแพงขึ้นที่บนที่นั่งอัฒจันทร์เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ ในขณะที่ตัวของเทนโดเองก็เริ่มเตรียมตัวลงมือที่จะจัดการกับตัวอันตรายตรงหน้าที่กำลังดูดกลืนออร่าพลังชีวิตของทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบอย่างบ้าคลั่ง

“ชิ! ดันมาใจอ่อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกจนได้… Z.- code : Capricorn { Dimension Imprison } (ราศีมังกร { แดนคุมขังไร้ขอบเขต }) ”

เทนโดยื่นมือไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนที่ไม่นานร่างของหุ่นยนต์ยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้น พร้อมกับเริ่มมีกลุ่มก้อนพลังงานหลากสีค่อยๆ เข้าโอบล้อมร่างของมันจนกลายเป็นลูกบอลทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีเจ้าหุ่นยักษ์ถูกขังอยู่ภายใน

“Release!!”

ในจังหวะที่เทนโดได้กำมือลง วงกลมขนาดยักษ์เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงร้องแสบแก้วหู ที่ดังก้องกังวานออกมาจากสิ่งที่ถูกกักขังอยู่ภายในจนที่เสียงนั้นจะค่อยๆ เบาลงและเงียบไปในที่สุด ก่อนจะปรากฏเป็นลูกบอลขนาดเท่ากำมือลอยค้างอยู่กลางอากาศ

“จบไปอีกเรื่อง ถ้างั้นต่อไปก็… Z.- Code : Virgo { Enchant Agility } (ราศีกันย์ {เสริมสมรรถภาพความว่องไว}) Increase : Virgo { Levitation Halo } (ราศีกันย์ { วงรัศมีลอยตัว }) Release…”

เมื่อเห็นว่าจัดการปัญหาเสร็จไปแรกหนึ่ง เทนโดจึงคิดจะออกไปช่วยไลบรากับหน่วยคันชั่งที่กำลังรับมือพวกแขกที่กลายเป็นแฟนทัสม่า อันเกิดจากผลของโรคระบาดแห่งความตายที่ เนโครไนท์ ซาเธรียส ได้เหลือทิ้งเอาไว้ก่อน แล้วจากนั้นค่อยมาจัดการกับตัวมันที่โดนเขาผนึกไว้ทีหลัง

“เหลือแค่ไปช่วยเก็บกวาดทางนั้นสินะ…”

ในขณะที่เทนโดกำลังจะบินออกไปจากสนามประลอง เขาก็ได้หันกลับมามองผลึกของซาเธรียส ที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้กลางสนามด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนหายใจออกมาพร้อมกับบินตรงกลับมาที่ผนึกของซาเธรียส

“เอาเถอะ… เพื่อความสบายใจอย่างน้อยก็เสริมพลังไว้กันเหนียวหน่อยแล้วกัน Z.- Code : Cancer { Perfect Physical Protection } (ราศีกรกฎ { ป้องกันกายภาพสมบูรณ์ }) Increase : Pisces { True Magic Resistant } (ราศีมีน { ต่อต้านเวทมนตร์สมบูรณ์ }) Increase : Scorpio { Counter External Reaction } (ราศีพิจิก { ตอบโต้สิ่งเร้าจากภายนอก }) Release…”

เมื่อเทนโดทำการกางอาณาเขตป้องกันไว้รอบๆ ผนึกของซาเธรียสเสร็จ ตัวเขาก็ได้ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง พร้อมกับชกไปยังผนึกที่ถูกกางการป้องกันไว้อย่างเต็มแรก

“อืมถ้าทนได้ประมาณนี้ก็ถือว่าปลอดภัยแล้วละนะ เอาละ… รีบไปจัดการเรื่องน่ารำคาญให้มันจบๆ เลยดีกว่า”

เมื่อพูดจบเทนโดก็บินออกจากสนามประลองอย่างรวดเร็ว โดยปล่อยให้ผนึกของซาเธรียสลอยอยู่โดดเดี่ยวกลางสนามที่ไร้ซึ่งผู้คนทั้งอย่างนั้น

จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่เทนโดได้บินออกไป ตัวผนึกก็เริ่มเกิดเสียงกระแทกดังขึ้นเป็นจังหวะราวกับหัวใจที่กำลังเต้น และเริ่มมีรอยร้าวลุกลามไปทั่วทั้งผนึกพร้อมกับแสงสีรุ้งที่ส่องออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น

แม้ววววววว!!!!

ผนึกของซาเธรียสได้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมเสียงร้องแสบแก้วหูที่ดังก่องไปทั่วทั้งสนาม ก่อนที่จะปรากฏร่างของอัศวินเกราะสีเงินขนาดใหญ่ที่กำลังหมอบคลาน พร้อมร้องคำรามดังสนั่นและที่เริ่มอาละวาดทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ อย่างบ้าคลั่ง

แต่ในขณะที่มันกำลังทำลายทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบอย่างไร้เป้าหมายอยู่นั้นตัวมันก็เริ่มสัมผัสได้ถึงบางอย่าง สิ่งนั้นคือสัมผัสพลังอันคุ้นเคยที่ถึงมันจะเบาบาง แต่ตัวมันยังคงจดจำได้ขึ้นใจจากครั้งก่อนที่ตัวมันโดนเจ้าของพลังนั้นฆ่าไป

แง้ววววววว!!!!

เสียงร้องคำรามที่เปี่ยมล้วนไปด้วยโทสะดังสนั่นจนกำแพงสนามที่อยู่โดยรอบเกิดรอยร้าว

มันก้มต่ำลงพร้อมกับเกราะสีเงินที่เริ่มกลายสภาพเป็นปากอันใหญ่ยักษ์ที่ภายในบรรจุก้อนพลังงานสีรุ้งที่ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แม้ววววววว!!!!

ลำแสงสีรุ้งถูกยิงไปในทิศทางเป้าหมายจนเกิดเป็นอุโมงค์ทางตรงยาวขนาดใหญ่

เมื่อยิงเปิดทางเสร็จตัวมันก็รีบรวบรวมพลังจนเกิดออร่าสีแดงปกคลุมไปทั่วร่าง ก่อนที่มันจะรีบกระโจนเขาไปในอุโมงค์ตรงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะหยุดวิ่งลงอย่างกะทันหันเพราะสัมผัสถึงเป้าหมายที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมมองไปยังเป้าหมายที่หลบซ่อนอยู่ในฝุ่นควัน

แม้แรงระเบิดจะทำให้เกิดฝุ่นควันหนาทึบจนมองอะไรไม่เห็น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมันที่สามารถจับสัมผัสได้แม้แต่น้อย ตัวมันจ้องมองไปมองไปยังสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสามตัวที่อยู่ด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะพบว่าหนึ่งในนั้นมีอยู่หนึ่งตัวที่รูปแบบพลังแบบเดียวกับที่มันตามล่าอยู่กับอีกสองที่มีพลังอันแสนคุ้นเคยจนน่าคิดถึง

แม้ว!! แม้ว!! แม้ว!!

ตัวมันที่ได้พบกับศัตรูคู่อาฆาตจึงไม่รอรีบอ้าปากพร้อมกระหน่ำยิงลำแสงสีรุ้งหลายสิบเส้นไปยังเป้าหมายที่หลบซ่อนอยู่ในฝุ่นควัน จนมันสามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นก่อนที่จะร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น และเริ่มวิ่งไล่ล่าศัตรูตรงหน้าอย่างบ้าคลั่งจนกว่าจะได้ลงมือทำลายล้างอีกฝ่ายด้วยน้ำมือของมันเอง

*****