บทที่ 191 ช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญ
หลังจากที่ลี่จุนซินไปแล้ว จริงๆแล้วในใจของเจียงหยุนเอ๋อรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ลี่จุนซินก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลลี่ แม้ว่าต่อหน้าไม่ได้แสดงอะไรที่ไม่พอใจตัวเธอออกมา แต่ว่าฐานะของทั้งสองคนที่อยู่ตรงนี้ยังไงก็ต่างกัน ไม่แน่……..ในใจอาจจะมีความคิดอะไรเกี่ยวกับตัวเธอ
อีกอย่าง เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับจริงๆ ต้องมีคนของตระกูลลี่จำนวนไม่น้อยที่ไปร่วมงานด้วยอย่างแน่นอน หากเธอก็ไปด้วย นั่นก็เท่ากับว่าเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลลี่หรอกเหรอ?
ตัวเองนั้นอยู่ในฐานะอะไรในสายตาของตระกูลลี่ ตัวเจียงหยุนเอ๋อเองก็เข้าใจอย่างมาก ดังนั้นก็ไม่แปลกเลยที่จะกลัว
คิดมาถึงตรงนี้ เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ถึงขนาดมีความคิดที่อยากจะหลบเลี่ยง
หากตัวเองไม่ไป………อาจจะไม่มีเรื่องมากมายเหล่านั้นก็ได้มั้ง?
“ทำไม? กลัวแล้วเหรอ?” ลี่จุนถิงที่อยู่ข้างๆได้สังเกตสีหน้าท่าทางของเจียงหยุนเอ๋อโดยตลอด เห็นสีหน้าที่ลังเลครึ่งค่อนวันของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“อืม………..” เจียงหยุนเอ๋อลังเลไปสักพัก สุดท้ายก็พยักหน้าเบาๆ
เห็นท่าทางที่กระวนกระวายของเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงก็รู้สึกสงสารเล็กน้อย
ทุกการกระทำที่ต่อต้านเจียงหยุนเอ๋อของคนในของตระกูลลี่ เขาก็มองดูอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าได้คิดหาวิธีไปบ้างแล้ว เพียงแต่……..ความตั้งใจแน่วแน่ของตัวเขาเองนั้นกลับยิ่งทำให้คนในบ้านคัดค้านหนักกว่าเดิม
เพียงแค่คิด ก็ทำให้ใจของลี่จุนถิงจมดิ่งลง ทันใดนั้นก็ทำสภาพจิตใจก็แย่ลงเล็กน้อย
ภาพการพบกันครั้งที่แล้วกับคุณปู่ตระกูลลี่ยังคงชัดเจนอยู่ตรงหน้า สุดท้ายแม้ว่าตัวเองจะออกมาก่อนแล้ว แต่ว่าแม่ก็ได้โทรศัพท์มาหาตัวเอง ได้เล่าท่าทีของคุณปู่ตระกูลลี่ให้เขาฟังอย่างชัดเจน
ลี่จุนถิงรู้ ตัวเองนั้นไม่มีทางที่จะปล่อยมือจากเจียงหยุนเอ๋อเด็ดขาด แต่ว่า…….ถ้าเขายังคงมีความสัมพันธ์ที่หมางเมินกับคนในตระกูลลี่ แบบนี้สำหรับเจียงหยุนเอ๋อแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
“จุนถิง ฉันไม่ไปได้มั้ย………” เรื่องก็มาถึงขึ้นนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ยังคงมีความกลัวอยู่เล็กน้อย
ท่าทีของคนในตระกูลลี่เด่นชัดขนาดนั้น ยังจะไปรนหาที่ให้ตัวเองทรมานอีก เหมือนจะไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเลยจริงๆ………
นี่คือความคิดที่แท้จริงของเจียงหยุนเอ๋อ
เห็นใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเต็มไปด้วยความเศร้าใจ ลี่จุนถิงก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวของเจียงหยุนเอ๋อ เหมือนกับว่ากำลังปลอบโยนเด็กน้อยอยู่
“ไม่เป็นไร คุณอยากคิดมาก ยังมีผมอยู่ทั้งคนไม่ใช่เหรอ? อีกอย่าง ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญกับมันอยู่แล้ว คุณไม่สามารถที่จะหนีได้ตลอด”
ตอนนี้เวลานี้ ลี่จุนถิงได้ตัดสินใจไปแล้ว ในงานเลี้ยงตระกูลลี่ เขาจะไม่มีทางยอมให้เจียงหยุนเอ๋อได้รับความลำบากใจแม้แต่นิดเดียว
ได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกว่าว่ามีความกล้าขึ้นมาทันที
“ค่ะ ฉันเชื่อคุณ”
……
ในเวลาเดียวกัน ส้งหวั่นหวั่นก็รู้ข่าวที่ลี่จุนซินกลับมาแล้ว ก็ได้โทรหาลี่จุนซินทันที
“ฮาโหล พี่จุนซิน ได้ยินว่าพี่กลับมาแล้ว เราเจอกันหน่อยดีมั้ยคะ? เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว” น้ำเสียงของส้งหวั่นหวั่นแฝงไว้ด้วยความกระตือรือร้น
ความสัมพันธ์ของเธอกับลี่จุนซินค่อนข้างจะดีมาโดยตลอด ตอนนี้ลี่จุนซินกลับมาแล้ว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นก็มีคนช่วยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
ลี่จุนซินก็ประทับใจส้งหวั่นหวั่นไม่น้อย เพราะว่าทั้งสองตระกูลเป็นเพื่อนกัน เมื่อก่อนก็ไปมาหาสู่กันค่อนข้างบ่อย
เหมือนอย่างที่ส้งหวั่นหวั่นพูดเลย ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินส้งหวั่นหวั่นเชิญชวน ลี่จุนซินก็ตกลงทันที
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
ลี่จุนซินตอบกลับโดยไม่ลังเล
สุดท้ายทั้งสองคนนัดเจอกันที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง เมื่อก่อนตอนที่ลี่จุนซินยังอยู่ในเมืองนี้ ก็จะมาเจอกันที่ร้านกาแฟนี้เป็นประจำ
ส้งหวั่นหวั่นมาถึงสถานที่นัดหมายก่อน เมื่อมองเห็นบรรยากาศในร้านกาแฟก็มีความรู้สึกเล็กน้อย
ลี่จุนซินก็ไม่ได้กลับมานานมากแล้ว ร้านกาแฟร้านนี้ก็ได้เปลี่ยนไปไม่น้อย
ไม่นานนัก ลี่จุนซินก็ได้มาถึง ส้งหวั่นหวั่นรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อต้อนรับเธอ
“พี่จุนซิน พี่มาแล้ว!” ส้งหวั่นหวั่นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจได้เดินไปหาเธอ
ลี่จุนซินเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการแสดงออกของส้งหวั่นหวั่นแล้วต่างกันโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นนิ่งมาก: “อืม ให้เธอรอนานแล้ว”
ได้ยินแบบนี้ ส้งหวั่นหวั่นรีบโบกปฏิเสธมือทันที: “ไม่ค่ะ ฉันก็เพิ่งจะถึงค่ะ”
ทั้งสองคนหลังจากที่นั่งลงแล้ว ส้งหวั่นหวั่นก็มองลี่จุนซินอย่างละเอียด
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้พบเจอกันนานมาก แต่ว่าส้งหวั่นหวั่นดูออก ลี่จุนซินตอนนี้ดูแล้วดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก คนทั้งคนเต็มไปด้วยสง่าราศี
“พี่จุนซิน ไม่เจอกันตั้งนาน พี่สวยขึ้นอีกแล้ว”
สำหรับคำชมแบบนี้ ลี่จุนซินค่อนข้างที่จะฟังมาเยอะแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรเลย
“ขอบใจ”
พูดตามตรง เห็นลี่จุนซินที่เป็นแบบนี้ ส้งหวั่นหวั่นรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ถึงอย่างไรเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ดีกว่าตัวเอง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความคิดแบบนี้
“พี่จุนซิน ได้ยินมาว่าพี่ได้ไปเจอลี่จุนถิงมาแล้ว? ช่วงนี้เขาเป็นยังไงมั่ง?” ส้งหวั่นหวั่นถามอย่างอ้อมค้อม
ลี่จุนถิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเธอไปแวบหนึ่ง แล้วถามกลับ: “ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่เลวไม่ใช่เหรอ? เรื่องแบบนี้ ยังต้องมาถามพี่อีกเหรอ?”
ส้งหวั่นหวั่นมีความรู้สึกอึดอัดที่ถูกรู้ทัน เพียงแต่ยังคงฝืนยิ้ม แล้วกล่าว: “อืม จุนถิงเขา……..ช่วงนี้เพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้เขากับคนในตระกูลต้องทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ? ช่วงนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันก็ไม่ได้ไปหาเขาเลย”
ผู้หญิงที่ส้งหวั่นหวั่นพูดถึง ลี่จุนซินตั้งแต่กลับมาก็ได้ยินคนในครอบครัวพูดถึงกันไม่น้อย
เพียงแต่ เธอมีท่าทีที่เรียบเฉยต่อเรื่องราวส่วนใหญ่ ดังนั้นแม้ว่าจะได้ยินคนพูดถึงเจียงหยุนเอ๋อในแง่ที่ไม่ดี แต่เธอก็ยังคงไม่รู้สึกอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ก็ได้เคยเจอกับเจียงหยุนเอ๋อมาแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรพิเศษเลย
“พี่จุนซิน ฉันรู้สึกว่า…….ตระกูลอย่างพวกเรา แต่งงานหากจะให้ดีต้องแต่งกับคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน แม้ว่าจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเคารพผู้ใหญ่ พี่คงไม่รู้ ก่อนหน้านี้เจียงหยุนเอ๋อทำเรื่องที่เกินไปตั้งมากมายกับคุณป้า……..”
ส้งหวั่นหวั่นตั้งใจที่จะพูดทำลายภาพลักษณ์ของเจียงหยุนเอ๋อต่อหน้าลี่จุนซิน ดังนั้นจึงได้เริ่มพูดใส่ไฟขึ้นมาทันที
แม้ว่าส้งหวั่นหวั่นจะพูดไปตั้งมากมาย แต่ล้วนพูดเรื่องถูกเป็นผิด
เพียงแต่ลี่จุนซิน เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในแวดวงสังคม และก็เป็นตัวอย่างของคุณหนูไฮโซไม่น้อย มีเหตุผลตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่เพอร์เฟคมาก ในใจก็เกลียดคนที่ไม่เคารพผู้ใหญ่มากอยู่แล้ว
ส้งหวั่นหวั่นเป็นเพราะรู้จุดนี้ ก็เลยจงใจสร้างประเด็นที่เจียงหยุนเอ๋อทำอะไรที่ไม่ดีกับลี่จีถอง
แม้ว่าจะตั้งใจฟังอยู่ แต่ว่าภายนอกก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรมากนัก ส้งหวั่นหวั่นที่มองอยู่รู้สึกร้อนใจขึ้นมาแล้ว
สิ่งที่ส้งหวั่นหวั่นไม่รู้ แม้ว่าลี่จุนซินจะไม่ได้พูดอะไร จิตใต้สำนึกได้จดจำความพูดเหล่านี้ไว้ในใจหมดแล้ว