บทที่ 189 นักเวทมนตร์ดำผู้มากับสุนัข

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 189 : นักเวทมนตร์ดำผู้มากับสุนัข

หลังจากจากไปได้ไม่นาน เชอร์รี่ก็สัมผัสปฏิกิริยาอีเธอร์ที่รุนแรงจากร้านหนังสือได้

แล้วเธอก็คิดถึงชายลึกลับคนนั้นที่เดินสวนกับเธอขึ้นมาได้ทันที

“ดูเหมือนคนคนนั้นจะเป็นศัตรูมากกว่ามิตรแฮะ” เชอร์รี่พึมพำ “โบสถ์แห่งจุดสูงสุดจะยังดิ้นรนไม่ล้มไปโดยไม่สู้ แต่ดูเหมือนคุณหลินจะคาดไว้แล้วและกำลังรอกวาดล้างในครั้งเดียวอยู่”

ด้วยความแข็งแกร่งของคุณหลินแล้ว ใครเข้ามาก็เหมือนฆ่าตัวตายชัด ๆ!

เบลล่าเองก็พอจะสัมผัสคลื่นอีเธอร์ได้ลาง ๆ เช่นกันแล้วพยักหน้า “คนจากหอพิธีกรรมต้องห้ามก็มีส่วนร่วมนะคะ พวกเขาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ ร้านหนังสืออยู่แล้วค่ะ”

ทั้งสองคนมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างทึ่งที่คุณหลินได้หยั่งรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เชอร์รี่เลิกสนใจเรื่องนี้แทบจะทันทีเมื่อพวกเธอกลับมาที่ที่ทำการของหอการค้าแอชของตระกูลแชปแมน

สำนักงานใหญ่ของหอการค้าแอชคือวิหารดรูอิดที่อยู่ในป่าอันห่างไกลจากนอร์ซิน ส่วนที่ทำการของสามสาขานั้นตั้งอยู่ที่ชายขอบเมืองนอร์ซินเป็นสามเหลี่ยมโดยมีที่ทำการเขตกลางอยู่ตรงกลาง ทำหน้าที่ขนย้ายสินค้า

ด้วยความที่เป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยพ่อค้า จุดประสงค์ของมันย่อมเป็นการแสวงหาผลกำไรให้กับสมาชิกและยังรวมถึงข้อมูล การแก้ข้อพิพาทและการทำงานอื่น ๆ ที่บรรดากลุ่มพ่อค้ากระจัดกระจายนิยมทำ

เพราะถึงอย่างไร ยักษ์ใหญ่ที่เคยเป็นกองทัพอย่างบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์นั้นก็รับเพียงหัวกะทิแล้วไม่สนใจคนธรรมดาอยู่แล้ว เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของพวกตนไว้ นักธุรกิจรายย่อยจึงต้องรวมตัวกัน

หอการค้าแอชนั้นควบคุมโดยดรูอิดและมีชื่อเสียงด้านการกระจายสินค้าและการประมูล พวกเขาทั้งจัดหาสินค้าทั่วไปให้กับบุคคลธรรมดาและหมุนเวียนสินค้าเหนือธรรมชาติในแวดวงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้วย

ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วเหล่านักบวชดรูอิดนั้นควบคุมเพียงตลาดบน ในขณะที่ตลาดกลางและล่างนั้นทรงตัวได้โดยพ่อค้าและคนงานทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องของสังคมเหนือธรรมชาติ ช่องทางรับส่งสินค้าก็แยกจากกัน และการซื้อขายอุปกรณ์เวทมนตร์และวัตถุดิบเหนือธรรมชาติต่าง ๆ ก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้การรักษาความลับพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

สาขาทั้งสามถูกควบคุมโดยตระกูลดรูอิดสามตระกูลแยกกัน ประกอบด้วยแชปแมนที่ใช้โทเทมนกอินทรี วอลตันที่ใช้โทเทมหมีและซาพีร์ที่ใช้โทเทมหมาป่า เหล่าผู้อาวุโสเกษียณอายุจากสามตระกูลจะไปบริหารสำนักงานใหญ่และเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่าง ๆ

เหล่าดรูอิดในอาซีร์มองว่าสายเลือดสำคัญมาก ดังนั้นเลือดผสมอย่างเชอร์รี่จึงถูกมองไม่ดีนัก

โดยเฉพาะเมื่อสีผิวคล้ำของเธอบ่งบอกชัดถึงสายเลือดครึ่งดรูอิดครึ่งเอลฟ์ดำทำให้พวกดรูอิดที่ปกติมักอารมณ์ดีอยู่เสมออารมณ์เสียลงมาก

ไม่ว่าใครก็รู้ว่าเหล่าเอลฟ์ดำนั้นเป็นตัวแทนเรื่องความแปรปรวนและความโหดร้าย

แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำตัวโหดร้ายกับศัตรูของเธอและทำเพียงรอให้พวกเขาสลับฝ่ายมาหาเธอเองก็ตาม แต่เธอก็ยังได้ชื่อเล่นว่า ‘แม่มด’ อยู่ดี

แต่เชอร์รี่ไม่สนใจเสียงซุบซิบพวกนี้อีกต่อไปแล้ว

เธอต้องการแค่การยอมรับจากคนคนเดียวเท่านั้น

“เบลล่า เรียกดาวิด เฮรัทกับคนอื่น ๆ มานี่ที ลับสุดยอดนะ อย่าให้คนอื่นรู้เชียว”

“ค่ะ”

เมื่อกลับมาถึงสาขาของเธอ เชอร์รี่ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของตัวเองแล้วเตรียมเรียกบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ รวมไปถึง ‘ที่ปรึกษา’ บางคนที่ ‘ยอมสยบ’ ให้กับเธอเพื่อวางแผนดักสกัดสถานที่นัดพบระหว่างคอนกรีฟและโบสถ์แห่งจุดสูงสุด

ด้วยความที่นี่คือปฏิบัติการลับ ครั้งนี้จึงมีเพียงสมาชิกที่เธอไว้ใจที่สุดเท่านั้น

เชอร์รี่วางไส้ศึกไว้เป็นพิเศษข้างตัวคอนกรีฟซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือหนังมนุษย์มาให้เธอ ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่ได้ถูกนำมานับรวม

ในขณะที่ทุกอย่างดูจะไม่ขาดตกบกพร่อง คุณหลินก็พูดออกมาว่ามีปัญหาอยู่ ดังนั้นมันต้องมีอยู่จริงแน่

สถานที่นัดแลกเปลี่ยนสินค้าถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว

แล้วตอนนี้ หลังจากให้สายสืบสืบโน่นนี่อยู่หลายรอบ พวกเขาก็พบปัญหาที่แก้ไม่ได้ปัญหาหนึ่ง

“พวกนายจะบอกฉันว่าเราไม่มีทางบุกเข้าไปในเขตอาคมล้อมแดนที่ตั้งล้อมสถานที่นั้นไว้เลยเหรอ?” เชอร์รี่มุ่ยหน้า “คอนกรีฟลงทุนจริง ๆ เขาถึงกับใช้วิชาลับของดรูอิดของตระกูล…”

เหมือนกับที่สัตว์ป่าทำเครื่องหมายถิ่นของตนเอง เขตอาคมล้อมแดนเป็นคาถาเขตแดนระดับสูงแขนงหนึ่ง ปกติแล้ว คาถาแบบนั้นจะถูกใช้ในเวลาที่กำลังจะพัฒนาพื้นที่สักที่ และเมื่อตั้งเขตอาคมขึ้นมาแล้ว มันก็จะสามารถป้องกันไม่ให้คนอื่น ๆ เข้ามาฉกชิงไปได้

การตั้งเขตแดนแบบนั้นน่าเบื่อก็จริง แต่มันสามารถต้านทางการโจมตีระดับภัยพิบัติได้ และมีเพียงคนที่มีสายเลือดตระกูลเดียวกันเท่านั้นที่จะสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ

ดาวิดผู้รับผิดชอบเรื่องกำลังรบพยักหน้าอย่างจนปัญญา “ถึงเราจะรู้ความแข็งแกร่งของเขตอาคมแล้วพยายามเจาะมันเข้าไปก็ตาม แต่เขตอาคมนี้ดูเหมือนจะถูกตั้งไว้ชั่วคราว ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ควรครับ”

“แต่การเจาะเขตอาคมเข้าไปจะก่อให้เกิดการรบกวน และการเคลื่อนไหวของเขาจะถูกเปิดเผยทันทีเลยครับ”

เชอร์รี่ขมวดคิ้วแล้วส่งบรรดาลูกน้องของตัวเองออกจากห้องทำงานไปก่อน

เบลล่าลดเสียงลงอย่างกังวล “คอนกรีฟทำแบบนี้เพื่อให้นายหญิงไปด้วยตนเอง และคงจะมีการลอบโจมตีรอฆ่าคุณอยู่แล้ว…ถ้าหนังสือหนังมนุษย์นั่นเป็นการจัดฉากจริง ๆ งั้นนี่ก็คงเป็นกับดักนะคะ!”

ด้วยเขตอาคมล้อมแดนอันใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็คงบอกได้ว่ามันเป็นแผนสมคบคิด

เชอร์รี่ส่ายหน้า “คอนกรีฟน่ะฟั่นเฟือนไปแล้ว เขาก็แค่เดิมพันหมดหน้าตัก ทุบหม้อข้าวเดินหน้าอย่างสิ้นหวังเท่านั้นแหละ เขาต้องเห็นแล้วแน่ ๆ ว่าครั้งนี้เขายืนอยู่ที่สุดขอบผาแล้ว”

“ไม่ว่าใครก็รู้ว่านี่เป็นการใช้คาถาลับของตระกูลแชปแมนอย่างชัดเจนและผิดกฎ เมื่อโบสถ์แห่งจุดสูงสุดถูกเปิดโปง ตระกูลเราก็จะโดนลากลงปลักโคลนไปด้วย พวกจิ้งจอกเฒ่าพวกนั้นต้องตัดหางปล่อยวัดเจ้าหมอนี่ให้รับผิดชอบไปคนเดียวแน่ ถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่มีแม้แต่ที่หลบภัยสุดท้าย”

“แต่ถ้าโบสถ์แห่งจุดสูงสุดพลิกกลับมาชนะได้ เขาจะสามารถใช้ชื่อเสียงของตระกูลแชปแมนแล้วสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับโบสถ์ได้ และเขาที่ได้ทุกอย่างมาไว้ในกำมือก็จะชนะไป”

เชอร์รี่ยิ้มเยาะพลางพูดต่อ “เขากำลังเดิมพันว่าฉันจะไม่กล้าเข้าไปสืบเรื่องนี้ต่อแล้วเลิกไปกลางคัน…แต่ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่มีสันดานนักพนันของพ่อค้า พวกเราตระกูลแชปแมนทุกคนต่างเป็นนักพนันโดยสันดาน!”

คอนกรีฟเป็นน้องชายของเชอร์รี่เพียงในนาม เขาอายุสี่สิบเจ็ดแล้ว

เขาไม่มีสายเลือดเอลฟ์ในตัวเลยสักหยด และไม่เคยได้รับระดับเหนือธรรมชาติที่จะยืดชีวิตของเขาได้ ในฐานะมนุษย์อายุสี่สิบเจ็ดปี เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างสูงจมูกบานที่ให้บรรยากาศภูมิฐานพอตัว…

คอนกรีฟถามด้วยสายตาเย็นเยือก “เตรียมสินค้าไว้หมดแล้วใช่ไหม?”

“ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ที่เดิมแล้วครับ ตอนนี้เรายังอยู่ในระหว่างการจัดเตรียมงานกับพวกงานเลี้ยงโลหิต แล้วโบสถ์แห่งจุดสูงสุดก็สั่งวัตถุดิบเยอะมากในรอบนี้ ราว ๆ สามเท่าของปกติได้ครับ” ลูกน้องรายงาน

“พวกเขารวยกันจริง ๆ นะ” คอนกรีฟหัวเราะฮึเล็กน้อย “ออเดอร์อื่น ๆ ก็ต้องเตรียมให้พร้อมด้วย จะว่าไป ฉันได้ยินว่างานเลี้ยงโลหิตมีสมาชิกใหม่คนหนึ่งด้วยใช่ไหม?”

“ครับ” ลูกน้องของเขาตอบกลับ “เป็นนักเวทมนตร์ดำที่มากับสุนัขครับ”

“สุนัข? สัตว์อัญเชิญหรือเปล่า?”

“ใช่ครับ”

“มันอยู่ระดับไหน?”

“ระดับสัตว์ประหลาดครับ”

คอนกรีฟหมดความสนใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง “เชอร์รี่ยังหาเบาะแสเรื่องการซื้อขายอยู่อีกหรือเปล่า?”

“เธอเจอมันแล้วครับ” ลูกน้องของเขาตอบ

“ถ้าครั้งนี้หล่อนยังจะกล้ามา ฉันจะฝังหล่อนที่นั่นซะเลย!” คอนกรีฟพูดพร้อมสายตาพยาบาท