ตอนที่ 227 เครื่องต้นแบบรถหมีจับโลลิ

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

227 เครื่องต้นแบบสามล้อ

 

「――มาสายจังนะ」

 

ณ บริเวณหนึ่งของโรงเรียนทหารจักรกล

มีเวิร์กช็อปหลายแห่งที่ตั้งอยู่ห่างจากอาคารเรียนเมื่อมองจากประตูหลัก นี่เป็นสถานที่ที่มีคนที่เกี่ยวข้องกับทหารจักรกลเท่านั้นที่มา ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกของฉันที่นี่

 

ฉันมาพบกับซิลเลนในจุดที่สัญญากันไว้ และเราก็ได้พบกันอย่างปลอดภัย

 

“รอนานเหรอ? ฉันอ้อมนิดหน่อยน่ะ”

 

“อ้อมสินะ ทำอะไรอย่างอื่นมาสินะ?」

 

“ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ควรถูกถามแบบนั้นเลยเน๊”

 

ฉันแค่ไปทัวร์หลักสูตรเก็บกวาดเอง นอกจากนี้ก็คลุกคลีกับการฝึกของอีส

 

“มีทหารจักรกลที่พังยับเยินสองเครื่องวิ่งเข้าไปในเวิร์คช็อปตรงนั้น นั่นไม่ใช่ฝีมือของเนียเหรอ?”

 

“ไม่นิ?”

 

ใช่แล้วอีกเป็นคนทำ พูดให้ถูกคือ「คิ」ของอีสที่ทำ ไม่ได้ทำด้วย「คิ」ของฉันเองอย่างแน่นอน

 

“……ม๊า ยังไงก็ได้ หลักสูตรทหารจักรกลอาจจะแย่อยู่แล้ว ไปกันเลยไหม”

 

เข้าใจเป็นอย่างดีเลยไม่ใช่เหรอ ……ไม่สิ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย

 

 

 

เสียงโลหะถูกกระแทกสามารถได้ยินมาจากเวิร์คช็อปขนาดใหญ่

 

“ที่นี่คือเวิร์คช็อปสำหรับนักเรียนวิศวกรรมทหารจักรกลชั้นปีที่แปด นับตั้งแต่ที่เรากับอาคาชิเข้าอยู่ในหลักสูตรทหารจักรกลก็ได้รับการดูแลจากที่นี่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

 

มีหมายเลย「แปด」เขียนไว้บนผนังใกล้ทางเขา เครื่องหมายนั้นง่ายต่อการเข้าใจ

 

“ทหารจักรกลแต่ละเครื่องจะมีความแตกต่างกันอยู่ แม้ว่าเมื่อมองจากภายนอกจะดูเหมือนกัน แต่โครงสร้างภายในได้รับการปรับแต่งอย่างประณีตตามนักบินที่ขึ้นไปขับ อย่างคนตัวเล็กเหมือนเรา หรือคนที่ตัวใหญ่จนต้องเงยหน้าขึ้นมองขึ้นขับ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะเหมือนกันทุกประการ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับปริมาณพลังเวทมนตร์ด้วย แล้วยังมีต้องการเพิ่มกำลังขับหรือเพิ่มความทนทาน ความสมดุลในด้านนั้นก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การต่อสู้ของคุณว่าเป็นยังไง”

 

เข้าใจล่ะ

โดนสรุปคือ ให้คิดซะว่าทหารจักรกลเป็น「อาวุธ」และ「ชุดเกราะ」จะดีกว่าสิน๊า อาวุธและชุดเกราะควรทำให้เหมาะกับแต่ละคน

 

“กลไกภายใน สมาชิกแต่ละคนของหลักสูตรทหารจักรกลจะเป็นคนปรับทหารจักรกลเครื่องฝึกที่ได้รับมอบด้วยตัวเอง ยังไงก็ตาม สำหรับการปรับแต่ง การตรวจสอบ หรือการซ่อมแซมอื่น ๆ พวกเรามักจะพึ่งพาหลักสูตรวิศวกรทหารจักรกลล่ะ”

 

ขณะที่กำลังฟังคำอธิบายของซิลเลน พวกเราก็เปิดประตูเวิร์คช็อปแล้วมองเข้าไปข้างใน

 

ทหารจักรกลถูกจัดว่าเป็นความลับของรัฐ ดังนั้นจึงจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะมากนัก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดจนห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาโดยเด็ดขาด

 

“――โอ๊ย! ห้ามคนนอกเข้า!」

 

ไม่ เห็นได้ชัดว่าห้ามเข้า

 

คนงานหนุ่มสวมชุดเอี๊ยมเปื้อนน้ำมัน……เด็กผู้ชายที่น่าจะเป็นนักเรียน ปรากฎตัวทันทีที่มองเห็นพวกเรามองเข้าไปในเวิร์คช็อป แล้วเริ่มตะโกนไล่ 

 

“ย๊า ซาร์กี้ ไม่ได้เจอกันนานเลยน่ะ”

 

“ก็ผ่านมาสักพักแล้วเน๊ะ! แต่ซิลซามะก็ถือว่าเป็นคนนอก! โดยเฉพาะเธอต่อให้บอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่ได้เด็ดขาด! มันเป็นความรับผิดชอบของข้า!”

 

อะ เห็นได้ชัดว่าฉันไม่ได้เด๊ดขาด ส่วนซิลเลน เธอเป็นสมาชิกชองราชวงศ์ และเป็นอดีตทหารจักรกล ซึ่งอาจจะทำให้เธอรู้สึกเหมือนยังอยู่ที่นี่

แต่ฉันไม่ได้

 

ม๊า ฉันคิดว่าก็เป็นเรื่องปกติแหละ เพราะทหารจักรกลเป็นความลับของรัฐ

ยิ่งเพราะว่าฉันเป็นนักเรียนต่างชาติ เป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะพูดอย่างสงสัยว่าเป็นสายลับอุตสาหกรรมอันทรงเกียรตินี้ แต่ฉันไม่คิดว่านั่นคือปัญหา

 

เดาว่าไม่ได้ เพราะมันเป็นกฎแล้ว

แต่ก็อย่างที่เขาว่า มันจะกลายเป็นปัญหาความรับผิดชอบของเขา

 

“เราเข้าใจดี อาคาชิกำลังจะมาถูกไหม? ธุระของเราอยู่ตรงนั้น”

 

“อ้า เจ้าของเล่นนั้น……”

 

คนงานที่ชื่อซาร์กี้ผ่อนคลายใบหน้าที่เคร่งขรึมลงเล็กน้อย

 

“นั่นดูน่าสนใจมากน๊า ได้ยินว่าต้องการสร้างรถม้าที่วิ่งได้โดยไม่ต้องใช้ม้าสินะ โดยใช้ส่วนส่งกำลังที่เสียหาย และถูกทิ้งไป? แต่จริง ๆ แล้ว ข้าคิดว่าเรือเดี่ยวก็ดีแล้ว”

 

เรื่องนั้นฉันเห็นด้วย

 

“――แต่ ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเลย ถ้าคุณสามารถสร้างบางสิ่งด้วยชิ้นส่วนที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถูกทำลาย หากทหารจักรกลที่ทำหน้าที่ของตนสำเร็จแล้วยังมีประโยชน์อยู่ ข้าก็ยินดีต้อนรับพวกเขาอย่างยิ่ง”

 

เข้าใจแล้ว เขาเห็นด้วยกับการน้ำมาใช้ไหมสินะ

 

“แต่ข้าก็ไม่สามารถพาเข้าไปในเวิร์คช็อปได้อยู่ดี พวกเรากำลังปรับแต่งของเล่นนั้นเป็นครั้งสุดท้ายอยู่ ดังนั้นกรุณารอข้างนอก”

 

“เอาตามนั้น ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้งานวุ่นวายน่ะ”

 

“เอาจริงเลยนะ ตอนนี้พวกเราก็กำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมทหารจักรกลประจำการด้วย แย่สุด ๆ แมลงแข็งแกร่งจนน่ากลัว”

 

……ซ่อมทหารจักรกลประจำการด้วย เน๊

 

ฉันออกจากเวิร์คช็อปราวกับหนีจากการบ่นของเขา

 

“เราไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าผลพวงของสิ่งที่เนียทำจะขยายมาถึงโรงเรียนทหารจักรกลเช่นนี้ด้วย”

 

“นั่น เป็นอุบัติเหตุที่โชคร้ายสำหรับทุกคน เน๊ะ”

 

“…………อืม นั่นสินะ”

 

ฉันกังวลเกี่ยวกับช่องว่างระหว่างการตอบกลับ แต่ ม๊า ฉันเดาได้ว่าไม่ควรไปแตะต้อง

 

 

 

ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อซาร์กี้จะเป็นวิศวกรผู้มีทักษะและเป็นหัวหน้าหลักสูตรวิศวกรรมทหารจักรกลของชั้นเรียนตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนปีแรก

 

ชื่อเต็มคือ เซอร์คิดส์・ฮาบา ที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อซาร์กี้

คนในหลักสูตรทหารจักรกลเป็นหนี้บุญคุณเขามาก และมีหลายคนที่ไม่สามารถเทียบกับเขาได้

 

“เราเองก็ถูกดูแลมาไม่น้อยเช่นกัน ครั้งหนึ่งเราเคยทำบางอย่างพังด้วยวิธีแปลก ๆ ดังนั้นจึงต้องอยู่เพื่อแก้ไขทั้งคืน”

 

เข้าใจล่ะ เขาเป็นช่างฝีมือระดับปรมาจารย์

 

――ในขณะที่พวกเรากำลังคุยกัน ประตูบานคู่ขนาดใหญ่ก็เปิดออก และอาคาชิ วิศวกรหลายคน และแม้แต่ซาร์กี้ที่เป็นหัวข้อก็ออกมา

 

พวกเขากำลังเข็นตัวเครื่องต้นแบบสามล้อ

 

“ตอนนี้เรายังไม่มีการตกแต่ง หรือใส่หลังคาที่ไม่จำเป็น แต่สำหรับตอนนี้มีแค่โครงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”

 

ฟุมุ

 

โดยพื้นฐานแล้วมันคือ เก้าอี้หนึ่งตัวที่มีล้ออยู่ข้างใต้

และมีรถเข็นติดอยู่ที่ด้านหลัง

 

ตัวส่งกำลังอยู่ที่ด้านหลังสิน๊า ล้อหน้าเชื่อมต่อกับด้ามจับที่อยู่ด้านหน้าเก้าอี้โดยตรงเพื่อการเลี้ยวที่ง่ายดาย ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วยมือ

 

“จ๊า ฉ๊านจะลองขับมันสักหน่อย ฉ๊านจะขับให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้และเลี้ยวหักศอก ดังนั้นจับตาดูฉ๊านให้ดี๊――ฮี่ย๊าーーー!!」

 

โดยไม่ให้เวลาใครพูดอะไร อาคาชิก็โดดนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเร่งความเร็วขึ้นพร้อมกับส่งเสียงบ้าคลั่งออกมา

 

“ม๊าย รอก่อนเซ๊! หล่อนต้องชะลอความเร็วลงให้เท่าปกติตอนที่จะเลี้ยวส――」

 

ตึ๊ง เคร้งงงงงงงง

 

ก่อนที่ซาร์กี้และวิศวกรคนอื่น ๆ จะหยุดทัน รถก็พลิกคว่ำทันที และด้านข้างของรถก็ไถลไปกับพื้น

มีแค่ยัยบ้าคนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถหลบหนีได้อย่างสวยงาม

 

……สงสัยจริง ๆ ว่ายัยบ้านี่เป็นอะไรไป

 

 

 

“นี่หล่อนจะทำเรื่องเละเทะเกินไปแล้ว! ตอนที่ใช้ทหารจักรกลก็เหมือนกัน! ตอนนี้ด้วย! ถึงโลหะจะแข็งแกร่งกว่าหล่อน แต่ก็บอบบางกว่าหล่อนไม่ใช่รึไง! ปฏิบัติต่อเธอให้อ่อนโยนกว่านี้เซ้! ต่างจากตอนที่หล่อนได้รับบาดเจ็บ เธอไม่สามารถรักษาได้ด้วยตัวเองสิ่งต่าง ๆ ไม่สามารถหายได้เว้นแต่จะมีคนดูแลให้ ! ยัยเวรงี่เง่าเอ๊ย!」

 

เสียงโกรธของวิศวกรซาร์กี้ดังขึ้น

เป็นท่าทางที่ฉันอยากบอกว่าให้ทำมากกว่านั้นทีเลย

 

ม๊า ปล่อยให้ยัยบ้าอาคาชินั่งอยู่บนพื้นฟังคำเทศน์ตามลำพังไปดีกว่า ตอนนี้คือทางนี้

 

“――ก็ไม่ได้แย่จริงไหม?”

 

“――นั่นสิน๊า ถ้าเลี้ยวได้ขนาดนั้น ต่อให้เป็นในเมืองก็น่าจะไม่เป็นไร”

 

เครื่องจักรต้นแบบสามล้อที่ตอนนี้วิศวกรคนหนึ่งกำลังขับอยู่ทำงานได้อย่างราบรื่น มันวิ่งได้ดีและมีรัศมีวงเลี้ยวแคบตามที่ตั้งใจไว้

 

……แต่ ม๊า กะแล้ว ฉันก็ยังรู้สึกว่าเรือเดี่ยวก็ดีพอแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลิ้งล้อไปตามพื้นด้วยล่ะ?

 

“――เห้ ดูเหมือนจะไม่แย่ขนาดนั้น”

 

ซาร์กีซึ่งดูเหมือนจะเทศน์เสร็จแล้วก็พูดอย่างนั้นขณะเข้ามายืนอยู่ข้างฉันกับซิลเลน

 

“แต่คุณก็คิดว่าเรือเดี่ยวดีกว่าไม่ใช่เหรอคะ?”

 

เมื่อฉันหลุดความรู้สึกที่แท้จริงออกไป ซาร์กี้ก็บอก「ไม่หรอก」และพูดด้วยสีหน้ามีความสุข

 

“คนที่กำลังขับอยู่ตอนนี้แทบไม่มีพลังเวทมนตร์เลย ไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหวทหารจักรกลได้แม้แต่น้อย ม๊า อย่างน้อยก็มีสีเวทมนตร์ที่เข้ากัน ดังนั้นก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนบางอย่างได้

และยิ่งไปกว่านั้น เห็นความเร็วที่เร่งได้นั่นไหม? นั่นน่ะเร็วยิ่งกว่าเรือเดี่ยวแถวนี้อีก และอาจเร็วได้มากกว่านี้อีกหากสร้างได้อย่างสมบูรณ์ล่ะ”

 

อ้า ว่าไปแล้ว

ถ้าจำไม่ผิด อาคาชิก็เคยบอกแบบนั้นเหมือนกันว่ามันเบากว่า และใช้งานได้ง่ายกว่าเรือเดี่ยว หรืออะไรทำนองนั้น

 

ถ้าคำพูดเหล่านั้นเป็นจริง――

 

“ใช่ไหมล๊า?”

 

อะ อาคาชิมาแล้ว โดยไม่สนใจซาร์กี้ที่จ้องมองเหมือน「นี่หล่อยสำนึกผิดเป็นบ้างไหม?」อาคาชิยิ้มขี้เล่นเหมือนปกติราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่สดใสที่เหมาะกับวัย

 

“อิย๊า ฉ๊านเองก็ม๊ายช๊ายคนที่มีพลังเวทมนตร์มากม๊ายเหมือนก๊าน แม้แต่กับเรือเดี่ยวก็ม๊ายสามารถแล่นได้เร็วมาก แต่ด้วยสิ่งน๊านก็สามารถปลดปล่อยด๊ายมากจริง ๆ ล๊า น๊านทำให้ฉ๊านมีความสุขม๊ากจนไม่อยากให้การขับไร้ประโยชน์เลยสักรอบน๊า”

 

แล้ว ก็เลยขับจนเลยเถิดและประประสบอุบัติเหตุ

 

“――เนียจ๊าง、ฉ๊านคิดว่าแม้แต่เด็กที่มีพลังเวทมนตร์เพียงน้อยนิดก็สามารถขับมันได้ล๊า”

 

หืม?

 

“ถ้าสามารถขับสิ่งนั้นได้ ก็สามารถขนส่งสัมภาระได้ การช็อปปิ้งจะง่ายขึ้น และบางทีก็สามารถส่งผู้คนไปทั่วได้ แน่นอน ฉ๊านคิดว่าจะสามารถให้ทำงานต่าง ๆ ได้มากมาย

ฉ๊านคิดว่ามันจะกลายเป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์บางประเภทได้ล๊า คิดว่าแม้แต่เด็กก็สามารถทำงานนี้ได้

ตอนแรกฉ๊านคิดไว้เป็นสำหรับโปรเจ็กต์แรกเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉ๊านคิดว่ามันจำเป็นจริง ๆ สำหรับเด็ก ๆ ล่ะ”

 

……ฟุอืม เข้าใจล่ะเน๊ะ

 

ม๊า เพราะจากเป็นเรื่องของอาคาชิที่ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ฉันคิดว่าเธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ

ไม่อย่างงั้นเธอก็คงไม่สามารถทำงานเป็นสายลับได้จริงไหม เธอไม่เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมาง่าย ๆ แต่กลับทำให้ดูเหมือนว่ากำลังล้อเล่นเพื่อหลอกลวงคนอื่นแทน

 

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ซิลเลนไม่ได้โกรธจริง ๆ และไม่พยายามที่จะหยุดเธอด้วยการบังคับเลย อาจเป็นเพราะเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเธอ

 

ต้นแบบกลับมาแล้ว

วิศวกรที่ขับกลับมา เปิดเผยความประทับใจว่า「มันใช้งานง่าย รวดเร็ว และค่อนข้างสนุก」

 

“จ๊า เนียจังลองขับดูด้วยสิ”

 

โอ้ ถึงคิวฉันแล้วสินะ

 

“ฉัน ไม่คิดว่าตัวเองจะขับมันได้หรอก เพราะฉันไม่มีพลังเวทมนตร์เพียงพอ

……”

 

ฉันไม่เลยลองขับเรือเดี่ยว แต่ตั้งแต่แรกแล้วฉันก็มีปัญหานิดหน่อยในการเปิดปิดเมจิกวิชั่นเหมือนกัน 

ที่สำคัญ ผมขาวที่เห็นก็เป็นข้อบ่งบอกว่าสายสัมพันธ์กับเวทมนตร์ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว

 

“ม๊าม๊า แค่ลองทดสอบเอง”

 

ตามการคะยั้นคะยอจากอาคาชิ ฉันก็นั่งลงบนเก้าอี้แล้วลองจับแฮน

 

ใส่พลังเวทมนตร์โดยไม่เต็มใจ、และ――

 

   ตึก

 

เครื่องต้นแบบส่งเสียงหนึ่งครั้ง หัวใจของฉันเต้นแรง

 

ไม่มีทาง……จะขยับไหม? ด้วยพลังเวทมนตร์เพียงเท่านี้?

 

 

 

ผลที่ตามมา ฉันสาบานว่าจะทำต้นแบบนี้ให้สำเร็จ

และ คิดว่าบอกกับอาคาชิไปว่ามาทำกันเถอะ

 

――ฉันคิดว่ามันเป็นธรรมชาติที่จะไปให้เร็ว มันเป็นธรรมดาที่ต้องไปให้เร็ว

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-2186 มาก ๆ ครับ

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

ไร้สาระ

ร้อนจนอยากกินไอติม แต่จะร้านไหนก็ให้ไม่คุ้มกับที่ขายแพงแบบไร้สาระจนอยากหัวเราะทั้งน้ำตา 
ได้แต่หาแบบกล่องที่เน้นปริมาณไม่เน้นรสชาติมาแก้ขัด ฮา