ตอนที่ 228 เรื่องราวเบื้องหลังการกำเนิด「หมีจักรกล」เครื่องต้นแบบจับโลลิ

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

228 เรื่องราวเบื้องหลังการกำเนิด「ม้าจักรกล」เครื่องต้นแบบสองล้อ

 

「――ดีจังเน๊」

 

หลังจากได้ลองขับรถต้นแบบสามรอบไปรอบ ๆ แล้ว ฉันก็กลับมาที่หน้าเวิร์คช็อปหมายเลขแปด

 

น่าสนใจมากเลยน๊า เจ้านี้น่ะ

ไปตามทางที่คุณต้องการเพียงแค่ใช้มือ และค่อนข้างเร็วเหมือนกัน แถมสนุก

ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนว่าฉันเข้าใจว่าพี่ชายรู้สึกยังไงในตอนที่เขาขับเรือเดี่ยววิงค์โร้ดไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข

 

พูดตามตรง ถ้าฉันวิ่งอย่างจริงจังจะเร็วกว่ามาก――แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา คำถามไม่ใช่ว่าทางไหนเร็วกว่ากัน

 

นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่เหรอ

ฉันสามารถเคลื่อนไหวได้มากขนาดนั้นด้วยพลังเวทมนตร์เพียงเล็กน้อยในร่างกายของฉัน และแม้ว่าจะเคลื่อนไหวไปมากขนาดนั้น มันก็แทบจะไม่ลดลงเลย

 

แม้แต่เด็กก็สามารถขับเจ้าสิ่งนี้ได้จริง ๆ

พูดไปแล้วฉันก็ยังเด็กอยู่น้า ยังอายุแค่สิบขวบเอง

 

วิศวกรอีกคนที่มองมาราวกับว่าเขาอยากจะทดลองขับบ้าง ฉันเลยให้เขาเข้ามาแทนที่ เขาอาจจะไม่มีพลังเวทมนตร์มากนักเช่นกัน

 

“อาเร๊ะ ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะปรับรูปร่างให้เหมาะสม ฉันจะจัดหาเงินทุนให้”

 

“เอ๊ะ จริงเหรอ? จริง ๆ แล้วข้าก็มีไอดเดียสำหรับรูปร่างอื่น ๆ อยู่ล่ะ”

 

มีแบบอื่นด้วยสินะ ฉันต้องฟังเรื่องนี้ให้จริงจังกว่านี้หน่อย

 

“รูปร่างสิน๊า  บอกว่ารูปร่างสิน๊า――”

 

ขณะที่ฉันกำลังคุยกับอาคาชิ ซาร์กี้ก็กอดอกจ้องมองไปที่เครื่องจักรต้นแบบสามล้อขณะที่มันกำลังเร่งความเร็ว

 

“นั่นน่ะ ยังไงดี จำเป็นต้องเป็นสามล้อด้วยเหรอ?”

 

……หืม?

 

“มีแค่สองล้อไม่ได้เหรอ? มีแค่สองล้อ ล้อหน้าและล้อหลังก็น่าจะพอแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าคือว่าก็น่าจะสามารถเลี้ยวหักศอกในขณะที่รักษาความเร็วได้จริงไหม?」

 

สองล้อ? หน้ากับหลัง?

 

“ถ้ามีแค่สองล้อหน้าหลังจะไม่ล้มเอาเหรอ”

 

ซิลเลนพูดถูก ฉันเองก็คิดแบบนั้น

 

“ถ้าจอดนิ่งล่ะก็ใช่ แต่ ถ้าวิ่งไปข้างก็จะไม่ล้ม ตอนเลี้ยวก็ด้วย ใช่ ตัวรถจะทำมุม――โอ๊ย ช่วยเอาล้อที่เหมาะสมมาให้ข้าหน่อย”

 

เมื่อเห็นว่าพวกเราไม่เข้าใจตั้งแต่จุดเริ่มต้น ซาร์กี้ก็พูดกับวิศวกรที่ทดลองขับเครื่องจักรต้นแบบสามล้อก่อนหน้านี้――เขานำล้อเหล็กออกมาจากเวิร์คช็อป

 

“เอาล่ะ ดูนะ”

 

เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็ลองกลิ้งมันลงบนพื้นด้วยแรงที่พอสมควร

 

“นี่คือสองล้อหน้ากับหลัง แต่ก่อนอื่น โฮร่า ดูนั่น”

 

ล้อที่สูญเสียแรง เริ่มเอียง และกลิ้งหลายโค้งก่อนที่จะตกลง

 

“ล็อคล้อรักษาตำแหน่งแนวทแยงนั้นไว้ ข้าคิดว่าเราสามารถเลี้ยวโค้งในมุมที่ถูกต้องได้ในระดับหนึ่งโดยใช้หลักการนี้ แน่นอนว่ามันจะมีเสถียรภาพมากกว่าล้อเดียวมาก”

 

…………

 

สองล้อสินะ……ถ้าไม่ได้เห็นของจริง ยังไงก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ล่ะ

 

“……เข้าใจแล้ว กลับมาใหม่พรุ่งนี้ ข้าจะเตรียมของตัวอย่างให้ดู”

 

ฉัน ซิลเลน และ อาคาชิ

ราวกับรู้ว่าพวกเราทั้งสามคนไม่สามารถจินตนาการได้ ซาร์กี้จึงพูดพร้อมกับถอนหายใจ

 

“ดีแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่ายุ่งอยู่หรอกเหรอ?”

 

“อ้า ข้าไม่ได้ว่างหรอก ทั้งต้องซ่อมบำรุงทั้งต้องทำของทางนี้ ――ตามจริงเลย มีคนจำนวนไม่น้อยที่อารมณ์ดีที่ได้ซ่อมงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่ดีในการพักผ่อน”

 

น๊า ระหว่างที่คุยกัน วิศวกรที่ถือล้อสำหรับทดลองก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

“เพราะงั้นข้าหมายถึง สำหรับวันนี้แยกย้ายกันที่ตรงนี้”

 

ด้วยคำสั่งของซาร์กี้ซึ่งได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมสร้าง「รถม้าที่วิ่งได้โดยไม่ใช้ม้า」ก่อนที่จะรู้ตัว พวกเราก็แยกย้ายกัน

 

 

 

และวันรุ่งขึ้น

 

“นี่ไงล่ะ”

 

อะไรกัน มีสองล้อหน้าหลังจริงด้วย

 

เมื่อฉันไปเยี่ยมชมเวิร์คช็อปของนักเรียนชั้นปีที่แปดในตอนหลังเลิกเรียน พวกเขาก็ได้เปิดตัวเครื่องจักรต้นแบบสองล้อไปแล้ว

ที่ล้อมอยู่คือ ซิลเลน อาคาชิ ซาร์กี้ และวิศวกรมากกว่าสิบคน ส่วนนั่นคือสิ่งที่ซาร์กี้พูดไว้เมื่อวานอย่างแน่นอน

 

เข้าใจล่ะ……ลักษณะคล้ายกับเรือแข่งขันที่มีล้อติดทั้งหน้าและหลัง แทนที่จะนั่งบนเก้าอี้ คุณกลับนั่งคร่อมบนส่วนที่ดูเหมือนอานม้า

 

ส่วนส่งกำลังอยู่ใต้อานโดยตรง ดูเหมือนว่าจะเป็นการรวบรวมชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็กจำนวนมาก และอาจจะเกี่ยวกับที่เทศนาอากาชิเมื่อวานนี้ ที่ว่าแข็งแกร่งแต่ละเอียดอ่อน

ดูเหมือนว่ากลไกจะเป็นการใช้หมุนล้อหลัง ดูเบาและเล็กกว่ารถต้นแบบสามล้อ ดังนั้นจึงน่าจะวิ่งได้เร็วกว่า

 

“ก่อนอื่นเลย นี่เป็นเพียงเครื่องจักรต้นแบบที่ประกอบขึ้นมาจากของเหลือ จึงยังจำเป็นต้องลองขับ และปรับปรุงไปด้วย จำเป็นต้องลองขับ และปรับปรุงไปด้วย และค่อย ๆ ทำให้เข้าใกล้รูปร่างสมบูรณ์ให้มากขึ้นทีล่ะนิด

ตามทฤษฎีแล้ว เจ้าสิ่งนี้ควรจะวิ่งได้ แต่ข้ายังไม่ได้ลอง นี่เป็นโครงการที่พวกเธอนำเข้ามา”

 

โห้โห๊

 

“จ๊า งั้นลุยเลย”

 

“รอก๊อน”

 

อาคาชิหยุดฉันที่กำลังพยายามขึ้นขับเอาไว อะ? อะไรเหรอ? 

 

“ฉ๊านต้องไปก่อนซี๊ เพราะนี่คืองานของฉ๊านน๊า”

 

“……ใจจริงล่ะ?”

 

“ฉ๊านอยากจะขับ อยากจะเลี้ยวเยอะๆๆ”

 

เป็นคนซื่อสัตย์ดี แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะเป็นคนแรกที่จะได้ขับ!

 

“――แบบนี้สินะ?”

 

「「โอ๊ย!」」

 

ทันใดนั้นซิลเลนก็ขโมยโอกาสโดยใช้ประโยชน์จากช่องว่างระหว่างฉันกับอาคาชิที่ยังจ้องตากัน

เธอขึ้นคร่อม แล้วจับที่ด้ามจับแนวนอนที่ดูเหมือนแฮนด์ ก่อนหันไปถามซาร์กี้

 

“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยจริงไหม เมื่อวานเรายังไม่ได้ขับเลยน๊า”

 

“ผู้ที่มีพลังเวทมนตร์ควรอยู่บนเรือเดี่ยวเท่าน๊าน! นั่นไม่ใช่ของคุณภาพสูงแบบที่อดีตทหารจักรกลเก่ง ๆ จะขับด๊าย! ซิลซามะไม่ว่าจะเป็นทหารจักรกลหรือเรือเดี่ยวก็ขับได้ตามที่ต้องการแท้ ๆ!?」

 

“เป็นอะไรไปกันอาคาชิ……”

 

“จงไปใช้เรือเดี่ยวซะ ซิล นั่นคือคำสั่งของฉัน”

 

“แม้แต่เนีย……――ถ้าพูดขนาดนั้นก็ขอขับเลยแล้วกัน”

 

“”โอ๊ย!!””

 

ด้ง ด้ง

 

ส่วนส่งกำลังเริ่มสั่นสะเทือน ซิลเลน วางแผนที่ออกตัวทั้ง ๆ แบบนี้เลยงั้นเรอะ!

 

“ฮ่า! เพราะเราต้องทำตามความเอาแต่ใจของทั้งสองคนมาตลอดเลย! เราเจอเรื่องเลวร้ายมาพอแล้ว!」

 

ด้วยสีหน้าแห่งชัยชนะอย่างประหลาดบนใบหน้าของเธอ ซิลเลนก็ถ่ายทอดพลังเวทมนตร์ลงในเครื่องจักรต้นแบบสอง ――

 

 

ด้ง ซุๆๆๆๆๆๆ

 

 

ล้มรุนแรง

ไม่สิ การบอกว่าล้มนั้นเป็นการพูดที่น้อยเกินไป

 

มีเพียงเครื่องจักรต้นแบบสองล้อที่เร่งความเร็วขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ และซิลเลนก็ถูกเหวี่ยงออกไปด้วยความเร็วนั้น 

 

ท้ายที่สุด ฉันคิดว่าล้อหน้าของรถต้นแบบยกขึ้นจากพื้น แต่แล้วมันก็หมุนในแนวตั้ง แล้วก็วิ่งไปตามพื้นโดยไม่มีคนขับและล้มลง 

 

“อะー……เป็นผลจากการถ่ายพลังเวทย์ที่มากเกินไปหรือเปล่า”

 

“หากมีพลังเวทมนตร์ที่มากเกินไป จะกลายเป็นขับยากแทนงั้นสินะ?」

 

“แต่เดิม กับทหารจักรกลก็เหมือนกับการเคลื่อนไหววัตถุที่หนักมาก ๆ เราควรเพิ่มขีดจำกัดแรงดันเวทมนตร์ลงในส่วนส่งกำลังจะดีกว่า หากต้องการเพิ่มความปลอดภัย

 

แม้ว่าเจ้าหญิงของประเทศจะพึ่งล้มลงอย่างรุนแรง แต่ซาร์กี้และวิศวกรคนอื่น ๆ ก็มองแต่ตัวต้นแบบที่แล่นไปข้างหน้าเท่านั้น

ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น และไปเข้าร่วมกับกลุ่มที่กำลังช่วยกันเก็บต้นแบบ โดยเพิกเฉยต่อซิลเลนที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นด้วยความงุนงง

 

“ยั๊ยยั๊ย! นับเป็นการขับที่ย๊อดเยี่ยมมากสำหรับอดีตทหารจักรกลมือหนึ่งเลยนะค๊า!? ตอนนี้ความประทับจ๊ายเป็นยังง๊ายเหรอค๊า? เน๊เน๊คิดยังง๊ายเหรอค๊า? ตอนนี้คุณรู้สึกอย๊างร๊าย?」

 

“วะ ว่ายังไงนะ อาคาชิ……!”

 

โจมตีอย่างได้ใจไม่ได้น๊า โจมตีอย่างได้ใจน่ะ

 

……ฉันดีใจที่เธอลองขับก่อน ตอนที่มันหมุนในแนวตั้งนั้น น่ากลัวมาก

 

 

 

แม้จะมีฉากที่หาได้อย่างยากยิ่งอย่างการที่ซิลเลนล้มเหลว แต่การทดลองขับเครื่องจักรต้นแบบสองล้อก็สำเร็จไปด้วยดี 

 

“นั่นคือที่ฉันจะใช้”

 

พูดตามตรง มันน่าทึ่งมาก

 

ฉันพอใจกับบางแง่มุมของรถต้นแบบสามล้อเมื่อวานนี้ แต่เจ้านี้ดีกว่านั้นสองเท่า 

สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือความรู้สึกในการเลี้ยวรถด้วยการเอียงไปด้านข้าง น่าแปลกใจที่มันไม่ล้มถึงแม้จะเอียงไปมากก็ตาม 

 

ฉันอยากจะลองทะยานออกไปนอกเมืองพร้อมกับเจ้าสิ่งนั้นในสักวันหนึ่ง

อันที่จริง ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะใช้มันเพื่อเข้าถึงแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงที่ฉันจะไปเยี่ยมในสักวันหนึ่ง

 

“นั่นน่ะ คุณสามารถสร้างขึ้นมาได้อีกไหมคะ? ฉันจะจ่ายค่าพัฒนาให้ รวมถึงต้นแบบนั้นด้วย”

 

เมื่อซาร์กี้ซึ่งกำลังดูเครื่องจักรต้นแบบสองล้อที่วิศวกรขี่อยู่เสร็จ ฉันก็เข้าไปหาเขาเพื่อขอตกลงทางธุรกิจ――

 

“ไม่ได้หรอ”

 

เขาส่ายหัว

 

“นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ข้าสร้างสนุกเท่านั้น เหมือนกับการพักหายใจ แต่ต่อให้อยากจะพัฒนาอย่างจริงจัง ข้าก็ไม่มีเวลาพออยู่ดี และอีกอย่าง ข้าไม่มีทักษะพอด้วย ถึงจะน่าหงุดหงิดอยู่บ้างแต่พวกข้าก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่าพวกข้ายังอยู่แค่ในระดับนักเรียนเท่านั้น ที่สำคัญที่นี่ไม่มีอุปกรณ์สำหรับสิ่งนั้น

ดังนั้น หากเจ้าจริงจังที่อยากจะสร้างขึ้นมาจริง ๆ ควรไปจ้างผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า ยิ่งหากมีเรื่องของเงินเข้ามาเกี่ยวข้องยิ่งแล้วใหญ่”

 

งั้นเหรอ……น่าเสียดาย

 

“แต่ก็เป็นความคิดของคุณจริงไหมคะ?”

 

“ไม่ต้องกังวลไป วิศวกรคนไหนก็คิดไอเดียแบบนั้นได้ สนุกมากล่ะ”

 

“งั้นเหรอ วางแผนที่จะถอยออกไปจริง ๆ สินะ

 

“จ๊า ถ้าอย่างงั้นอย่างน้อยก็ช่วยบอกชื่อให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ? ท้ายที่สุดยังไงซะก็เป็นความคิดของคุณ”

 

“ชื่อ? ชื่อสินะ……นั่นสิน๊า……มันเป็นม้าที่ขับเคลื่อนโดยพลังของทหารจักรกล งั้นถ้าเรียกว่า『ม้าจักรกล(คิบะ)』ก็ได้จริงไหม?」

 

คิบะ

ม้าจักรกล

 

“เข้าใจแล้วค่ะ จ๊า ตามรูปทรงของเครื่องต้นแบบสองล้อนั่นตัดสินใจให้ชื่อว่า คิบะ ค่ะ”

 

ไม่รู้ว่าจะโด่งดังได้ขนาดไหน  แต่อย่างน้อยฉันก็อยากจะขับมันต่อ

 

“อาโน เนียจ๊าง งานของพวกเด็ก ๆ……”

 

“อะっ!”

 

ฉันนึกขี้นได้เมื่ออาคาชิบอกฉัน ฉันอดไม่ได้ที่จะต่อว่าตัวเองที่รู้สึกหมกมุ่นเรื่องของตัวเองขนาดนั้น

 

“เรามาพัฒนาไปพร้อมกับสามล้อกันเลยเถอะ เอาให้มีรูปร่างและขนาดที่ดีกว่าเดิม”

 

“ช๊ายแล้วเน๊ จ๊า ฉ๊านจะมองหาเวิร์คช็อปในท้องถิ่นที่ดูช๊ายด๊ายเอง”

 

 

 

มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่าเรือเดี่ยว ใช้งานง่ายกว่า ใช้วัสดุน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเรือเดี่ยว หินเวทมนตร์ที่เป็นเชื้อเพลิงก็ใช้ได้นานกว่า และเหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่คนที่มีพลังเวทมนตร์น้อยก็ยังสามารถขับได้

 

แม้ว่าจะสามารถใช้งานได้เพียงบนบกเท่านั้น แต่คิบะก็ก็มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะวิ่งในเมือง และจากที่นี่ในมาเวเลีย มันจะแพร่กระจายไปทั่วโลก

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ