ตอนที่ 171 เรียกพบด่วน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 171 เรียกพบด่วน
เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อลังเล เซียวหรงเหยี่ยนจึงกล่าวเสริม “มิต้องกังวล ของว่างทำมาจากน้ำมันพืชขอรับ”

รู้ว่าตระกูลไป๋กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ชายหนุ่มจึงกล่าวเสริมขึ้นมาอีกประโยค

ไป๋จิ่นจื้อที่กำลังจะปฏิเสธก็ต้องกลืนคำนั้นลงไปอีกครั้ง อย่างไรภายภาคหน้าเซียวหรงเหยี่ยนก็ต้องกลายมาเป็นพี่เขยของตนอยู่ดี ไม่ทานของของที่เขยก็เสียดายแย่

ไป๋จิ่นจื้อรับกล่องอาหารมาอย่างไม่เกรงใจ เดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเซียวหรงเหยี่ยนพลางลอบเปิดดูกล่องอาหาร “พายดอกเหมย! ขอบพระคุณเซียวเซียนเซิงมากเจ้าค่ะ!”

ไป๋จิ่นจื้อหยิบขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น ดวงตาเป็นประกาย “นี่มันฝีมือของวังหลวงนี่นา เพิ่งออกจากเตาร้อนๆ ด้วย องค์รัชทายาทพาพ่อครัวหลวงมาด้วยหรือเจ้าคะ”

เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มน้อยๆ

ไป๋จิ่นจื้อไม่ค่อยพอใจกับการกระทำขององค์รัชทายาทสักเท่าใด คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยื่นเหล้าในมือของตัวเองให้เซียวหรงเหยี่ยน “รับของมาแล้วก็ต้องตอบแทน ข้าขอมอบเหล้าที่เพิ่งซื้อมาไหนี้ให้เซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ”

องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเซียวหรงเหยี่ยนรีบรับไว้

“ขอบคุณคุณหนูสี่ขอรับ!” น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนนุ่มนวล รื่นหูมาก

ไป๋จิ่นจื้อมองไปทางองครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง ขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มพลางกล่าวเสียงเบา “เซียวเซียนเซิง พี่หญิงใหญ่ของข้าไม่ชอบทานของหวาน ท่านจำไว้ให้ดีนะเจ้าคะ!”

เซียวหรงเหยี่ยนมองไป๋จิ่นจื้ออย่างอึ้งๆ ทว่า ไป๋จิ่นจื้อกลับกะพริบตาให้เขาอย่างหยอกล้อ ราวกับจะสื่อว่านางรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว จากนั้นวิ่งจากไปพร้อมกับกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว

เซียวหรงเหยี่ยนชะงักฝีเท้า มองไปทางร่างที่วิ่งจากไปไกลของไป๋จิ่นจื้อ ครู่หนึ่งจึงได้สติ เม้มปากก้มหน้าหัวเราะออกมาเบาๆ

องครักษ์ที่เดินตามหลังเซียวหรงเหยี่ยนประหลาดใจเล็กน้อย มองไปยังทางที่ไป๋จิ่นจื้อหายลับไปแล้วหรี่ตาลง รู้สึกตะลึง ที่แท้เจ้านายของเขาชอบสตรีที่ร่าเริง ซุกซนอย่างคุณหนูสี่ตระกูลไป๋นี่เอง! มิน่าเจ้านายของเขาจึงไม่ยอมใกล้ชิดกับสาวงามอันดับหนึ่งที่มีดีทั้งหน้าตาและความรู้ของแคว้นต้าเยี่ยนแม้แต่น้อย!

องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนถือเหล้าเดินไปด้านหน้าก้าวหนึ่งพลางเอ่ยถาม “นายท่าน ในเมื่ออำลาองค์รัชทายาทแล้ว พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางเพลาใดขอรับ”

“เดินทางทันทีที่ประตูเมืองเปิด สั่งให้คนเตรียมทุกอย่างให้พร้อมในคืนนี้!” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว

องค์รัชทายาทบอกกับจวิ้นโส่วเมืองหวั่นผิงเอาไว้แล้ว พรุ่งนี้เซียวหรงเหยี่ยนออกเดินทางจะไม่โดนขัดขวางแน่นอน การเดินทางในครั้งนี้รวดเร็วกว่าที่เซียวหรงเหยี่ยนคาดการณ์ไว้มากนัก เพื่อความปลอดภัย ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางอ้อมเมืองผิงหยางกลับไปยังแคว้นต้าเยี่ยน หวังว่าจะกลับไปทันช่วยเหลือชาวบ้านเหล่านั้น

เมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้จะต้องจากไปแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงอยากกล่าวอำลาไป๋ชิงเหยียนก่อนจากไป

กลางดึก ไฟในห้องของไป๋ชิงเหยียนยังสว่างอยู่ หน้าต่างถูกเคาะเบาๆ ไป๋ชิงเหยียนเก็บแผนที่ที่วางอยู่บนโต๊ะ “ผู้ใด”

“ข้าเอง”

ได้ยินเสียงฝีเท้าของเซียวหรงเหยี่ยนเดินไปทางประตู ไป๋ชิงเหยียนจึงถือโคมไฟเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู เปิดประตูออก

เซียวหรงเหยี่ยนเดินมาถึงหน้าประตูพอดี เขานึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดินมาเปิดประตูรวดเร็วเช่นนี้ ทั้งสองคนจึงอยู่ใกล้ชิดกันมาก

“คุณหนูใหญ่ไป๋” เซียวหรงเหยี่ยนก้มศีรษะทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ก้าวข้ามธรณีประตูออกไป เพียงแค่เอ่ยถาม “เซียวเซียนเซิงมากลางดึกเช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือไม่เจ้าคะ”

เปลวไฟจากตะเกียงน้ำมันแกว่งสะบัดอย่างรุนแรงเพราะลมจากด้านนอก แสงไฟริบหรี่ส่องสะท้อนร่างของคนสองคน คงเป็นเพราะลมแรงจนเกินไป เปลวไฟในตะเกียงจึงดับลง เหลือเพียงแสงสว่างของดวงจันทร์ส่องกระทบบนใบหน้ารูปงามสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มเท่านั้น

“หลังจากที่ท่านจากไปแล้ว องค์รัชทายาทเรียกพบที่ปรึกษาทั้งสามคนเพื่อหารือเรื่องนี้ ฉินเซียนเซิงผู้นั้นพยายามเกลี้ยกล่อมให้องค์รัชทายาทส่งกองกำลังออกไปในคืนนี้ ทว่า ที่ปรึกษาอีกสองท่านรู้สึกว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าของคุณหนูใหญ่เท่านั้น ไม่น่าเชื่อถือมากพอ! ฉินเซียนเซิงเถียงไม่ชนะ สุดท้ายจึงได้แต่แนะนำให้องค์รัชทายาทส่งทหารลาดตระเวนไปที่ยอดเขาจิ่วชวีก่อนเพื่อสืบดูว่าตรงทางออกของหุบเขามีทหารดักซุ่มอยู่จริงหรือไม่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนรู้ความสามารถของฉินซ่างจื้อดี ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดที่เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้องค์รัชทายาทส่งกำลังทหารไปเตรียมพร้อม ทว่า ไป๋ชิงเหยียนยิ่งไม่แปลกใจที่องค์รัชทายาทไม่ฟังคำแนะนำของฉินซ่างจื้อ

ชาติที่แล้ว ฉินซ่างจื้อก็อยู่ภายใต้คำสั่งขององค์รัชทายาทเช่นนี้ เขาไม่เคยได้แสดงความสามารถและสติปัญญาของตนเองอย่างเต็มที่

เซียวหรงเหยี่ยนเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่กล่าวสิ่งใด สายตาล้ำลึกมั่นคงของชายหนุ่มจ้องไปยังใบหน้าขาวนวลงดงามของหญิงสาว จากนั้นเลื่อนไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก มองจ้องไปยังดวงตาของนาง “พรุ่งนี้ ข้าจะจากไปแล้ว…”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มหนักแน่นและมั่นคง ทำให้จิตใจของคนสั่นไหวได้อย่างง่ายดาย

ประสานสายตากับชายหนุ่ม ไป๋ชิงเหยียนใจสั่นเล็กน้อย กำตะเกียงนำมันที่ถืออยู่ในมือแน่น “ขอให้เซียวเซียนเซิงเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”

ความเงียบอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่

อาจเป็นเพราะแสงยามค่ำคืนงดงามเกินไป ยิ่งเมื่อเห็นใบหูของหญิงสาวแดงเรื่อ เซียวหรงเหยี่ยนที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีมาโดยตลอด บัดนี้ความรู้สึกของเขาพลุ่งพล่านจนยากจะควบคุม ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้น

เซียวหรงเหยี่ยนไม่ใช่คนที่เก็บความรู้สึกของตัวเองไม่อยู่ ทว่า เมื่อนึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนส่งจดหมายมาเตือนเขาก่อนถึงงานเลี้ยงในวังหลวง นึกถึงเรื่องที่นางรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาแต่ไม่เปิดโปง

ในงานเลี้ยง เมื่อเห็นเขาเดินจากไป นางมีทีท่าเป็นกังวล เมื่อเขาเดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยงอย่างปลอดภัย นางกลับคลายความกังวลลง

การเดินทางไปหนานเจียงในครั้งนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาต้องการหลอกใช้นางส่งข่าวให้องค์รัชทายาท หวังร่วมเดินทางไปกับกองทัพโดยมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง ทว่า นางก็ยังยอมเป็นคนส่งข่าวให้องค์รัชทายาท

เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ผุดขึ้นในสมองของเซียวหรงเหยี่ยนซ้ำไปซ้ำมา เซียวหรงเหยี่ยนผู้ฉลาดล้ำสัมผัสได้ว่าไป๋ชิงเหยียนใส่ใจในตัวเขามากเกินปกติ

หากตัดเรื่องฐานะของคนทั้งสองออก กล่าวแค่เรื่องของชายหญิง ไป๋ชิงเหยียนสนใจเขามากเกินไปเช่นนี้ เป็นเพราะนางเริ่มมีใจให้เขาใช่หรือไม่

เพราะในใจเริ่มรู้สึกเช่นนี้ ดังนั้นการกระทำของเซียวหรงเหยี่ยนจึงเหมือนเป็นการลอบหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง

กลิ่นอายของบุรุษใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มบดบังแสงของดวงจันทร์ กักร่างของไป๋ชิงเหยียนให้อยู่ภายใต้เงาของร่างสูงโปร่ง

เซียวหรงเหยี่ยนขยับเข้าไปใกล้อีกครึ่งก้าว ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น ลมหายใจอุ่นเป่ารดหน้าผากของหญิงสาว นางกระชับมือที่ถือตะเกียงแน่นขึ้น ขนตาสั่นไหวน้อยๆ ใจเต้นรัวขึ้นมาอย่างรุนแรง

เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้ามองสีหน้าของหญิงสาวนิ่ง ไม่ได้ทำสิ่งใดต่อ เพียงแค่มองหญิงสาวอย่างค้นหา

ไป๋ชิงเหยียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย ลำคอเหมือนมีสิ่งใดอุดอยู่จนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ เพราะนางรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในดวงตาโดยที่ไม่ได้กล่าวออกมาของเซียวหรงเหยี่ยนคือสิ่งใด

ทว่า ฐานะของพวกนางทั้งสองคนแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ตระกูลไป๋ยังไม่รอดพ้นจากอันตราย นางไม่มีเวลานึกถึงความรักระหว่างชายหนุ่ม

นางเคยสาบานไว้แล้วว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อปกป้องคนในตระกูลไป๋ให้ปลอดภัย มีชีวิตอยู่เพื่อสืบต่อปณิธานของท่านปู่

“เซียวเซียนเซิงรีบกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ดวงตาเป็นประกายร้อนแรงพร้อมแผดเผาของเซียวหรงเหยี่ยนสงบลง ครู่หนึ่งชายหนุ่มจึงถอยหลังไปครึ่งก้าว กิริยายังคงอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเดิม เขากล่าวยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่ไป๋ก็รีบพักผ่อนเถิด ลาก่อนขอรับ”

เซียวหรงเหยี่ยนหมุนตัวกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันที อดยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้

ใกล้ผ่านพ้นยามอิ๋น[1] ทหารลาดตระเวนขี่ม้าเร็วเข้ามาในเมือง ตรงไปยังจวนที่ว่าการ

ไป๋ชิงเหยียนฝึกซ้อมยิงธนูในสนามฝึกดังเช่นเคย ไม่มีลดหย่อนแต่อย่างใด

ไม่นาน ไฟในจวนที่ว่าการก็สว่างขึ้น องค์รัชทายาทเปลี่ยนเครื่องแต่งกายพลางสั่งให้คนไปตามแม่ทัพทุกคนมาหารือ

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อยิงธนูดอกสุดท้ายเสร็จ ก็มีทหารมาเรียกนางพอดี “คุณชายไป๋ องค์รัชทายาทเรียกพบด่วนขอรับ!”

เซียวรั่วไห่ที่มีเสื้อคลุมพาดอยู่ที่แขนตื่นเต้นในทันที รู้ดีว่าเวลาที่ไป๋ชิงเหยียนรอคอยที่จะได้พบกับกองทัพไป๋มาถึงแล้ว ชายหนุ่มยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน “คุณชาย!”

———————————————

[1] ยามอิ๋น เวลาช่วง 03.00 – 05.00 นาฬิกา