บทที่ 284 มันเป็นไปไม่ได้

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 284 มันเป็นไปไม่ได้

บทที่ 284 มันเป็นไปไม่ได้

เหตุการณ์ต่อไปเป็นสิ่งที่ทำให้ฝูงชนตกใจ ฉู่เหินพาคนแคระ 6 คนออกจากตลาดทาส เมื่อเจ้าของทาสเห็นฉู่เหินออกไปแล้วเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นทุกคนก็มองฉู่เหินที่เดินออกไปอย่างชื่นชม

“ผู้ชายคนนั้นสุดยอดเลย เขาช่วยคนแคระอย่างใจจริง ทำให้คนแคระประทับใจในตัวเขาแบบนี้ครอบครัวคนแคระนั่นก็จะซื่อสัตย์กับเขาด้วย” ผู้คนจ้องมองไปที่ฉู่เหินและรู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมตัวเองไม่คิดวิธีแบบนี้ได้บ้าง

หลังจากออกจากที่นี่ฉู่เหินก็หมดความตั้งใจที่จะเดินเล่นต่อ เขารู้สึกว่าแม้ดินแดนนี้จะสวยงาม แต่ก็ไม่ปลอยภัย มันง่ายมากที่จะฆ่าคนในที่แบบนี้เขาไม่อยากที่จะอยู่อีกต่อแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

“เธอจะซื้ออะไรไหม? ฉันไม่อยากไปไหนแล้วแต่ฉันจะไปเดินเป็นเพื่อนเธอ แล้วค่อยกลับ” ฉู่เหินพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ซื้อผ้าสักชิ้น กลับไปฉันจะฝึกทำเสื้อผ้า” เดิมทีเจียฉิวฉิวไม่อยากซื้ออะไรแต่พอคิดว่าออกมาข้างนอกแล้วไม่ได้ซื้ออะไรมันก็ดูแปลก ๆ แบบนี้ฉู่เหินก็จะไม่สงสัยอะไรด้วย

“โอเค ฉันก็ว่าจะซื้อผ้าเหมือนกันกลับไปจะทำเสื้อผ้าให้พวกเขาสักหน่อย” จากนั้นทั้งสองก็เดินไปที่ร้านขายผ้าพร้อมกับคนแคระ

ร้านขายผ้าแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรต้าเซียทั้งหมด มันมีทุดเฉดสีที่จะสามารถมีได้ แต่ราคาที่นี่ก็ค่อนข้างแพง แม้แต่เจียฉิวฉิวที่ร่ำรวยเงินทางหลังจากเข้าร้านนี้เธอก็ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา

แม้เธอจะรวยแต่เธอเองคิดว่ามันไม่คุ้มที่จะซื้อซื้อผ้าสักชิ้นที่นี่ แต่ฉู่เหินไม่สนใจกับหน้านิ่วคิ้วขมวดของอีกฝ่าย เขาเลือกหยิบผ้าสีชมพูอ่อน ๆ ซึ่งกลั่นมาจากหัวใจต้นไม้ที่เรียกว่า ต้นเบิร์ชสีขาว และสีของผ้านี้รวมถึงลวดลายบนผ้าเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ

เสื้อผ้าที่ทำด้วยผ้านี้ไม่เพียงแต่จะใส่แล้วร่างกายสบาย แต่จะมีออร่าอันสง่างามเป็นพิเศษปรากฏด้วย! ต่อมาฉู่เหินก็เลือกผ้าสีชมพูอ่อนที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งทำจากวัสดุธรรมชาติเช่นกัน ผ้าสองผืนรวมกันมีราคามากกว่า 13,000 เหรียญดาว

แต่ฉู่เหินไม่สนใจและถือผ้าทั้งสองไว้ และเดินมาหาเจียฉิวฉิว “ฉันคิดว่าผ้าทั้งสองแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับเธอนะ ลองดูสิ เดี๋ยวฉันซื้อให้”

หลังจากเจียฉิวฉิวเหลือบมอง เธอก็รู้ว่าผ้าทั้งสองไม่ถูกเลยและเธอไม่สามารถจ่ายได้ด้วยเงินที่มีอยู่ปัจจุบัน

“ลืมไปเลย สองผืนนี้แพงเกินไป เอาแค่ผ้าธรรมดา ๆ สัก 2 ผืนก็พอ” เจียฉิวฉิวจ้องมองที่ราคาบนผ้าและอายเล็กน้อย

“ราคาไม่ใช่ปัญหาหรอกน่า” หลังจากนั้นฉู่เหินก็ให้พนักงานห่อผ้าทั้งสอง และเขาก็เลือกผ้าชนิดอื่นต่อ ดูเหมือนเขาจะเลือกได้มากกว่า 20 ชิ้นแล้ว

“ช่างมันได้ไง มันแพงมากเลยนะ” เจียฉิวฉิวทนไม่ไหวแล้ว เธอรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป ใช้เงินน้อย ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง! แบบนี้มันต้องตักเตือนหน่อยแล้ว!

“ตอนนี้เธอไม่ควรคิดถึงจำนวนเงินที่เธอใช้ไปนะ สิ่งที่เธอควรคิดคือเสื้อผ้าแบบไหนที่เธอต้องการ” ฉู่เหินแค่ยิ้มและเมินต่อเสียงโวยวายของเธอ

บทสนทนาที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของทั้งสองผ่านไป เสื้อผ้าทั้งหมดก็อยู่ในแหวนมิติของเขา จากนั้นพวกเขาก็กลับไปยังที่พัก ระหว่างทางกลับฉู่เหินก็คิดออกแล้วว่าตัวเองต้องการทำเสื้อผ้าแบบไหน ต่างจากเจียฉิวฉิวที่ไม่รู้ว่าจะทำแบบไหนดี

ฉู่เหินคิดถึงชุดราตรี ถ้ารวมกับงานฝีมือของโลกนี้เสื้อผ้าที่ทำออกมาจะต้องสวยงามมากแน่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสาวงามเป็นผู้สวมใส่ เขาเชื่อว่าโอกาศชนะนั้นแทบจะเป็น 100% เลย

“ถ้าเธอคิดไม่ออก ฉันจะทำให้เอง ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องชอบแน่ ๆ” หลังจากได้ยินแบบนี้เจียฉิวฉิวก็ไม่คิดอะไรมาก เธอพยักหน้าและตกลง ในขณะเดียวกันใบหน้าของเธอก็มีความคาดหวังเล็ก ๆ เธออยากรู้ว่าเสื้อผ้าที่ฉู่เหินทำมันจะเป็นยังไง

หลังจากกลับมาที่ห้อง ฉู่เหินก็ปล่อยให้คนแคระไปพักผ่อนกันตามสบาย และเขาก็เริ่มจัดทำชุดราตรีสำหรับเจียฉิวฉิวและทำชุดสำหรับคนแคระแต่ละคน พอทำเสร็จถึงค่อยตัดเสื้อผ้าให้กับตัวเอง

ชุดทักซิโด้ของเขาชุดนี้เหมาะกับชุดราตรีมาก หากมีชายหญิงคู่หนึ่งใส่ออกไปข้างนอกพร้อมกัน เกรงว่าเมื่อใครเห็นก็ต้องรู้ว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน และเป็นคู่ที่เหมาะสมมากๆ!

การทำเสื้อผ้าของฉู่เหินกินเวลาไปทั้งบ่าย คนแคระคนหนึ่งจึงออกไปข้างนอกเพื่อดูการประกาศรายชื่อผลการทดสอบในตอนเช้าว่ามีชื่อเจ้านายของตนติดอยู่หรือไม่

เมื่อเขาเห็นว่ามีคนผ่านไม่ถึงพันคนและในนั้นมีชื่อเจ้านายของเขา เขาก็วิ่งกลับมาอย่างมีความสุข ไม่เพียงแต่ฉู่เหินเท่านั้นแม้แต่เจียฉิวฉิวเองก็ติดรายชื่อด้วยเหมือนกัน แถมทั้งคู่ติดอันดับที่สูงมาก! แม้จะไม่ใช่ 1 ใน 100 อันดับแรก แต่ก็อยู่ใน 200 อันดับแรก

ส่วนถังเย่เมื่อรู้ว่าอันดับของเขาไม่สูงเท่ากับทั้งสองก็รับไม่ได้ หลังจากกลับไปที่ห้องเขาก็เอาแต่ตะโกนด่าฟ้าดินอยู่เป็นเวลานานว่า ทำไม ๆ ๆ ๆ ตะโกนอยู่แบบนั้นจนเหนื่อย เขานั่งลงและพึมพำกับตัวเอง

“นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ”

แต่ไม่ว่าถังเย่จะไม่เชื่อยังไงความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเขาเป็นความภาคภูมิใจของอาณาจักรต้าฉี เขาไม่คิดว่าสองคนนั้นที่เขาดูถูกเหยียดหยามมาตลอดด้วยจะเป็นม้ามืดแบบนี้

ความตกใจของเจียฉิวฉิวนั้นไม่น้อยไปกว่าถังเย่ แม้เธอจะรู้สึกว่าฉู่เหินไม่ธรรมดา แต่เธอก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจถึงขนาดนี้ เธอรู้ว่าหากไม่มี

ฉู่เหินมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะผ่านรอบแรก

จนถึงค่ำ ผู้เป็นพ่อของกลุ่มคนแคระที่ชื่อว่า ปาเค่อ นามสกุลของคนแคระคือเอ๋าหลุน ปาเค่อเป็นเพียงชื่อของเขา เขาได้มามอบชุดราตรีให้กับ

เจียฉิวฉิว

เมื่อเจียฉิวฉิวได้รับชุดราตรีเธอก็ตกใจเพราะมันสวยมาก พอมองใกล้ ๆ เธอก็เห็นว่าชุดราตรีนี้เป็นงานของผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ หมายความว่าฉู่เหินเป็นปรมจารย์ตั่งแต่อายุยังน้อย สิ่งนี้ทำให้เธอใจเต้นแรง

เธอนอนไม่หลับสนิททั้งคืน แต่โชคดีที่เธอไม่มีรอยคล้ำใต้ตา หลังจากตื่นเช้ามาเธอก็ใส่ชุดราตรีทันที เมื่อเธอออกไปข้างนอกเธอก็เห็นชุดทักซิโด้ที่ฉู่เหินสวมใส่ ทำให้เธอทึ่งยิ่งกว่าเดิม

ทั้งสองเดินทางโดยมี บัคซี่และกู่อี๋น้องชายของเขาที่เป็นคนแคราะ ทั้งสองช่วยถือชายกระโปงยาวของเจียฉิวฉิว เพราะหากชุดลากพื้นไปมันคงเป็นความอัปยศสำหรับชุดนี้แน่ เมื่อพวกเขาเดินไปตามถนน ผู้คนนับไม่ถ้วนที่เดินผ่านไปต่างก็ต้องมองย้อนกลับมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ฉู่เหินให้เจียฉิวฉิวครองแขนของเขา ทำให้ทั้งคู่เป็นคู่ชายหญิงไร่คู่เปรียบ แน่นอนที่สะดุดตาที่สุดคือเสื้อผ้าที่ทั้งสองสวมใส่นั้นเอง!

แม้แต่จิตรกรบางคนก็อาสาวาดรูปให้ขณะที่ทั้งสองกำลังเดิน ซึ่งจริง ๆ แล้วฉู่เหินก็ไม่ได้อยากจะให้ตัวเองเป็นจุดเด่นมากขนาดนี้เลย