ตอนที่ 203 ยื่นมือเข้าช่วย

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 203 ยื่นมือเข้าช่วย

ฟางจั๋วหรานมากินข้าวในตอนเที่ยง เขานำข่าวดีมาบอกหลินม่ายว่าโรงเรียนมัธยมในสังกัดมหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้ตกลงรับเธอแล้ว

หลังอาหารกลางวัน หลินม่ายตามเขาไปที่โรงเรียนมัธยมในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้ เพื่อผ่านขั้นตอนการรับเข้าเรียน

ขั้นตอนการรับเข้าไม่ซับซ้อน ดังนั้นจึงเสร็จเร็วมาก

หลินม่ายกล่าวขอบคุณ แล้วคิดจะกลับไปพร้อมกับฟางจั๋วหราน

หัวหน้าฝ่ายบริการการศึกษากลับเรียกเธอไว้ “ถึงเธอจะไม่ได้เรียนที่โรงเรียน แต่เราก็ยังจัดชั้นเรียนให้เธอ เธอไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วกล่าวทักทายกับเขาสักหน่อยนะ”

หลินม่ายได้พบกับอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างราบรื่น

อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบเศษ นามสกุลเหวย เขาใจดีมาก เขาพาหลินม่ายไปที่ห้องเรียนและพบกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ

เขาส่งข้อสอบจำนวนมากให้เธอ และขอให้เธอทำตามแผนทุกวันแล้วส่งมาที่โรงเรียนเพื่อตรวจข้อสอบ จากนั้นจึงปล่อยเธอไป

หลินม่ายเพิ่งเดินออกจากห้องทำงาน อาจารย์เหวยก็เรียกเธออีกครั้ง “ฉันลืมบอกเธอว่า ถึงไม่ต้องมาโรงเรียน แต่เธอต้องมาเข้าร่วมการทดลองสอบและสอบประจำทุกเดือน”

หลินม่ายกล่าวอำลาและออกจากโรงเรียนโดยถือเอกสารการทดสอบเหล่านั้น

เมื่อเดินผ่านแผงหนังสือก็นึกถึงทัศนคติของฟางฟางที่มีต่อเพื่อนสาวของหล่อนเมื่อคืนนี้ จึงเดาว่าลุงของหล่อนอาจถูกลงโทษ

ดังนั้นเธอจึงซื้อหนังสือพิมพ์ประจำวัน และดูว่าจะมีบทความของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่

เมื่อกลับถึงบ้าน หลินม่ายก็ขึ้นไปชั้นบน วางกองข้อสอบหนาๆลง แล้วพลิกหน้าหนังสือพิมพ์

ครั้งนี้เธอไม่ผิดหวัง ในที่สุดหนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์บทความของเธอเกี่ยวกับโต้วหย่ง

กระแสโจมตีอย่างรุนแรงจากหนังสือพิมพ์ก็พ่วงมาด้วย

หลินม่ายรู้สึกสบายใจ บทความได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ และในที่สุดโต้วหย่งก็ถูกจัดการ

ไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกหรือเปล่า

หลินม่ายสวมหมวกกันแดดและไปหาทีมบังคับใช้กฎหมายที่โต้วหย่งเคยทำงานมาก่อน หลังจากสอบถามเกี่ยวกับเขาก็ได้ยินว่าเขาถูกไล่ออก จากนั้นก็กลับไปที่ร้านอาหารด้วยความพึงพอใจ

โจวฉายอวิ๋นยื่นธนาณัติให้เธอ “เมื่อครู่นี้เพื่อนจากที่ทำการไปรษณีย์มอบสิ่งนี้ให้ฉัน และขอให้ฉันส่งต่อให้เธอโดยบอกว่าสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อถอนเงินได้ กระดาษชิ้นนี้สามารถแลกเป็นเงินได้ด้วยเหรอ?”

หล่อนมองไปที่หลินม่ายอย่างสงสัย

หลินม่ายมองไปที่ธนาณัติ มันเป็นใบนำส่งเงินจากหนังสือพิมพ์ที่เธอส่งเรียงความ “ได้สิ ฉันจะไปที่ที่ทำการไปรษณีย์เพื่อรับเงินด้วยกระดาษใบนี้”

โจวฉายอวิ๋นอยากรู้อยากเห็นมาก และไปที่ที่ทำการไปรษณีย์กับเธอ รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นว่าเธอใช้ธนาณัติเพื่อถอนเงินจริงๆ

ระหว่างทางกลับหลินม่ายอธิบายให้หล่อนฟังตลอดทาง และในที่สุดโจวฉายอวิ๋นก็เข้าใจว่าทำไมธนาณัติจึงสามารถใช้ถอนเงินได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์

หล่อนมองหลินม่ายด้วยดวงตาเป็นประกาย “ในเมื่อการเขียนเรียงความเล็กๆ นั่นให้ผลตอบแทนมาก ถ้าเธอเขียนหนึ่งเรื่องทุกวัน เธอก็จะมีรายได้อีกทางหนึ่งนะ”

หลินม่ายกลอกตา “เธอโลภมากกว่าฉันอีกนะเนี่ย”

เมื่อกลับถึงบ้าน หลินม่ายก็เริ่มทำข้อสอบที่นำกลับมาจากโรงเรียน

เมื่อคุณยุ่ง เวลามักจะผ่านไปไวเสมอ

พริบตาเดียวก็ถึงเวลาตั้งร้าน

ครั้นหลินม่าย หลี่หมิงเฉิงและอาหวงมาถึงถนนฮั่นเจิ้ง เสี่ยวหม่านก็มาถึงแล้ว

เมื่อเห็นพวกเขา หล่อนจึงรีบวิ่งไปช่วยพวกเขาตั้งร้านทันที

กิจการในคืนนี้ยังคงเฟื่องฟู ไม่ถึงสามทุ่ม เสื้อผ้าที่นำมาทั้งหมดสามร้อยชิ้นก็ถูกขายหมด

หลินม่ายทักทายเสี่ยวหม่าน ก่อนจะเดินไปพร้อมกับหลี่หมิงเฉิงและอาหวง

ขณะที่ก้าวขึ้นรถสามล้อหลี่หมิงเฉิงพูดกับหลินม่ายอย่างมีความสุขว่า “วันนี้ไม่เลวเลย ค้าขายอย่างปลอดภัย ไม่เจอหัวขโมยหรือลูกค้าเจ้าเล่ห์”

แน่นอนว่าไม่ควรพูดถึงคนในตอนกลางวันและไม่พูดถึงผีในตอนกลางคืน

ทันทีที่หลี่หมิงเฉิงพูดว่า “ปลอดภัย” เขาก็ไม่ปลอดภัยในทันที

รถสามล้อหลายคันมุ่งตรงมาที่พวกเขา

หัวใจของหลี่หมิงเฉิงตกไปที่ตาตุ่ม และพูดอย่างเคร่งขรึม “รถสามล้อพวกนี้จะไม่มาทางเราใช่ไหม”

“ถ้ามันไม่ได้พุ่งมาที่พวกเรา แล้วนายคิดว่าพุ่งไปที่ใครล่ะ? หันกลับมา!” หลินม่ายสั่งการโดยพลัน

แต่ก่อนที่หลี่หมิงเฉิงจะหันกลับมา เขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างหลังเขา

หลินม่ายหันกลับไปมอง จึงพบว่ารถสามล้อหลายคันขับตามหลังเธอมา

ในเวลาเพียงหนึ่งนาที รถสามล้อทั้งหมดหกคันก็ล้อมรอบรถสามล้อของหลินม่าย

คนสัญจรผ่านไปมาไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ เมื่อเห็นว่าพวกเขาจะมีเรื่องก็พากันหลบเพราะกลัวจะได้รับอันตราย

รอบๆหลินม่ายและหลี่หมิงเฉิงไม่มีแม้แต่ผีในรัศมีห้าเมตร

ห่างออกไปห้าเมตร มีคนมุงดูสองสามคนกำลังดูความตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายเหมือนหลอดไฟเพื่อรอการแสดงเริ่ม

เห็นได้ชัดว่าหลี่หมิงเฉิงรู้สึกลนลานและถามหลินม่าย “ตอนนี้จะทำยังไงกันดี”

จะทำอะไรได้อีกล่ะนอกจากรอดูสถานการณ์?

ลงจากรถแล้วหนี?

เขาขี่สามล้อแป๊ปเดียวก็ตามทัน

ในบรรดาพวกอันธพาลที่ล้อมรอบพวกเธอ ชายคนหนึ่งซึ่งมีผิวสีดำเป็นมันเงาใต้โคมไฟถนนได้มองลงมาที่พวกเธอ

“ต่อให้พวกแกมีปีกก็หนีไม่ได้ เอาเงินออกมาให้หมด อย่าให้พวกเราลงมือ ไม่งั้นจะเดือดร้อน”

หลินม่ายต่อรองกับเขาอย่างกล้าหาญ “พี่ชาย มันไม่ง่ายเลยที่เราจะหาเงิน ฉันจะให้หนึ่งในสามของเงินที่ฉันได้รับคืนนี้ คุณว่าดีไหมคะ?”

ชายผิวคล้ำโบกปัดด้วยความโกรธ “ไม่ดี! ถ้าขาดไปแม้แต่ส่วนเดียว เธอได้เห็นดีแน่!”

หลินม่ายกัดริมฝีปากของเธอ วางเงินทั้งหมดลง ก่อนปล่อยให้สุนัขมันกัด

ให้อาหวงขวางไว้ก่อน ส่วนเธอและหลี่หมิงเฉิงก็ฝ่าวงล้อมออกไป

ทันใดนั้นเสียงที่มาจากด้านหลังก็ทำให้เธอสบายใจ “ถ้าแกกล้าทำอะไรพวกเขา เราได้เห็นดีกันแน่!”

หลินม่ายหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ และเห็นเฉินเฟิงเดินไปพร้อมกับลูกน้องสองสามคนด้วยท่าทางสบายๆ

เฉินเฟิงมองเธอเป็นความหมายว่า “อย่ากังวล ทุกเรื่องอยู่ในสายตาฉัน” ก่อนเดินไปที่รถสามล้อของเธอ นำเธอ หลี่หมิงเฉิง และอาหวงมาอยู่ข้างหลังเขา

ชายหนุ่มผิวคล้ำรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “พี่เฟิง เราเก็บน้ำไว้ในบ่อเสมอ มันไม่ดีที่พี่จะมาตัดเงินผมแบบนี้”

“นั่นขึ้นอยู่กับว่าแกกำลังปล้นใคร”

เฉินเฟิงยกนิ้วโป้งขึ้นและชี้ไปข้างหลังโดยไม่หันกลับมามอง “ต่อจากนี้ไปหล่อนเป็นน้องสาวของฉัน ถ้าใครกล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมของหล่อน ก็ถือว่ามีปัญหากับฉันด้วย!”

ชายหนุ่มผิวคล้ำจ้องมองเขาสองสามนาทีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง โบกมือแล้วพาลูกน้องถอยไป

หลินม่ายรีบขอบคุณเฉินเฟิง “ขอบคุณมากค่ะพี่เฟิง!”

เฉินเฟิงพูดอย่างลำพอง “ยินดี ในอนาคตถ้ามีใครมาทำร้ายคุณอีก คุณอ้างชื่อของผมไปได้เลย”

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็พูดเสริม “ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็เอาเงินให้เขาก่อน แล้วผมจะช่วยให้คุณได้คืนในภายหลัง ไม่ต้องสู้กันตัวต่อตัวแบบนี้หรอก”

หลินม่ายพยักหน้าซ้ำ ๆ

เฉินเฟิงไปส่งพวกเขาที่หน้าประตูร้านด้วยตนเอง

หลินม่ายคิดกับตัวเองว่า ถ้ามีใครช่วยเธอหลายๆครั้ง ก็ไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง ดังนั้นเธออาจจะตอบแทนเขาสักหน่อยในคืนนี้

เธอยิ้มและพูดกับเฉินเฟิง “ถ้าคุณไม่รังเกียจ คุณเข้ามากินอะไรสักหน่อยก่อนกลับสิ?”

เฉินเฟิงตกลงอย่างง่ายดายและนั่งลงที่โต๊ะพร้อมกับลูกน้องของเขา

หลินม่ายนำอาหารรสเลิศทุกชนิดในร้านมาให้ด้วยตนเอง จัดจนเต็มโต๊ะ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน

เธอรีบร้อนตรวจสอบยอดของกิจการคืนนี้

เมื่อเหลียนเฉียวเห็นว่าหลินม่ายไม่ได้นั่งอยู่ด้วย หล่อนก็รู้สึกดีขึ้นมาก

นายน้อยเฟิงสูงและหล่อ ผู้หญิงหลายกระโดดเข้าหาเมื่อเห็นเขา

เหลียนเฉียวกลัวว่าหลินม่ายจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน

เธอคือผู้ช่วยชีวิตนายน้อยเฟิง ถ้าเธอกระโดดเข้าหา เกรงว่านายน้อยเฟิงจะไม่ปฏิเสธ

โชคดีที่เธอมีสติสัมปชัญญะและไม่ได้ทำอย่างนั้น

โจวฉายอวิ๋นมองเฉินเฟิงจากมุมต่างๆ เป็นเวลานาน และเดินขึ้นไปชั้นบน

หลินม่ายเพิ่งนับมูลค่าการซื้อขายเสร็จ และบอกเธออย่างมีความสุขว่า “คืนนี้ฉันทำเงินได้มากกว่าสามพันหยวน และถ้าฉันขายมันต่ออีกคืน ฉันจะมีเงินมากพอที่จะซื้อบ้าน”

โจวฉายอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “เยอะจริง!” จากนั้นหล่อนก็กระซิบถาม “ผู้ชายที่อยู่ข้างล่างนั่นเป็นใครเหรอ?”

หลินม่ายไม่อยากให้หล่อนเข้าใจผิด จึงเขียนตอบเบาๆว่า “คนดีที่กล้าทำเพื่อความยุติธรรมคนหนึ่งน่ะ”

โจวฉายอวิ๋นมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ “คนดีที่กล้าทำเพื่อความยุติธรรม? แต่มองยังไงฉันก็ไม่คิดว่าเขาเป็นคนดี เธออย่ามาแกล้งนะ เห็นฉันเรียนมาน้อยเหรอถึงโกหก”

หลินม่ายสะกิดหน้าผากหล่อน “ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้คนฆ่าสุนัขด้วยความชอบธรรม เธออาจจะเห็นว่าเขาไม่ใช่คนดี แต่พวกเขาก็เป็นคนดี”

ว่าแล้วในที่สุดเธอก็เล่าถึงสิ่งที่เฉินเฟิงช่วยเธอและหลี่หมิงเฉิงอย่างละเอียด

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ดวงบุรุษอุปถัมภ์จริงๆ ม่ายจื่อ พี่หมอก็ช่วยให้ได้เรียน พี่เฟิงก็ช่วยขวางทางโจรให้

ไหหม่า(海馬)