ตอนที่ 202 เสี่ยวหม่านผู้เรียบง่าย

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 202 เสี่ยวหม่านผู้เรียบง่าย

เมื่อเฉินเฟิงพาเหลียนเฉียวและลูกน้องอีกสองสามคนลงไปตรวจสอบ เขาก็หันศีรษะไปที่คนของเขาคนหนึ่งเมื่อเห็นฉากนี้ “ไปจัดการหน่อย”

สมุนเหล่านั้นเลยเดินเข้าไป ขณะกำลังจะพูด สาววัยรุ่นที่ขายถุงเท้าอยู่ถัดไปจากร้านของหลินม่ายก็ลุกขึ้นยืน

หล่อนชี้ไปที่เด็กสาวผู้ไร้เดียงสา แล้วพูดว่า “ฉันเห็นด้วยตาตัวเองด้วยว่าคุณนำชุดสีเหลืองขนห่านนั่นใส่กระเป๋าโดยไม่จ่ายเงิน!”

เด็กสาวผู้ไร้เดียงสาโกรธจนน้ำตาไหล “คุณเป็นพวกเดียวกันนี่ รวมหัวกันใส่ความฉัน!”

คนของเฉินเฟิงตบไหล่เด็กสาวผู้ไร้เดียงสา “เอาล่ะ เลิกแสดงได้แล้ว ถึงไม่ได้รู้จักกัน แต่คุณก็เป็นหัวขโมยบนถนนสายนี้ไม่ใช่หรือ? พวกเราจะไม่เอาเรื่อง ดังนั้นอย่ามาขโมยของของสหายพี่เฟิง แล้วเอาเสื้อผ้าที่ขโมยมาคืนพวกเขาไป! “

ลูกน้องของเฉินเฟิงกล่าวประโยคสุดท้ายอย่างรุนแรง

หญิงสาวผู้ไร้เดียงสาตัวสั่นด้วยความตกใจ รีบหยิบชุดสีเหลืองขนห่านออกมาจากกระเป๋า แล้วยัดเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่หมิงเฉิงก่อนวิ่งหนีไป

หลี่หมิงเฉิงขอบคุณลูกน้องของเฉินเฟิงและส่งชุดให้หลินม่าย

ในขณะที่หลินม่ายแขวนชุด สายตาของเธอมองตามลูกน้องของเฉินเฟิงที่เดินจากไป

ในไม่ช้าเธอก็เห็นเฉินเฟิง และเขากำลังยืนมองเธอห่างออกไปไม่กี่เมตร

หลินม่ายพยักหน้าขอบคุณไปให้เขา

ในใจก็คิดว่าแสงสลัวมาก ไม่รู้ว่าเขาจะมองเห็นสีหน้าของเธอหรือไม่

เฉินเฟิงผงกศีรษะของเขาสองสามครั้งและจากไปพร้อมกับคนของเขาสองสามคน

เหลียนเฉียวที่ติดตามเขามองกลับมาที่หลินม่ายหลายครั้ง

แต่หลินม่ายกำลังยุ่งกับธุรกิจ เลยไม่ได้สังเกต

แม้ลูกน้องของเฉินเฟิงจะเปิดเผยตัวตนของเด็กหญิงผู้ใสซื่อต่อสาธารณชนว่าเป็นหัวขโมย

แต่เขาไม่ได้ใช้โทรโข่ง ดังนั้นมีเพียงหลินม่ายและลูกค้าของเธอเท่านั้นที่ได้ยิน ขณะที่คนอื่นไม่ได้ยิน

แล้วก็เป็นไปตามที่ลูกน้องของเฉินเฟิงพูด หญิงสาวที่ใสซื่อไม่ได้ออกจากถนนเจียงฮั่น แต่ยังคงมองหาเป้าหมายใหม่

หล่อนมาหาเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าคนหนึ่งที่พูดแทนตนเมื่อครู่ และพูดขอบคุณด้วยดวงตาแดงก่ำ “เถ้าแก่เนี้ย ขอบคุณมากๆ นะคะที่เมื่อกี้ช่วยพูดแทนฉัน”

กิจการของเจ้าของร้านไม่ยุ่ง หล่อนกำลังถักเสื้อกันหนาวไปด้วยในขณะที่ตั้งแผงขาย

หล่อนถามอย่างงุนงง “ทำไมเธอขี้ขลาดจัง ยอมคืนชุดให้เขา ถ้าเธอไม่ยอมคืน เขาจะกินเธอหรอ!”

หญิงสาวผู้ใสซื่อน้ำตาไหล “ใครบอกให้หล่อนรู้จักพวกอันธพาลบนถนนสายนี้ล่ะคะ ฉันทำได้แค่ใบ้กิน”

หลังจากทั้งสองคุยกันไม่กี่คำ เด็กสาวผู้ใสซื่อก็จากไป และขอบคุณพ่อค้าคนต่อไปที่ช่วยออกหน้าให้หล่อน

หลังจากขอบคุณหล่อนก็ออกจากถนนเจียงฮั่น

หลังจากนั้นไม่นาน พ่อค้าแม่ค้าทั้งหมดที่หล่อนขอบคุณก็ร้องโวยวายขึ้น

“เสื้อผ้าฉันหายไปสองสามชุด!”

“ฉันก็เหมือนกัน!”

“ฉันก็ด้วย!”

……

ในไม่ช้าพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นก็ตระหนักว่าเสื้อผ้าของพวกเขาถูกขโมยโดยหญิงสาวผู้ใสซื่อเมื่อครู่นี้

ธุรกิจของพวกเขาเงียบเหงา มีเพียงเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาเท่านั้นที่มาร้านของพวกเขาในช่วงเวลานั้น

ไม่รู้ว่าหล่อนขโมยเสื้อผ้าใต้จมูกพวกเขาได้อย่างไร

แม่ค้าพวกนั้นพากันด่าทอเสียงขรม

“ให้ตายเถอะ กูอุตส่าห์ช่วยมันพูด มันยังขโมยของกูไปจนได้!”

“ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือมันดันขโมยอันที่แพงที่สุดไป อย่าให้ฉันเจอมันอีกนะ ถ้าเจอล่ะก็ฉันจะเอาเลือดชั่วมันออก!”

หลินม่ายและหลี่หมิงเฉิงอยากจะหัวเราะเมื่อได้ยิน อยากดูเรื่องราวดีๆ ของคนอื่นกันนัก แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องตลก

ในเวลานี้ มีใครบางคนสะกิดไหล่หลินม่าย ในมือถือชุดสีดอกอิงฮวาและถามราคา “แม่ค้า ชุดนี้ขายยังไง?”

หลินม่ายหันกลับมาและทั้งสองคนก็ชะงักค้างพร้อมกัน และรับรู้ซึ่งกันและกัน

หญิงสาวถือชุดสีดอกอิงฮวาไม่ใช่ใครอื่น แต่คือฟางฟางหลานสาวของโต้วหย่ง

ทั้งสองบ่นในใจพร้อมกัน โลกนี้แคบเกินไปจริงๆ ถึงเจอกันได้ง่ายๆ

ฟางฟางไม่หยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้อุดหนุนหลินม่าย

หล่อนทำหน้าถมึงทึงโยนชุดสีชมพูอิงฮวาไว้บนราวแขวนผ้าแล้วจากไป

เพื่อนสาวที่มาด้วยกันกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าจากร้านของหลินม่าย เมื่อเห็นแบบนั้นจึงถามว่า “ทำไมถึงไปแล้วล่ะ?”

ทำไมจะไปไม่ได้!

ครั้งก่อนคือผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมขายกระโปรงให้ในราคาที่พวกหล่อนแม่ลูกต่อราคาไว้ จึงต้องขอให้ลุงของหล่อนที่ทำงานในทีมบังคับใช้กฎหมายมาจัดการเธอ แต่เขากลับเปล่าประโยชน์

แต่ลูกค้าที่มีปัญหาได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้และส่งไปยังหนังสือพิมพ์

หนังสือพิมพ์ได้ส่งนักข่าวไปสืบหาความจริงเป็นพิเศษ และผู้บังคับบัญชาของลุงรู้เรื่องนี้จึงไล่ลุงของหล่อนออก

หลินม่ายทำให้ลุงของหล่อนตกงาน หล่อนเกลียดหลินม่ายแทบตาย แล้วหล่อนจะอุดหนุนธุรกิจของเธอได้อย่างไร?

หลินม่ายรู้เหตุผล แต่ไม่ได้สนใจ จึงนำชุดตัวนั้นกลับไปแขวน

ฟางฟางเดินไปไกลและเห็นว่าเพื่อนสาวไม่ได้มาด้วย หล่อนมองย้อนกลับไป เห็นว่าอีกฝ่ายหยิบเสื้อผ้าออกมาหลายชุดและกำลังจ่ายเงินให้พวกเขา

หล่อนพลันรู้สึกโมโห รีบพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วและฉวยเงินที่เพื่อนสาวยื่นให้หลินม่ายกลับมา “ฉันไม่อยากซื้อของจากร้านของหล่อน ไปซื้อที่อื่นกันเถอะ”

เพื่อนสาวดึงเงินคืน “ฉันไม่ซื้อเสื้อผ้าของร้านอื่นหรอก เสื้อผ้าของคนอื่นไม่ถูกหรือดีเท่าชุดนี้” หลังจากพูดจบ ก็ยื่นเงินให้หลินม่ายอีกครั้ง

ฟางฟางพูดด้วยความโกรธ “ถ้าเธอซื้อเสื้อผ้าจากร้านนี้ ก็อย่ามาเป็นเพื่อนสนิทกับฉัน!”

เพื่อนสาวไม่สนใจ “ไม่เป็นก็ไม่เป็น”

หลังจากซื้อเสื้อผ้าสองสามชิ้นแล้วหล่อนก็จากไปเพียงลำพัง ปล่อยให้ฟางฟางทำหน้าบูดบึ้งอยู่คนเดียว

เสื้อผ้าสามร้อยชิ้นถูกขายหมดก่อนสามทุ่ม

หลินม่ายวิ่งไปซื้อไอศกรีมที่แพงที่สุดสามอัน มอบให้กับสาวขายถุงเท้าก่อน

หญิงสาวรับไอศกรีมอย่างดีใจและกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

อีกอันหนึ่งหลินม่ายยื่นให้หลี่หมิงเฉิง ก่อนหันไปพูดกับหล่อนว่า “ฉันต้องขอบคุณเธอถึงจะถูก”

หญิงสาวพูดอย่างเขินอาย “ฉันไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย และคุณไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันช่วยคุณเพราะเมื่อก่อนคุณเคยซื้อนาฬิกาปลอมและแหวนทองปลอมของฉัน เพื่อช่วยพยุงกิจการของฉัน”

หลินม่ายไม่คิดว่าหล่อนจะซื่อตรงขนาดนี้ คนอื่นเคยช่วยเหลือหล่อน ดังนั้นหล่อนจึงต้องการตอบแทนผู้อื่น

หลินม่ายชอบคนง่ายๆ แบบนี้ที่สุด

ดังนั้นในขณะที่กินไอศกรีม เธอคุยกับหญิงสาวและได้รู้ว่าชื่อเล่นของหล่อนคือเสี่ยวหม่าน

พ่อและแม่ของหล่อนเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีผลตอบแทนค่อนข้างดี ที่บ้านมีพี่น้องสองคน

แม้หล่อนจะเป็นเพียงลูกผู้หญิง แต่ทั้งครอบครัวก็รักหล่อนมาก

หลินม่ายพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ “ฉันอิจฉาเธอมากเลย!”

หล่อนช่างน่าอิจฉาจริงๆ เพราะเธอไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัวเลยในชีวิตทั้งสองชาติของเธอ

เสี่ยวหม่านถามด้วยความประหลาดใจ “พ่อแม่ไม่รักเธอเหรอ?”

หลินม่ายยิ้มเศร้า “ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ทุกคนในโลกนี้จะรักลูกน่ะ”

เสี่ยวหม่านไม่เข้าใจ “จะมีพ่อแม่แบบนี้ในโลกนี้ได้อย่างไร!”

หลินม่ายไม่ต้องการพูดถึงหัวข้อที่น่าหดหู่นี้และถามว่า “ทำไมเธอไม่ขายอุปกรณ์เหล่านั้น แล้วมาขายถุงเท้าแทนล่ะ?”

“ถ้าขายไม่ได้ก็เปลี่ยนอาชีพ ยังไงซะพ่อแม่ก็ไม่หวังให้หาเงินมาเลี้ยงครอบครัวหรอก ฉันแค่ทำเล่นๆ”

จู่ๆ เสี่ยวหม่านดูเหมือนจะนึกถึงบางสิ่ง

หล่อนกินไอศกรีมหมดในคำสองคำ นั่งยองๆ อยู่หน้ากระเป๋าและคุ้ยมันสักพัก จากนั้นจึงหยิบสร้อยข้อมือสีทองแวววาวออกมาแล้วยื่นให้หลินม่าย

“ถึงจะเป็นของปลอม แต่ก็ไม่หลุดลอกง่าย ฉันให้เธอ”

หลินม่ายส่ายหน้า “ฉันจะเอาสิ่งนี้มาทำอะไร?”

เธอไม่ใช่คนชอบเครื่องประดับเล็ก ๆ

ดวงตาของเสี่ยวหม่านเบิกกว้าง พูดอย่างจริงจัง “ใช้มันเพื่อตบตาก็ได้ คนอื่นคิดว่าคุณสวมสร้อยข้อมือทองคำเส้นใหญ่ แล้วพวกเขาจะอิจฉา”

หลินม่ายส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ทำไมฉันต้องแสร้งทำเป็นอย่างนั้นด้วย!”

สุดท้ายก็ไม่ได้รับสร้อยข้อมือทองคำปลอมของเสี่ยวหม่านไว้ และเธอก็กลับบ้านพร้อมกับหลี่หมิงเฉิง

หลังจากกินข้าวเย็นที่โจวฉายอวิ๋นเตรียมไว้ให้แล้ว หลินม่ายก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อนับกำไรจากการขายเสื้อผ้าในคืนนี้

ทุนน้อย กำไรเยอะ ทำเงินได้มากกว่าสองพันเก้าร้อยกว่าหยวนในคืนเดียว

ขายอีกสองคืน คงมีเงินพอซื้อบ้าน

หลินม่ายกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างตื่นเต้น

โต้วโต้วเอนตัวไปและถามแบบเด็กๆว่า “ทำไมแม่ถึงมีความสุขจังคะ?”

หลินม่ายจับใบหน้าเล็กๆ ของหล่อนแล้วหอมแรงๆ “เพราะว่าคืนนี้กิจการของแม่ดี แม่เลยมีความสุขน่ะสิจ๊ะ”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กรรมตามสนองแม่ค้าพวกนั้นแล้ว ถือหางคนผิดก็ต้องเสียใจแบบนี้แหละ

อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะซื้อบ้านได้แล้ว สู้ๆ ม่ายจื่อ

ไหหม่า(海馬)