ตอนที่ 107.1 ทันใดนั้นมังกรก็ถูกกักขัง (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

พี่ฉางโซ่ว? ทันใดนั้นอ๋าวอี่มองไปรอบๆ กะทันหัน แต่ก็ไม่พบหลี่ฉางโซ่วเลย

เขามองรูปปั้นหินที่อยู่เบื้องหน้าเขา และยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีก

หรือว่าพี่ฉางโซ่วได้เริ่มเดินบนวิถีแห่งการเป็นเทพก่อนจะกลายเป็นเซียน เป็นไปได้หรือที่รูปปั้นของเขาจะส่งเสียงมาให้ข้า!

แต่หลี่ฉางโซ่วพลันหัวเราะเบาๆ ขณะกล่าว ราวกับว่าเขาได้มองความคิดของอ๋าวอี่ออก…

“พี่อี่ อย่าเพิ่งพูดอะไรในตอนนี้ เหตุและผลของเรื่องนี้ซับซ้อน และยากจะอธิบายให้ชัดเจนได้ในเวลาอันสั้น ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว การปรากฏตัวของรูปปั้นอย่างกะทันหันนี้เป็นเพียงกลลวงครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ยากลำบากในยามนี้ของเผ่าพันธุ์มังกรเป็นอย่างมาก และเมื่อเร็วๆ นี้ ข้าได้คิดวิธีการรับมือบางอย่างให้พี่อี่ หากเจ้าเชื่อใจข้า โปรดให้กองกำลังเซียนมังกรวารีของวังมังกรทักษิณถอยทัพไปก่อนชั่วคราว พี่อี่ กรุณารอที่นี่สักครู่ หลังจากที่ข้าทำพิธีเฉลิมฉลองนี้แล้ว ข้าจะพบกับเจ้าอีกครั้งได้หรือไม่ พี่อี่?”

ในเวลานั้น สีหน้าท่าทีของอ๋าวอี่พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่เขาพยักหน้าอย่างสงบ

ทว่าในทันทีที่กำลังจะออกไป เขาก็ได้ยินเสียงของหลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “มีบางอย่างที่ข้าอยากให้ช่วย…”

แล้วหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวเช่นนั้น เช่นนี้ และอื่นๆ ต่อไป…

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงไปสองสามคำและอ๋าวอี่ก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

อ๋าวอี่ร้องตะโกนเบาๆ ออกมา แต่กลายเป็นเสียงมังกรคำรามดังก้องไปทั่วท้องฟ้า!

แล้วจู่ๆ ก็มีลำแสงสาดส่องไปทั่วแผ่นฟ้า และหมู่เมฆก็ปรากฏขึ้นมาในทันใด!

ทันใดนั้น อ๋าวอี่พลันเผยร่างมังกรยาวนับร้อยจั้งของเขาออกมา และผงกหัวมังกรเป็นการพยักหน้าให้รูปปั้นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อนที่ร่างเพรียวของเขาจะสาดส่ายไปมาเบาๆ แล้วเหินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาพนั้นช่างงดงามตระการตายิ่งนัก

ในขณะนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกำยำจากหมู่บ้านสง และเหล่าสานุศิษย์ผู้ศรัทธาที่อยู่ด้านล่างต่างพากันตกตะลึง…

บัดนี้มังกรครามลอยอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่มันจะค่อยๆ บินกลับไปที่ด้านหน้าของกองทัพทหารเซียนมังกรวารี ก่อนจะคืนร่างเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม “พี่รอง!”

อ๋าวโหมวม้วนแขนเสื้อขึ้นและก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อทักทายเขาทันที

“พี่รอง ข้าได้ส่งคนกลับไปเพื่อให้ส่งทหารมาแล้ว วันนี้เรามาทำลายสำนักเทพทะเลทักษิณกันเถิด! เราจะบดขยี้วิหารเทพทะเลทักษิณทั้งหมดที่นี่!”

“ไม่นะ” อ๋าวอี่ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ข้าจะจัดการกับเรื่องนี้เอง เจ้านำทัพกลับคืนสู่ท้องทะเลก่อน อย่าได้ทำร้ายมนุษย์และเพิ่มกรรมร้ายให้พวกเราเอง”

อ๋าวโหมวขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “พี่รอง พวกเรา…”

เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้อ๋าวอี่พลางก้มศีรษะลงแล้วพึมพำว่า “เราทำเช่นนี้จะไม่น่าอับอายเกินไปหรือ”

“หน้าตาสำคัญกว่าชีวิตของเราหรือไม่เล่า”

อ๋าวอี่กล่าวอย่างสงบว่า “เราต้องไม่ทำร้ายมนุษย์ เราจะไม่ทำบาป ข้าไม่ได้หมายถึงสิ่งมีชีวิต”

“ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต? แต่ท่านหมายถึง…สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน[1]หรือ!!”

อ๋าวโหมวรู้แจ้งในทันใดก่อนจะจ้องมองไปที่รูปปั้นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแล้วกล่าวว่า “พี่รอง นี่คือ!”

“ไม่ต้องพูดอะไรอีก ไปกันก่อนเถิด ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง”

อ๋าวอี่ยกมือตบแขนของอ๋าวโหมวพลางกล่าวว่า “หากมีโอกาส ข้าจะแนะนำคนที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่งให้เจ้าได้รู้จักในภายหลัง”

อ๋าวโหมวเข้าใจและยิ้มให้ทันที

“เข้าใจแล้ว พี่รอง ท่านไปจัดการเรื่องวุ่นวายที่นี่เถิด ข้าจะอธิบายให้เทพธิดาหานจื่อฟังเองว่า ท่านมีธุระสำคัญต้องทำที่นี่ หลังจากนี้ ข้าจะพาคนที่ยอดเยี่ยมไปด้วย…ไม่สิ ข้าจะเอาไปสองคน!” หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว อ๋าวโหมวก็ขยิบตาให้ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังพลางโบกแขนเสื้อของเขา แล้วสั่งกองทัพให้ถอยกลับอย่างสง่างาม

กองทัพทหารเซียนมังกรวารีต่างดูแลผู้บาดเจ็บในขณะที่เมฆดำก็บินตรงไปยังทะเลทักษิณทันที

อ๋าวอี่ขับเคลื่อนเมฆแล้วบินไปยังป่าภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับการบูชาและการจ้องมองของมนุษย์สามัญเหล่านั้นนัก

แม้อ๋าวอี่จะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติในบทสนทนาระหว่างเขากับอ๋าวโหมว แต่ในเวลานี้ เขาก็ไม่อาจใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นได้

อ๋าวอี่สนใจในสองประโยคที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวถึงมาก ‘สถานการณ์ที่ยากลำบากในยามนี้ของเผ่ามังกร’

‘ข้าไม่ได้ก่อตั้งสำนักเทพทะเลนี้’

ประโยคแรกนั้นก็ทำให้อ๋าวอี่ผงะงัน เขาอยากถามเรื่องนี้กับหลี่ฉางโซ่ว เพื่อดูว่า หลี่ฉางโซ่วจะให้ความคิดใดๆ กับเขาหรือไม่

ส่วนประโยคที่สองก็ยิ่งทำให้ความคิดของอ๋าวอี่วุ่นวายเตลิดเปิดเปิงไปอย่างรวดเร็ว…

หากพี่ฉางโซ่วไม่ได้ก่อตั้งสำนักเทพทะเล เช่นนั้นผู้ใดจะเป็นคนทำไปได้อีก

อ๋าวอี่รู้มานานแล้วว่าสำนักบำเพ็ญเต๋า สำนักบำเพ็ญประจิม สำนักบำเพ็ญใหญ่ สำนักบำเพ็ญเซียนใหญ่ และปรมาจารย์หลายคนได้วางแผนเรื่องเครื่องสักการะมาเป็นเวลานานแล้ว ในระหว่างทางมาที่นี่ อ๋าวอี่ก็ได้ยินจากเซียนเต๋าว่าสำนักเทพทะเลทักษิณได้พัฒนาและขยายขนาดขึ้นมาอย่างมากในเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ซึ่งหาได้ยากมากจริงๆ…

หรือว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

แต่เหตุใดพี่ฉางโซ่วต้องปรากฏตัวออกมาด้วย

ในป่า เวลานี้ อ๋าวอี่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิดขณะยังคงสังเกตดูสถานการณ์เมื่อเทพแห่งท้องทะเลปรากฏตัว

ในขณะนั้น อ๋าวอี่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ตกลงไปใน ‘กับดัก’ ที่หลี่ฉางโซ่ววางเอาไว้แล้ว

หากเขาต้องการหลอกลวงผู้ใด…

ความจริงแล้ว มันไม่ถูกต้องนักที่จะกล่าวว่าเขา ‘หลอกลวง’ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เป็นศิษย์ที่ถูกต้องของสำนักบำเพ็ญเต๋าเช่นกัน เขาเป็นคนซื่อตรงและไร้เดียงสา นอกจากความจริงที่ว่าเขาซ่อนไพ่ไม้ตายไว้แล้ว เขาก็หาใช่คนเลวร้ายไม่

เพื่อให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นน่าจะเป็น

“หากอยากล่อลวงผู้ใด ควรจะทำสิ่งใดเป็นอย่างแรก”

ขั้นแรกคือ การทำให้คนผู้นั้นสนใจในสิ่งที่เขาจะพูดก่อน เพื่อตรึงให้อีกฝ่ายหยุดนิ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

และบัดนี้ หลี่ฉางโซ่วได้เริ่มขั้นตอนที่สองแล้ว นั่นคือ เขาเกริ่นเป็นนัยให้แก่อ๋าวอี่เพื่อสร้างพื้นที่ให้เขามากพอที่จะจินตนาการต่อไปเอง เขาต้องการให้อ๋าวอี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง

ต่อจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็จะเลือกทำขั้นตอนต่อไปตามปฏิกิริยาตอบสนองของอ๋าวอี่…และตามที่หลี่ฉางโซ่วกล่าว นั่นคือ ‘พระสูตรมั่นคง’ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตำราสอนเล่มหนึ่งที่หลิงเอ๋อร์ ศิษย์น้องหญิงของเขาใช้ และสามารถเรียกได้ว่าเป็นเนื้อหาของ ‘กลเม็ดเด็ดพราย’ ของสามสมบัติหลักแห่ง ‘การรักษาความมั่นคงของยอดเขาหยกน้อย’

ขั้นที่สาม อาจเป็นการเล่นหนักเพื่อไล่ให้ทันให้ได้ผล อาจเป็นถอยเพื่อรุกคืบ หรืออาจเป็นการสร้างความได้เปรียบให้เข้มแข็งก็ได้เช่นกัน ทั้งหมดนั้นล้วนขึ้นอยู่กับสถานการณ์…

สรุปแล้ว เมื่ออ๋าวอี่เลือกที่จะไปอยู่ที่นั่น เท้าของเขาก็ตกลงไปอยู่ในหลุมแล้ว

หลี่ฉางโซ่วคำนวณว่าโอกาสรอดชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้เพิ่มขึ้นอีกยี่สิบสามแต้ม!

และหลังจากที่กักอ๋าวอี่เอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว บัดนี้ ก็ถึงเวลาจัดระเบียบหมู่บ้านสงให้เรียบร้อยเสียที

ในเวลานี้ รูปปั้นเปล่งแสงเซียนออกมาจากท้องฟ้าและค่อยๆ ร่อนลงบนพื้นอย่างช้าๆ ไม่ว่าจะเป็นชายร่างกำยำจากหมู่บ้านสง หรือเหล่าสานุศิษย์ พวกเขาทุกคนก็ยังคงก้มลงกราบกราน

ภาพร่างวิญญาณบินออกมาจากรูปปั้น ใบหน้าของมันดูพร่ามัว และรูปร่างของมันก็ดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นจากแสง

อันที่จริง นี่คือไพ่ไม้ตายใบเล็กของหลี่ฉางโซ่ว มันคือวิธีตัวแทนขนนกบิน ที่เขาใช้เมื่อหลบหนี ในชั่วพริบตา เขาสามารถสร้างร่างปลอมที่เหมือนกับเขาทุกประการขึ้นมาได้สามร่างทันที

ร่างปลอมนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากพลังเซียนซึ่งสามารถควบแน่นขึ้นภายในรูปปั้นหินได้โดยตรง

แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่คิดว่า วันนี้ เขาจะต้องใช้วิธีการหลบหนีนี้…

แต่ไม่เป็นไร หลี่ฉางโซ่วยังมีวิธีหลบหนีที่สมบูรณ์อีกสองสามวิธี

“วิธีการหลบหนีเป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น ‘เคล็ดลับ’ เหล่านี้สามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงแม้ไร้แบบแผนได้โดยมีความสำคัญเท่าเทียมกัน” ร่างปลอมนี้ค่อยๆ กล่าวออกมาช้าๆ และเสียงของมันก็แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งภูเขาและที่ราบ มนุษย์นับหมื่นคนต่างนิ่งขณะคุกเข่าอยู่บนพื้นเงียบและฟังอย่างเงียบๆ

“ข้าได้สำแดงจิตวิญญาณที่แท้จริงของข้าและสร้างโชคให้กับทุกคน ทุกคนจงขยัน ประหยัด เป็นมิตร และคุ้มครองดูแลเด็กและคนชรา อย่าได้กลัวความทุกข์ยากและพวกเจ้าจะได้รับความสุข โชคดีมีชัย วันนี้ ข้าจะบรรยายคำสอนของสำนักเทพทะเล ทุกคนต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า จงเป็นคนดี ทำตามครรลองแห่งฟ้าดิน…”

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วได้สรุปหลักคำสอนของสำนักเทพทะเลที่เขาเคยได้ยินมาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาใช้ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ และผสมกับพระสูตรมั่นคงของเขาเอง…

ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ใต้รูปปั้นนั้น กำลังอ่านพระสูตร ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกตัวก็ได้กลับมาแล้ว หลี่ฉางโซ่วแอบสังเกตปฏิกิริยาของผู้คนจากหมู่บ้านสง และพบว่าชายร่างกำยำส่วนใหญ่กำลังคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว

แต่ในขณะนี้ หัวหน้าหมู่บ้านชราและทูตเทวะผู้ยิ่งใหญ่สองสามคนต่างก็มีสีหน้าสับสนปรากฏออกมาบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขายังคงคุกเข่าอยู่ที่นั่นด้วยท่าทีสับสน

[1] สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ก็คือสำนักบำเพ็ญมนุษย์