ตอนที่ 222 ฉันมีน้องสาวแล้ว
วันต่อมาหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จมู่เถาเยาก็ฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน
คนที่มามุงดูต่างรักษาความเงียบสงบ
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา ฉือซานและสามีดูมู่เถาเยารักษาอาการป่วยให้ตี้อู๋เปียน
ดวงตาของแต่ละคนเป็นประกาย
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจเรื่องการรักษาโรคจะรู้สึกว่าการฝังเข็มใช้เวลาค่อนข้างนาน เบื่อได้ง่าย แต่คนที่อยู่ตรงนี้กลับไม่มีใครออกไปก่อนสักคน
นอกจากเป็นห่วงคนป่วยแล้วยังเป็นเพราะเลื่อมใสในตัวมู่เถาเยา
อายุรุ่นราวคราวเดียวกันแท้ๆ แต่มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน และอวิ๋นสุ่ยเหยาต่างรู้สึกละอายใน ‘ความไม่เป็นอะไรสักอย่าง’ ของตัวเอง
ทั้งสามคนแอบตัดสินใจแล้วว่า ต่อไปจะต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของอาชีพที่ตัวเองทำให้ได้
หลังจากดึงเข็มออก หยวนเหยี่ยกับพวกศิษย์พี่ของมู่เถาเยาก็ผลัดกันมาจับชีพจรของตี้อู๋เปียน
เฉิงหรานพูดด้วยความรู้สึกเซอร์ไพรส์ “เสี่ยวเยาเยา ตอนนี้รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายแล้ว”
“ค่ะ มีความเปลี่ยนแปลงแล้ว พลังชีวิตในร่างกายตี้อู๋เปียนค่อยๆ ปรับเข้าหากันใหม่ พวกมันกำลังทำหน้าที่ค่ะ”
ศิษย์พี่หญิงห้า “เสี่ยวเยาเยา ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานสุขภาพของคุณชายเล็กตี้ก็จะกลับมาแข็งแรงแล้วหรือเปล่า”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ได้แค่เหมือนคนแข็งแรงค่ะ อีกห้าปีให้หลังก็ยังคงต้องพึ่งดอกไม้สองชีวิตหรือไม่ก็หญ้าพิษชีวิตเพื่อต่อชะตา”
เว้นเสียแต่ในห้าปีนี้เธอจะคิดค้นวิธีฝังเข็มที่ดีกว่าหุยหยางออกมาได้
แต่หลังจากอาจารย์ลู่ของเธอออกมาจากเขตป่าชั้นใน พวกเขาจะร่วมหารือกัน ใช่ว่าจะคิดค้นวิธีรักษาใหม่ๆ ไม่ได้
หากว่ากันด้วยเรื่องการฝังเข็ม อาจารย์ลู่เก่งกว่าอาจารย์ใหญ่ของเธอ หากว่ากันด้วยเรื่องการใช้ยา อาจารย์ใหญ่เก่งกว่าอาจารย์ลู่อยู่หน่อย หากว่ากันด้วยเรื่องการใช้พิษ เธอกลับเหนือกว่าอาจารย์ทั้งสอง
สามคนร่วมมือกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะแก้โจทย์ยากนี้ไม่ได้
ตี้อู๋เปียนใส่เสื้อ “ซาลาเปาน้อย ทำให้เต็มที่ก็พอ เรื่องตามหาดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
“ได้”
แม้จะรับปาก แต่เธอก็ต้องช่วยตามหาอยู่แล้ว อย่างไรเสียเธอก็เชี่ยวชาญสมุนไพรมากกว่า
ฉือซานถามด้วยความลังเล “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ อากับสวีจิงเทาไม่จำเป็นต้องฝังเข็มเหรอ”
“ไม่ต้องค่ะ แค่กินยาก็พอแล้วค่ะ ขับพิษออกหมดกินยาบำรุงสักสองเดือน จะทำให้ร่างกายของอาซานแข็งแรงกว่าแต่ก่อน พอถึงตอนนั้นอาซานจะเป็นหญิงสูงวัยตั้งครรภ์ ต้องทำร่างกายให้แข็งแรง เหมือนศิษย์พี่หญิงห้าของหนูค่ะ”
“จ้ะ พวกเราฟังหนู”
ทุกคนกลับเข้าบ้าน มู่เถาเยาขึ้นไปฆ่าเชื้อเข็มทองที่ชั้นบนตามเคย
คนที่อยู่ข้างล่างใครมีหน้าที่ทำกับข้าวก็ไปทำ หรือมีหน้าที่อย่างอื่นก็แยกย้ายกันไป
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็พากันออกไปส่งราชาตี้กับคุณนายอวิ๋นเหอที่ลานจอดเครื่องบิน จากนั้นตี้อู๋เปียนก็กลับบ้านตระกูลตี้นอนกลางวัน ศิษย์พี่หญิงห้างีบในห้องพักแขกของตำหนักพระจันทร์
เฉิงอันนั่ว เหลียงจี มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา ปาอิน ฉือซานและสามี คนเหล่านี้ไปที่เขาด้านหลังเพื่อเก็บผลไม้และตกปลา
เพียงชั่วขณะภายในบ้านก็เหลือเพียงมู่เถาเยากับพวกศิษย์พี่และพี่สะใภ้
หยวนเหยี่ยมองมู่เถาเยาแล้วยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา ไล่พวกเขาออกไปหมดจะพูดอะไรกับพวกเราเหรอ”
เขาเลี้ยงลูกศิษย์คนเล็กมาตั้งแต่เป็นเด็กทารก มีเหรอจะมองความคิดของเธอไม่ออก
“อาจารย์ใหญ่คะ หนูมีเรื่องอยากบอก เกี่ยวกับอาจารย์อาเล็กค่ะ”
คนอื่นๆ พากันมองไปที่อาจารย์อาเล็ก รวมถึงกู่ย่าด้วย
อาจารย์อาเล็กงงไปหมด
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์จะมีเรื่องอะไรได้”
เขามีเรื่องอะไรทำไมตัวเขาเองไม่รู้ล่ะ หรือเขาเป็นโรคที่รักษาไม่หาย มีแค่เสี่ยวเยาเยาเท่านั้นที่มองออก
“อาจารย์อาเล็กพอจะนึกเรื่องสมัยเด็กออกไหมคะ”
“นึกไม่ออกเลยสักนิด เสี่ยวเยาเยา ตัวตนของอาจารย์มีความผิดปกติเหรอ หรือว่าเป็นลูกชายของฆาตกร”
ทุกคน “…”
อาจารย์อาเล็กจินตนาการบรรเจิดเกินไปหรือเปล่า
มู่เถาเยา “…ไม่ใช่ค่ะ ชาติกำเนิดของอาจารย์อาเล็กเรียบง่ายมาก เป็นคนของหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในเมืองฉินตูทางฝั่งตะวันตก”
ศิษย์พี่ใหญ่ “เสี่ยวเยาเยา ทำไมถึงสืบหาชาติกำเนิดของอาจารย์อาเล็กล่ะ อาจารย์ปู่สืบมานานแล้วก็ไม่เจอไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงสืบเจอ มันตั้งห้าสิบปีแล้ว…”
เสี่ยวเยาเยาวุ่นอยู่กี่เรื่องกันแน่เนี่ย!
ทุกคนต่างหันไปมองมู่เถาเยา
“อาจารย์อาเล็กยังมีน้องสาวอยู่อีกคนค่ะ”
อาจารย์อาเล็กเบิกตาโพลง ชี้หน้าตัวเองแล้วถาม “มีน้องสาวงั้นเหรอ”
นี่ถ้าบอกว่าเขามีลูกสาวอีกคนจะไม่ตกใจเลยนะ ทำไมถึงมีน้องสาวล่ะ!
“ค่ะ ตอนนี้น้องสาวของอาจารย์อาเล็กอยู่ในเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยว หนูเทียบกับคลังข้อมูลแล้วค่ะ เป็นพี่น้องกันจริง เมื่อสิบห้าปีก่อนหมอลู่ลาออกจากโรงพยาบาล ต่อมาก็อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งเพื่อตามหาพี่ชายตัวเอง”
ศิษย์พี่หกถาม “หมอลู่คือใครเหรอ”
มู่เถาเยามองอาจารย์อาเล็ก “อาจารย์อาเล็กจำนักศึกษาชื่อลู่หันซูได้ไหมคะ”
“เด็กคนนั้นมาจากหมู่บ้านตงจี๋ แข่งทักษะทางการแพทย์ระดับนานาชาติได้ที่หนึ่ง! มีเหรอจะจำไม่ได้! เสี่ยวเยาเยา นักศึกษาลู่หันซูเป็นอะไรกับหมอลู่เหรอ”
“ลู่หันซูถือเป็นลูกศิษย์ของหมอลู่ก็ว่าได้ค่ะ”
ศิษย์พี่ใหญ่ “แสดงว่าหมอลู่เก่งมากเลยสิ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ ยอดฝีมืออยู่ในหมู่ชาวบ้าน คำพูดนี้ก็คือหมายถึงคนแบบหมอลู่ค่ะ”
กู่ย่า “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ งั้นคนในครอบครัวอาจารย์อาเล็กของหนูยังเหลือใครอีกไหมนอกจากหมอลู่ที่เป็นน้องสาวคนนี้ แล้วเขาพลัดพรากกันได้ยังไง”
“อาจารย์อาสะใภ้เล็กคะ อาจารย์อาเล็กถูกอาสะใภ้เล็กที่อาเล็กของตัวเองพามาจากข้างนอกลักพาตัวไป พ่อของอาจารย์อาเล็กออกไปตามหาลูก ไม่นานก็เกิดเหตุไม่คาดคิด ส่วนแม่ก็แบกหมอลู่ที่อายุเพิ่งขวบเดียวไปตามหาต่อ และเสียชีวิตในอีกสองปีต่อมาค่ะ”
หลี่อวี้เสวี่ยถามด้วยความร้อนใจ “งั้นหมอลู่ล่ะ ตอนนั้นเพิ่งสามขวบไม่ใช่เหรอ มีชีวิตรอดมาได้ยังไง ปู่กับย่าเลี้ยงมาเหรอ”
“ไม่มีปู่ย่าค่ะ หมอลู่สับเปลี่ยนไปอยู่บ้านอาบ้านลุงตั้งแต่อายุสามขวบ แต่ว่าหมู่บ้านนั้นยากจนมาก พวกญาติๆ ก็เลยไม่อยากเลี้ยงเธอ…ต่อมาหมอลู่ก็ไม่เคยกลับไปอีก…ฉันส่งคนไปที่หมู่บ้านนั้น แต่พวกคนรุ่นพ่อแม่ของอาจารย์อาเล็กส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตกันหมดแล้ว…”
ทุกคนมีสีหน้าเศร้าสร้อย
อันเย่ว์พี่สะใภ้หกถามขึ้น “เสี่ยวเยาเยา งั้นอาเล็กกับอาสะใภ้เล็กของหมอลู่ล่ะ”
“อาเล็กไปตามหาอาสะใภ้เล็ก แล้วก็พบปัญหา…เขาจัดการส่งพวกแก๊งค้ามนุษย์เข้าคุก ตอนนี้อาสะใภ้เล็กตายในคุกไปนานแล้ว อาเล็กก็ถูกพวกแก๊งค้ามนุษย์หักขาหนึ่งข้าง ตัดมือหนึ่งข้าง…ประทังชีวิตด้วยการเป็นขอทาน…ตอนนี้ก็น่าจะไม่อยู่บนโลกแล้วค่ะ…”
ทุกคนอดถอนหายใจไม่ได้
“ถ้าหมอลู่ออกมาจากเขตป่าชั้นในแล้ว อาจารย์อาเล็กจะยอมรับเป็นญาติไหมคะ”
อาจารย์ลู่ของเธออยากนับญาติมาก
เจียงเฉาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร เอาเป็นว่าสับสนเหลือเกิน
กู่ย่า “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ หมอลู่คนนั้นตามหาพี่ชายของตัวเองจริงๆ เหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ”
“เจียงเฉา พวกเราก็ยอมรับเถอะ”
“ผม…ไม่รู้สิ…” ดวงตาของอาจารย์อาเล็กฉายแววสับสน
เขามีชีวิตอยู่มาหลายสิบปี ไม่มีญาติคนไหนนอกจากศิษย์สำนักเดียวกัน อยู่ๆ ก็มีน้องสาวโผล่มา เขาเลยไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าอย่างไรดี
หยวนเหยี่ย “งั้นรอเจอกันก่อนค่อยว่ากัน”
“เสี่ยวเยาเยา…น้องสาวของอาจารย์หน้าเหมือนอาจารย์ไหม”
“ตาคล้ายกันมากค่ะ หนูมีรูปถ่าย”
มู่เถาเยาเปิดรูปในโทรศัพท์มือถือให้ดู
อาจารย์อาเล็กดูอยู่สักพักก็พูดพึมพำ “คล้ายอยู่นะ”
กู่ย่ารับโทรศัพท์ไปดูแล้วพยักหน้า
โทรศัพท์มือถือของมู่เถาเยาถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ จนครบรอบ
หยวนเหยี่ย “ดวงตาของเสี่ยวเหมียนเหมือนหมอลู่เปี๊ยบ”
ทุกคนพยักหน้า
ตอนต่อไป