ตอนที่ 223 จะเป็นพ่อบุญธรรมเหรอ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 223 จะเป็นพ่อบุญธรรมเหรอ

อาจารย์อาเล็กถามอย่างอึ้งๆ “เสี่ยวเยาเยา หมอลู่เป็นน้องสาวของอาจารย์จริงเหรอ แต่เธอดูเหมือนเพิ่งจะสามสิบกว่าเองนะ อาจารย์ตั้งห้าสิบกว่าแล้ว ไม่ได้เด็กกว่าอาจารย์แค่ไม่กี่ปีนะ”

อุ๊บ…

ทุกคนต่างอดหัวเราะไม่ได้

ศิษย์พี่ใหญ่ “อาจารย์อาเล็กครับ เธอเป็นหมอ ดูแลตัวเองยังจะไม่ง่ายอีกเหรอ อาจารย์ลองดูพวกเราทุกคนสิครับ มีคนไหนบ้างที่ไม่ดูเด็กกว่าอายุจริงอย่างน้อยสิบปีขึ้นไป อาจารย์อาเล็กก็เหมือนกัน ถึงจะอายุห้าสิบกว่า แต่ภายนอกเหมือนประมาณสี่สิบเอง แบบนี้หมอลู่จะดูเหมือนคนอายุสามสิบไม่ได้เหรอครับ”

ศิษย์พี่หกเว่ยฉางหย่วนพยักหน้า “นั่นสิครับ เอาแค่อาจารย์ของพวกเรา ปาเข้าไปจะเก้าสิบแล้ว แต่ดูเหมือนคนอายุห้าสิบกว่าหกสิบเอง เดินไปข้างนอกใครจะเชื่อว่านี่คนรุ่นปู่รุ่นทวดแล้ว”

อาจารย์อาเล็กหัวเราะซื่อๆ

มู่เถาเยา “ถ้าอาจารย์อาเล็กไม่เชื่อ รอหมอลู่ออกมาจากเขตป่าชั้นในแล้วไปตรวจดีเอ็นเอดูก็ได้ค่ะ”

“อ่อๆ…ได้”

ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ไม่กล้าเชื่อต่างหาก

ชั่วขณะนี้เขายังไม่สามารถปรับตัวยอมรับเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่เหนือความคาดหมายแบบนี้ได้

อาสะใภ้กู่ย่า “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ทำไมอยู่ๆ หนูถึงอยากตามหาชาติกำเนิดของอาจารย์อาเล็กล่ะจ๊ะ เมื่อห้าสิบปีก่อนอินเทอร์เน็ตยังไม่พัฒนา อีกทั้งเขาก็ไม่มีความทรงจำวัยเด็กเลย แบบนี้ตามหายากน่าดูเลยนะ”

มู่เถาเยาอธิบายให้ทุกคนฟัง “เดิมทีหนูไม่ได้จะสืบหรอกค่ะ ขนาดอาจารย์ปู่ยังตามหามาตั้งหลายปี เวลาก็ผ่านมานานขนาดนี้ แต่หนูตามหาหมอลู่เพราะอาการป่วยของตี้อู๋เปียนค่ะ”

“พอสืบไปสืบมาก็พบว่าชาติกำเนิดของหมอลู่รันทดมาก รู้มาว่าพี่ชายของเธอหายตัวไป อายุพอๆ กับอาจารย์อาเล็กพอดี ก็เลยลองสืบตามเบาะแสไปเรื่อยๆ…แล้วเรื่องก็เป็นแบบนี้ค่ะ”

พอฟังมู่เถาเยาพูดจบทุกคนก็เข้าใจแล้ว

หยวนเหยี่ย “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ใหญ่จะให้คนคอยดูที่ป่าเซียนโหยวไว้”

“อาจารย์ใหญ่คะ คนของตี้อู๋เปียนคอยดูหมอลู่อยู่ตลอดค่ะ อาจารย์ใหญ่ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้ค่ะ ตอนนี้หมอลู่กำลังเดินกลับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด หรือไม่ใช้เวลาเก็บสมุนไพรมากเกินไป อีกหนึ่งอาทิตย์ก็น่าจะออกมาแล้วค่ะ”

“ได้ อู๋เปียนก็ตามอาจารย์กลับหมู่บ้านเถาหยวนซานด้วย เขาอยู่ที่นั่นยิ่งสะดวก ไว้ถึงเวลาอาจารย์ค่อยให้อาจารย์เล็กหาหลายคนคอยจับตาดูตรงเขตระหว่างป่าชั้นนอกกับชั้นใน ขณะเดียวกันก็จะให้พวกชาวบ้านจับตาดูคนแปลกหน้าไว้ด้วย”

“ค่ะ ทุกคนก็ไม่ต้องเครียดมากนะคะ ขอแค่หมอลู่ออกมาพวกเราก็ติดต่อได้ค่ะ ลู่หันซูมีช่องทางติดต่อหมอลู่ หนูฝากเธอไปบอกแล้ว ดังนั้นไม่ต้องคอยจับตาดูตลอดก็ได้ค่ะ”

อันที่จริงเธอได้เบอร์โทรติดต่อมานานแล้ว ก็แค่กลัวว่าหมอลู่จะไม่รับเบอร์แปลก

ทุกคนพยักหน้า

ขอแค่หมอลู่ออกมาทางด้านหมู่บ้านเถาหยวนซาน แบบนั้นไม่มีทางคลาดกันแน่

อาจารย์อาเล็กเจียงเฉา “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ทำอะไรได้บ้าง…”

“อาจารย์อาเล็กคะ ถ้าตอนช่วงสุดสัปดาห์แน่ใจว่าหมอลู่ออกมาจากเขตป่าชั้นในแล้ว อาจารย์อาเล็ก อาสะใภ้ เสี่ยวเหมียน ตามหนูกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานได้ไหมคะ ยังไม่ต้องยอมรับเป็นญาติก็ได้ อย่างน้อยเจอหน้าก่อนค่อยว่ากัน”

นับญาติยังไงก็ต้องนับอยู่แล้ว นี่เป็นความดันทุรังของอาจารย์ลู่ทั้งสองชาติ แต่จะนับญาติยังไง เมื่อไรยอมรับ ก็ต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของอาจารย์อาเล็กด้วย

ทั้งสองคนเป็นคนใกล้ชิดของเธอทั้งคู่ เธอไม่มีทางบังคับใคร

อาจารย์อาเล็ก “…ได้ ไว้ถึงตอนนั้นพวกเราจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมหนู”

ศิษย์พี่ใหญ่ “รออาจารย์อาเล็กยอมรับเป็นญาติเมื่อไรค่อยกินข้าวด้วยกัน”

“ใครรับเป็นญาติใคร อาจารย์อาเล็กจะนับญาติกับใครเหรอ เป็นพ่อบุญธรรมเหรอ หรือมีลูกสาวบุญธรรม” ศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลินตื่นจากนอนกลางวันก็ได้ยินคำพูดของศิษย์พี่ใหญ่พอดี จึงถามด้วยความไม่เข้าใจ

อุ๊บ…

บรรยากาศที่ตึงเครียดเล็กน้อยได้ถูกทำลายหายไปหมดทั้งแบบนี้

อันเย่ว์พยายามกลั้นขำ ดึงศิษย์พี่หญิงห้ามานั่งข้างๆ แล้วเล่าเรื่องที่เสี่ยวเยาเยาเล่าเมื่อครู่ทั้งหมดให้สองสามีภรรยาฟัง

สีหน้าของทั้งสองคนมีทั้ง ตกใจ เซอร์ไพรส์ ทอดถอนใจ…สารพัดอารมณ์ปนเปกัน

แต่เมื่อศิษย์พี่หญิงห้าพูดอีกครั้งก็คือ “น้องสาวของอาจารย์อาเล็กก็เป็นหมอเหรอเนี่ย!”

ทุกคน “…”

จุดสนใจของศิษย์พี่และน้องหญิงห้าทำไมไม่เหมือนกับพวกเรา!

กู่ย่ายิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาบอกว่าหมอลู่มีฝีมือยอดเยี่ยมมาก”

มู่เถาเยาพยักหน้า

ศิษย์พี่หญิงห้าชื่นชม “สมกับเป็นครอบครัวเดียวกัน!”

พี่เขยห้าเยี่ยหนานเฉินถาม “งั้นอาจารย์อาเล็กต้องกลับไปใช้แซ่เดิมไหมครับ”

อาจารย์อาเล็กตอบโดยไม่ต้องคิด “ฉันใช้แซ่ตามอาจารย์ ไม่เปลี่ยน”

หยวนเหยี่ยหัวเราะ “เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนแซ่ไม่สำคัญหรอก”

ก็จริงตามนั้น

ชื่อแซ่เป็นเพียงคำเรียกสำหรับคนยุคปัจจุบัน

มู่เถาเยาเอาจานธัญพืชเปลือกแข็งดันไปตรงหน้าเยี่ยหนานเฉิน “พี่เขยห้าคะ แกะวอลนัทให้ศิษย์พี่หญิงห้ากินหน่อยสิคะ”

“ได้เลย”

หลี่อวี้เสวี่ย “ในห้องครัวมีรังนกตุ๋น เดี๋ยวไปยกมาให้ศิษย์น้องห้านะ”

สองสามีภรรยาพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้ใหญ่”

หลี่อวี้เสวี่ยพยักหน้า ลุกไปห้องครัว

ลูกศิษย์รักใคร่ปรองดองกันดี หยวนเหยี่ยมีความสุขมาก

“ชีวิตนี้ของฉัน ดูคนผิดไปแค่ครั้งเดียว เจียงจี๋นั่น…”

เฮ้อ ไม่พูดดีกว่า

มู่เถาเยา อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่ มองหน้ากันแล้วหันออกอย่างรวดเร็ว

กู่ย่า “ศิษย์พี่ใหญ่ออกจะตาแหลม! เสี่ยวเยาเยาแค่คนเดียวเหนือกว่าคนตั้งเท่าไร!”

“นั่นสิ เสี่ยวเยาเยาเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในโลก…”

ศิษย์พี่หญิงห้าพูดไม่หยุด ไม่สนสามีที่ช่วยป้อนวอลนัทเข้าปาก

มู่เถาเยา “…”

นี่เริ่มโฆษณาชวนเชื่ออีกแล้วเหรอ

เต็มที่เลย รีบเปลี่ยนเรื่องอย่าให้อาจารย์ใหญ่นึกถึงความเจ็บปวดในอดีต!

พอศิษย์พี่หญิงห้าโม้จนพอใจแล้ว หยวนเหยี่ยก็ลืมเรื่องเจียงจี๋ มู่เถาเยาลุกขึ้นพูด “อาจารย์คะ หนูขอไปดูคนข้างนอกว่าเตรียมกลับกันมาหรือยัง พวกเราจะได้เตรียมทำอาหาร อาจารย์กับตี้อู๋เปียนจะได้กลับเร็วหน่อย”

เย็นเกินไปจะกระทบการพักผ่อน คนหนึ่งสูงวัย อีกคนเจ็บป่วย

“ได้”

ศิษย์พี่ใหญ่ “ผมไปกับเสี่ยวเยาเยานะครับอาจารย์ ทางนั้นผู้หญิงเยอะ ผมจะไปช่วยถือของ”

หยวนเหยี่ยโบกมือไล่ “ไปเถอะ”

พอทั้งสองคนเดินออกไปแล้วก็เลี้ยวเข้าด้านข้าง

“เสี่ยวเยาเยา ห้ามบอกเรื่องเจียงจี๋ให้อาจารย์รู้นะ”

“ค่ะ ฉันก็ต้องการแบบนั้น”

อาจารย์ต้องใช้ชีวิตเกษียณอย่างมีความสุข เล่าเรื่องดีๆ ได้ แต่เรื่องไม่ดีอย่าเล่าดีกว่า

“เสี่ยวเยาเยา ทางอาถิงยังไม่มีข่าวคราวอะไร”

“ไม่รีบค่ะ ในเมื่อเจียงจี๋วางยาไปแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมไม่มีทางเลิกราแน่”

ศิษย์พี่ใหญ่ถอนหายใจเบาๆ “ถ้าเจียงจี๋เกิดกลับตัวกลับใจคิดได้…”

ใช่ว่าเขาจะใจอ่อน ก็แค่ไม่อยากมองในแง่ร้ายเกินไป

“ศิษย์พี่ใหญ่คะ ด้วยบุคลิกความเป็นคนมีอคติของเขา มีแต่จะเดินไปให้สุดค่ะ”

“งั้นพวกเราก็ไม่ต้องเมตตาแล้ว”

“ค่ะ คลินิกของเขาชื่อเสียงดีมาก ฉันกำลังหาจุดอ่อนของเขา ตอนนี้เขาไม่ลงมือยิ่งเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเราค่ะ”

จะให้ดีขอให้ใสสะอาดนอกจากเรื่องที่วางยาเหลยถิง มิฉะนั้นเธอไม่มีทางปล่อยให้เขามีโอกาสทำร้ายทุกคนอีก!

“เสี่ยวเยาเยา ต้องไปสืบถึงบ้านเกิดของเขาที่เซิ่งตูไหม”

“กำลังสืบอยู่ค่ะ แต่ก็ดูไม่ด่างพร้อย”

“เฮ้อ เดิมทีเจียงจี๋อยู่อันดับห้า…ตอนเขามาพวกเราชอบเขามาก…นิสัยเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าเรื่องไหนก็อยากแข่งขันกับศิษย์พี่ศิษย์น้อง…เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกันนะ”

เฉิงหรานไม่เข้าใจ

“ศิษย์พี่ใหญ่คะ เลิกคิดเรื่องในอดีตเถอะค่ะ ดูกันดีกว่าว่าเขาจะเลือกอนาคตยังไง”

“ระวังตัวด้วยนะเสี่ยวเยาเยา”

เจียงจี๋กล้าลงมือกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักแพทย์แผนโบราณเลยสักนิด ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวเยาเยาที่เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายย่อมมีอันตรายยิ่งกว่าแน่นอน

“วางใจได้ค่ะศิษย์พี่ใหญ่ เขาไม่กล้าลงมือกับพวกเราในอาณาเขตของสำนักแพทย์แผนโบราณหรอกค่ะ อย่างมากก็ได้แค่หาช่องทางจากทางเหลยถิง”

“พี่เขยของพี่ให้คนคอยดูอาถิงไว้แล้ว”

“ค่ะ ตราบใดที่เหลยถิงพกยาถอนพิษไว้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอันตราย ตอนนี้รู้ตัวคนร้ายแล้วต่อให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นก็ไม่เป็นไรค่ะ”

“อืม”

ทั้งสองคนเดินไปคุยไปมุ่งหน้าสู่เขาด้านหลัง

ตอนต่อไป