ตอนที่ 224 ภาพยามเย็นในฤดูร้อน
มู่เถาเยาเดินกับศิษย์พี่ใหญ่ไประยะหนึ่ง พอคุยจบก็เหาะไป
แม้จะเป็นภูเขาด้านหลัง แต่พื้นที่กว้างใหญ่มาก เส้นทางยาวไกล ถ้าเดินอย่างเดียวหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ถึงตรงแม่น้ำ
ตอนทั้งสองคนไปถึงทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่ที่ริมน้ำ
มู่หว่านวิ่งเข้ามา “ศิษย์พี่ใหญ่ เสี่ยวเยาเยา มาด้วยเหรอ พวกเราจับปลาได้เยอะแยะเลยนะ กะว่าจะย่างปลากินกัน!”
เธอเรียกตามมู่เถาเยามาตลอด
“ได้ ฉันจะให้คนเอาพวกอุปกรณ์ย่างมาให้ อาหารเย็นของพวกเรากินข้างนอกแล้วกัน”
“อืมๆ”
มู่เถาเยาโทรหาตี้อู๋เปียน ฝากเขาบอกให้คนเอาพวกอุปกรณ์สำหรับปิ้งย่างมาที่ริมแม่น้ำของทางตำหนักพระจันทร์ จากนั้นเธอก็เหาะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรแก้ร้อนในกลับไปต้มชาฤทธิ์เย็นที่ตำหนักพระจันทร์
ต้มเสร็จก็พักไว้ในหม้อให้เย็น กินปิ้งย่างเสร็จค่อยให้ทุกคนกลับมาดื่มคนละชาม
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยคั้นน้ำผลไม้อยู่ที่บาร์น้ำดื่มข้างห้องครัว
อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่หกช่วยคนของตระกูลตี้ย้ายโต๊ะเก้าอี้ กับขนพวกถ้วยชามตะเกียบไป
ตี้อู๋เปียน หยวนเหยี่ย และศิษย์พี่หญิงห้า บุคคลที่มีความพิเศษให้ขึ้นรถไปที่ริมแม่น้ำก่อน
หลังจากมู่เถาเยาต้มชาเสร็จแล้วก็ช่วยกู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยเอาเหยือกน้ำผลไม้วางใส่ตะกร้าค่อยขนขึ้นรถ
คนเยอะ น้ำผลไม้ทำมาน้อย เอาไว้ให้แค่พวกผู้หญิงกิน
ของผู้ชายมีชา น้ำเปล่า เบียร์ และอื่นๆ
มู่เถาเยา กู่ย่า และหลี่อวี้เสวี่ยเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ไปถึงริมแม่น้ำ
พ่อบ้านจงสั่งให้คนก่อไฟ
สาวๆ ช่วยคนรับใช้ของตระกูลตี้เอาผักต่างๆ เสียบไม้
ปลาย่างเป็นอาหารหลัก นอกจากนี้ยังมีปีกไก่ น่องไก่ เป็นต้น
เนื่องจากมีคนแก่ คนป่วย คนท้อง พวกเขาจึงไม่ทำอะไรซับซ้อนมาก พวกเครื่องปรุงรสก็ไม่ใช้เยอะ
วัตถุดิบดี ใช้แค่น้ำมัน เกลือ และยี่หร่าก็พอแล้ว
หยวนเหยี่ยมองพวกเด็กๆ ที่ส่งเสียงครึกครื้น ไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิดที่ตัวเองไม่ได้แต่งงาน
ใช่ลูกหลานแท้ๆ ของเขาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือใครอยู่ข้างกายเรา
สมัยนี้มีลูกของหลายคนที่ไปทำงานอยู่ข้างนอกบ้าง แต่งไปอยู่แดนไกลบ้าง…เลี้ยงลูกไว้พึ่งยามแก่เฒ่าใช้กับยุคสมัยนี้ไม่ได้แล้ว
ดังนั้นต่อให้ลูกศิษย์ของเขาไม่แต่งงาน ไม่มีลูก เขาก็รับได้ รวมถึงเสี่ยวเยาเยา ขอแค่พวกเขามีความสุขกันก็พอ
ตี้อู๋เปียน “…ปู่หยวนครับ วันหน้าปู่หยวนก็จะใช้ชีวิตเกษียณที่หมู่บ้านเถาหยวนซานไปเรื่อยๆ เหรอครับ”
“ก็คงอย่างนั้น ถ้าเสี่ยวเยาเยากลับเผ่า ฉันก็อาจไปอยู่ที่นั่นกับเธอสักระยะ”
ตี้อู๋เปียน “…”
อยู่ๆ ก็รู้สึกปวดใจ
เขาไม่เคยคิดเรื่องมู่เถาเยากลับเผ่า
“อู๋เปียน ผ่านปีนี้ไป สุขภาพของนายก็จะอำนวยให้ไปเที่ยวได้ทั่วแล้วนะ”
“ครับ”
เขายังไม่เคยคิดว่าจะไปไหน และก็ไม่ได้มีที่ไหนอยากไปด้วย เพราะรู้จักโลกใบนี้ทุกซอกทุกมุมจากในหนังสือแล้ว
หรือว่าจะตามซาลาเปาน้อยไปดี
แต่เธอยังต้องเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ ไม่รีบ
ศิษย์พี่หญิงห้า “อู๋เปียน หลายปีมานี้นายอยู่ที่เย่ว์ตูกับเมืองหลวงมาตลอด มีแค่ระยะนี้ที่ไปอยู่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ไม่เคยไปที่อื่นเลยเหรอ”
“ครับ”
“งั้นไม่สู้ใช้โอกาสนี้ออกไปท่องโลกดูหน่อยเป็นไง”
“ค่อยว่ากันครับ อยู่ๆ ก็มีอิสระ ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำอะไร ชินกับชีวิตแบบนี้แล้วครับ”
หยวนเหยี่ยเป็นคนที่ชอบเที่ยวไปทั่วป่าเขา ศิษย์พี่หญิงห้าก็ชอบท่องเที่ยวไปทั่ว พวกเขาเลยรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสงสารเป็นพิเศษ
มองเขาด้วยสายตาเห็นใจ
ตี้อู๋เปียน “…”
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองน่าสงสารเลยนะ
ทุกคนเหมือนกันทั้งนั้น มีสิ่งที่สูญเสียแต่ก็มีสิ่งที่ได้กลับมาแทน ไม่เกี่ยวกับสถานะและตัวตน
เขาปลงได้ ไม่กลัวตาย ก็แค่ยังไม่อยาก…ดังนั้นเขาต้องพยายามตามหาหญ้าพิษชีวิตมาให้ซาลาเปาน้อยรักษา
“อู๋เปียน…”
“ไม่เป็นไรครับปู่หยวน อีกไม่กี่ปีก็หายแล้วครับ”
ถ้าไม่หายสนิทก็จบเห่ไปเลย
หยวนเหยี่ยกับศิษย์พี่หญิงห้าเลิกพูดต่อ ทั้งสามคนหันไปมองกลุ่มคนที่กำลังครึกครื้นสนุกสนาน
เวลานี้มู่เถาเยายกเหยือกน้ำผลไม้จากผลนมหมาป่าที่ผสมนมเอามาวางบนโต๊ะเล็กตรงหน้าพวกเขา
หยิบแก้วสามใบบนโต๊ะมาวางเรียงแล้วเทน้ำผลไม้ใส่เกือบเต็มให้พวกเขา
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา ไปเล่นเถอะ พวกเราทำเองได้”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาไปช่วยย่างของต่อแล้ว
เตาย่างเตาหนึ่งมีพวกเด็กสาวกำลังย่างผักและอื่นๆ ส่วนอีกเตาหนึ่งมีพวกผู้ชายดูอยู่ ย่างปลาย่างเนื้อ
ผักสุกเร็วมาก ไม่นานก็มีจานผักย่างไปวางเรียงตามโต๊ะ
ตามมาด้วยปลาย่างเนื้อย่าง
ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะ กินอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางสายลมเอื่อยและท้องฟ้ายามอัสดง
ของย่าง น้ำชา ธัญพืชเปลือกแข็ง ภูเขาเขียวชอุ่ม แม่น้ำ ดวงอาทิตย์ตก…ก่อเกิดเป็นภาพยามเย็นในฤดูร้อนที่แสนงดงามมีชีวิตชีวา
เมื่อดวงอาทิตย์คล้อยตกหลังเขาไปแล้ว ทุกคนก็เก็บของกลับบ้าน
“เสี่ยวเยาเยา รีบเอาหนังสือมาเร็ว”
หยวนเหยี่ยแทบทนรอไม่ไหว กลัวจะลืมเอาตำราโบราณไปด้วย
“ค่ะ อาจารย์ไปเอาสัมภาระที่ห้องก่อนนะคะ หนูจะไปหาอะไรมาใส่หนังสือ”
“ได้”
คนหนึ่งขึ้นชั้นบน อีกคนไปหาของ
ตอนอาจารย์อาเล็กมองเห็นของในมือของมู่เถาเยาชัดเจนก็รู้สึกสงสารตำราโบราณจับใจ “เสี่ยวเยาเยา หากระเป๋าสวยๆ มาใส่พวกมันหน่อยสิ”
“เหมือนกันแหละค่ะ ยังไงพอถึงหมู่บ้านเถาหยวนซานอาจารย์ใหญ่ก็ต้องหาที่วางให้พวกมันอยู่แล้ว”
“แต่ก็ไม่ควรไม่เอาใจใส่พวกมันหรือเปล่า”
อาจารย์อาเล็กหอบพวกตำราโบราณขึ้นมา ไม่ยอมเอาใส่ถุงที่มู่เถาเยาหามา ซึ่งมันคือถุงดำสำหรับใส่ขยะ
มู่เถาเยาจนปัญญา ทำได้เพียงขึ้นชั้นบนไปหาถุงกระดาษสวยๆ เป็นถุงที่ทางเผ่าหมาป่าพระจันทร์ใส่ของฝากมาให้
เธอก็อยากเอากระเป๋าผ้าที่ตัวเองใช้บ่อยมาใส่อยู่หรอก แต่มันใหญ่ไม่พอ และก็วางซ้อนตำรายากด้วย
“อาจารย์อาเล็ก อันนี้สวยแล้วค่ะ”
“…ได้”
ดูดีกว่าถุงขยะเมื่อกี้หลายสิบเท่า
อาจารย์อาเล็กบรรจงเอาตำราโบราณใส่ในถุงกระดาษที่มู่เถาเยาถืออยู่
ทางด้านเมืองเย่ว์ตูไม่มีของอะไรต้องเอากลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน มีแค่ของฝากท้องถิ่นที่เตรียมเอาไว้นานแล้ว
ตอนนี้ของที่ทางเผ่าให้มาก็แจกจ่ายไปแล้ว ไม่ต้องขนจากเย่ว์ตูไปหมู่บ้านเถาหยวนซานอีก
หยวนเหยี่ยมองสามสาวพลางพูด “เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เหยาเหยา พวกเธอจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมปู่กับอู๋เปียนไหม”
มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน และอวิ๋นสุ่ยเหยามองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้มกว้างตอบ “พวกเรารอพี่เยาเยาปิดเทอมค่อยกลับพร้อมกันค่ะปู่หยวน”
“ได้ งั้นพวกเรากลับก่อนนะ”
“ค่ะ”
ทุกคนไปส่งหยวนเหยี่ยที่ลานจอดเครื่องบิน
ตี้อู๋เปียนรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
พอเห็นคนมาเขาก็ดึงมู่เถาเยาไปแอบคุยด้านข้าง
“ซาลาเปาน้อย บอกอธิการบดีเจียงเรื่องหมอลู่หรือยัง”
“อืม ถ้าหมอลู่ออกมาตอนสุดสัปดาห์พอดี ครอบครัวอาจารย์อาเล็กสามคนจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมฉัน รอเจอกันก่อนค่อยว่ากัน อาจารย์อาเล็กไม่กล้าเชื่อว่ายังมีญาติหลงเหลืออยู่”
“…พอเข้าใจได้”
“อืม ตี้อู๋เปียน คุณก็ไม่ต้องตั้งใจจับตาดูอะไรขนาดนั้น ขอแค่หมอลู่ออกมา โทรศัพท์มือถือมีสัญญาณ ฉันก็ติดต่อได้แล้ว”
“ได้ งั้นฉันจะมุ่งความสนใจไปที่การตามหาดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิต”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ขึ้นเครื่องบินเถอะ เดี๋ยวจะกลับถึงบ้านดึก พวกคุณต้องรีบเข้านอน”
“อืม”
กลุ่มคนมองส่งเครื่องบินจนหายพ้นสายตาเสร็จก็แยกย้ายกลับบ้าน
ตอนต่อไป