บทที่ 239 เก็บเกี่ยว

บทที่ 239 เก็บเกี่ยว

หลังเห็นพยัคฆ์ทะยานเมฆถูกอู๋ฝานสังหาร พวกหนิวเอ้อจึงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยากเข้ามาช่วย แต่ทราบดีว่าด้วยกำลังของพวกตนเอง หากก้าวเข้าไปต่อสู้กับพยัคฆ์ทะยานเมฆ ไม่เพียงแต่จะไม่อาจช่วยอีกฝ่าย แต่ยังจะกลายเป็นตัวปัญหาให้แทน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะรออยู่แนวหลัง เพื่อให้การคุ้มกันลั่วเยวี่ย

และตอนที่อู๋ฝานอัญเชิญนักรบอสูรกับรถหุ้มเกราะออกมานั้น พวกหนิวเอ้อยังต้องชะงักงันกันไปชั่วครู่เสียด้วยซ้ำ ทั้งยังนึกสงสัยว่าชายหนุ่มทำได้อย่างไร

แม้ว่าในใจพวกเขาสับสนและสงสัย แต่พวกหนิวเอ้อก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอู๋ฝาน พวกเขาเป็นทหารส่วนตัวของอีกฝ่าย ดังนั้นย่อมทราบหน้าที่ปฏิบัติดี นั่นคือการไม่ตั้งข้อสงสัยต่อเจ้านาย หากไม่แล้ว มันจะถูกนับว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ

นอกจากนี้ ในโลกอันกว้างใหญ่ย่อมยังมีมอนสเตอร์และตัวประหลาดอีกมากมาย ดังนั้นการได้เห็นอะไรที่ไม่เคยได้พบมาก่อนจึงไม่ได้ทำพวกเขาประหลาดใจถึงขนาดนั้น อีกทั้งพวกเขายังมาจากชนบท ก่อนจะมารับใช้กองทัพก็แทบไม่รู้จักโลกภายนอกเสียด้วยซ้ำไป หากนอกชนบทที่พวกตนอยู่อาศัยจะมีอะไรแปลกใหม่ เช่นนั้นแล้วมันจะมีอะไรน่าประหลาดใจหรือ?

“นายท่านแข็งแกร่งยิ่งนัก กระทั่งมอนสเตอร์ดุร้ายนั่นยังไม่อาจเทียบได้” หนิวเอ้อก้าวเดินเข้าไปกล่าวกับอู๋ฝาน

“โชคช่วยน่ะ” เมื่อเห็นพวกหนิวเอ้อไม่ถามเรื่องนักรบอสูรและรถหุ้มเกราะ อู๋ฝานค่อยถอนหายใจโล่งอกออกมาได้ “พวกเราตอนนี้ไม่มีทางรับมือกับมอนสเตอร์ระดับนี้ได้ไหว ครั้งนี้เพราะโชคช่วย หากว่าครั้งหน้าเจออีก คงไม่ใช่โชคดีเหมือนอย่างครั้งนี้แน่นอน”

อู๋ฝานทราบดีอยู่แก่ใจถึงสาเหตุที่ตนเองสามารถสังหารมอนสเตอร์ทั้งสองในครั้งนี้ได้ ทั้งหมดก็เพราะโชคช่วยทั้งสิ้น ประการแรกนั้นมอนสเตอร์ทั้งสองบาดเจ็บจากการต่อสู้กันเองพอสมควรแล้ว และประการที่สอง พยัคฆ์ทะยานเมฆขาดความระวังต่อสิ่งไม่รู้ ทำให้เขามีโอกาสได้ลงมือ หากไม่แล้ว ต่อให้เรียกรถหุ้มเกราะออกมา ก็คงยากที่จะสังหารพยัคฆ์ทะยานเมฆ

แน่นอนว่าความสงสัยคือสิ่งที่สามารถนำพาไปสู่ความตายได้ ตั้งแต่แรกหากพวกเขาไม่สงสัยว่าตรงนี้เกิดอะไรขึ้น รวมกับถ้าไม่เกิดความละโมบในใจขึ้นมา พวกเขาก็คงไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายระดับนี้ ก่อนที่พวกเขาจะแข็งแกร่งมากพอ ความสงสัยใคร่รู้ที่ยากหลีกเลี่ยง บางครั้งมันอาจดี แต่บางครั้งมันก็อาจฆ่าพวกเขาจนตายได้

แน่นอนว่าหลังผ่านศึกแลกเป็นแลกตาย อู๋ฝานก็ได้รับมาไม่ใช่น้อยเช่นกัน

มอนสเตอร์เลเวลห้าสิบทั้งสอง ได้มอบค่าประสบการณ์มากมายแก่อู๋ฝาน ทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งเลเวลอัพ ได้เลเวลอัพอีกครั้งคราหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มสามเลเวลต่อเนื่อง ทำให้เขาในปัจจุบันเลเวลแปด ค่าสถานะรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งพละกำลังก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน

นอกจากค่าประสบการณ์แล้ว ยังมีฟัน กรงเล็บ เนื้อ และวัตถุดิบอื่น ๆ จากมอนสเตอร์ทั้งสองที่ตัวเขาสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้จำนวนมหาศาล อย่างไรพวกมันก็เป็นบอสมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบ เป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ได้หาเจอได้ง่าย ๆ หรือต่อให้เจอ ก็ใช่ว่าจะสามารถสังหารได้ ดังนั้นวัสดุและวัตถุดิบจากพวกมัน ย่อมต้องมีราคาสูง

เพียงแต่น่าเสียดายที่มอนสเตอร์ทั้งสองถูกเล่นงานอย่างหนัก หนังของพวกมันแทบไม่อาจนำไปใช้งานได้ ไม่เช่นนั้นคงแลกเปลี่ยนได้เป็นเงินทองอีกไม่น้อยเลยทีเดียว

แน่นอนว่าที่อู๋ฝานสนใจย่อมต้องเป็นการดร็อปของหลังพวกมันตาย มอนสเตอร์ทั้งสองมอบอุปกรณ์สวมใส่ให้สามชิ้น เรียกได้ว่าไม่ได้มากมายนัก อย่างไรแล้วพวกมันก็เป็นบอสมอนสเตอร์ พวกมันสองตัวรวมกัน ดร็อปออกมาได้เพียงแค่สามชิ้น เรียกว่ามีโอกาสดร็อปต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

แม้แบบนั้น อู๋ฝานก็ค่อนข้างพึงพอใจต่ออุปกรณ์ทั้งสามชิ้นที่ได้รับ เพราะพวกมันถือว่าเป็นของดี

[ป้ายอัญเชิญ สามารถใช้อัญเชิญมอนสเตอร์ห้าตัวมาต่อสู้แทนตัวท่าน (เลเวลของมอนสเตอร์ มีค่าเทียบเท่าเลเวลผู้เล่น +10) ระยะเวลาการอัญเชิญ 5 นาที ระยะเวลาคูลดาวน์ 2 ชั่วโมง]

[หอกลายเสือ อาวุธประเภทหอกยาว พลังโจมตี+350 ความว่องไว+50 พละกำลัง+80 ความเร็วการโจมตี+15 | ทักษะติดอาวุธ กระหายเลือด เมื่อทำการโจมตีจะเปลี่ยนความเสียหายโจมตี 15% เป็นพลังชีวิตของผู้ใช้ | ทักษะติดอาวุธ หอกเงา สามารถเรียกหอกเงาจำนวนมากเพื่อโจมตีศัตรูพร้อมกัน สามารถใช้งานได้เมื่อเลเวล 30 ขึ้นไป]

[เกราะผ้าสีชาด พลังป้องกันชุดเกราะ+250 ความแข็งแกร่ง+10 ความอดทน+100 เพิ่มพลังชีวิต+10 ทักษะติดอาวุธ กำแพงทองแดงและกำแพงเหล็ก เพิ่มพลังป้องกันสองเท่าในระยะเวลา 1 นาที และเพิ่มพลังชีวิตสองเท่า | ทักษะติดอาวุธ อัมพาต เป็นทักษะแบบที่ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้ สามารถโจมตีทำให้ศัตรูติดอาการอัมพาต สามารถใช้งานได้ที่เลเวล 30 ขึ้นไป]

อุปกรณ์ทั้งสามชิ้นนี้ มันทำอู๋ฝานดีใจจนเนื้อเต้น

สิ่งของอย่างป้ายอัญเชิญ แม้ว่าจะเป็นเพียงอุปกรณ์ระดับทองแดงที่คล้ายจะเป็นขยะ แต่อู๋ฝานที่เคยได้ครอบครองป้ายอัญเชิญมาก่อนแล้ว ย่อมทราบดีว่ามูลค่าของมันไม่ได้เป็นดังเช่นอาวุธระดับทองแดงทั่วไป มันเทียบกันไม่ได้ และเลเวลของมอนสเตอร์ที่อัญเชิญออกมาจากป้ายอัญเชิญ ยังผันแปรตามเลเวลของผู้ใช้งาน ยิ่งตัวเองแข็งแกร่งเท่าใด มอนสเตอร์ที่อัญเชิญออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น เรียกได้ว่าสามารถพัฒนาตามได้ไม่รู้จบ

ส่วนทางด้านอุปกรณ์ระดับทองดำทั้งสองชิ้น มันสามารถเพิ่มค่าสถานะได้อย่างโดดเด่นสะดุดตา เรียกได้ว่าดียิ่งกว่าอุปกรณ์สวมใส่ระดับทองที่ใช้งานอยู่ตอนนี้ซะอีก จะเรียกว่าเป็นคนละระดับกันก็ไม่ผิด

อีกทั้งอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นยังมาพร้อมกับทักษะติดตัว แถมแต่ละชิ้นยังมาพร้อมทักษะถึงสองประการ รวมแล้วจึงเป็นสี่ทักษะ และเป็นทักษะที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง อู๋ฝานแทบไม่อาจอดใจรอสวมใส่ได้ไหว

เพียงแต่

“บ้าจริง!” อู๋ฝานร่ำร้องอยู่ในใจ “ทำไมต้องมีข้อจำกัดเลเวลใช้งานด้วยกันเนี่ย? แม้ว่าจะเลเวลแค่สามสิบ ไม่ใช่เลเวลห้าสิบเหมือนตัวบอสมอนสเตอร์ แต่ตอนนี้เลเวลสามสิบสำหรับเขามันไม่สูงเกินไปหรือไง? ได้รับแต่ไม่สามารถใช้งานได้ตอนนี้ เสียของจริง ๆ เลย”

มันเป็นครั้งแรกที่อู๋ฝานได้เจอกับอุปกรณ์ที่มีข้อจำกัดเลเวลใช้งาน อุปกรณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการจำกัดเลเวลใช้งานมาก่อน ดังนั้นตัวเขาจึงสามารถสวมใส่ใช้งานได้ มันทำให้ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจเรื่องการเพิ่มเลเวลด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาได้ตระหนักถึงความทุกข์ยากที่เลเวลน้อยนิดแล้ว แม้เห็นของวิเศษสองชิ้นตรงหน้า ทว่ากลับไม่อาจใช้งาน มันเหมือนกับคันหลังแต่ไม่อาจเกาได้!

[ติ๊ง!]

ขณะอู๋ฝานกำลังนึกหงุดหงิดที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการเพิ่มเลเวลให้ดี เสียงจักรกลก็ดังขึ้นในอีกครั้งหนึ่ง

“หือ?” อู๋ฝานชะงักงันไปครู่หนึ่ง เสียงนั้นดังขึ้นตอนนี้ มันหมายความว่าอะไร

อู๋ฝานรีบเงี่ยหูตั้งใจฟัง

[ติ๊ง! ตรวจพบอุปกรณ์สองชิ้นที่สามารถผสานกันได้ที่กระเป๋าหลัง ท่านต้องการผสานหรือไม่?]

อุปกรณ์ที่สามารถผสาน?

อู๋ฝานหันมองกระเป๋าหลังของตนเอง หมายถึงเจ้านี่งั้นเหรอ?

อู๋ฝานมองป้ายอัญเชิญทั้งสอง ชื่อของป้ายไม้ทั้งสองเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ระดับก็เท่ากัน ถ้าจะมีอะไรที่สามารถผสานกันได้ ก็คงเป็นพวกมันสองชิ้นนี้

เพียงแต่การผสานจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย และมันมีโอกาสที่จะผสานล้มเหลวหรือไม่? ถ้าล้มเหลว ไม่ว่าจะป้ายไม้อันไหนก็ต้องสูญหายไป อู๋ฝานจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยมากมายขึ้นในใจ

เพียงแต่ขณะอู๋ฝานกำลังถามในใจตนเองวนเวียนอยู่นั้น เขาก็ไม่มีทางได้รับคำตอบ ประโยค [ต้องการผสานหรือไม่] ยังคงดังวนเวียนในหูของเขา ส่วนว่าผสานแล้วออกมาเป็นอะไร มีความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวหรือไม่นั้น มันไม่ได้แจ้งให้ทราบแม้แต่น้อย