218 สถานการณ์ของกองกำลังพื้นดินจักรวรรดิ

บุคคลหนึ่งเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่า การต่อสู้ทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับจำนวน อะนิกิ1! และฉากหน้าผมตอนนี้เป็นข้อพิสูจน์แนวคิดนั้น

“พวก กองกำลังเราค่อนข้างท่วมท้นหือ”

“พวกมันไม่ใช่กองกำลังนายรู้ไหม”

“จ้ะ ฉันรู้ดีแหม่ม”

หุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าขนาดมนุษย์ยิงเลเซอร์ (ลำแสงสังหาร) จากแขนอาวุธสองข้างของมันและแม้ว่ามันถูกล้อมโดยทวิสต์ มันฉีกพวกนั้นออกด้วยตัวเองด้วยแรงมหาศาลยิ่งกว่าและขยี้พวกนั้นด้วยความง่ายดาย การโจมตีของหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าขนาดกลางที่มีความสูง 2-3 เมตรนั้นยิ่งดุดันมากกว่านั้นอีก พลังการยิงของหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าขนาดกลาง ซึ่งไม่ได้แค่ประกอบไปด้วยเครื่องยิงเลเซอร์และพลาสมาอย่างเดียวด้วยเหมือนกัน มันลดจำนวนจอมจับและประเภทนั้นๆด้วยเกราะหน้าหนาแน่นเรากำหนดมันชื่อว่ากระทิง และเทพของสนามรบนั้นคือหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าที่มีความสูง 5 เมตรอยู่กับตัว

“เจ้าตัวใหญ่นั้นแน่นอนว่าน่าทึ่งจริง”

แม้ว่ามันใหญ่โตมาก มันว่องไวอย่างน่าทึ่ง มันดูเหมือนมันเป็นตัวนำทีม มันสังหารหมู่ศัตรูตัวใหญ่โตอย่างต่อเนื่องด้วยอาวุธระยะไกลและการโจมตีจับรัดระหว่างป้องกันการโจมตีสวนของพวกมันด้วยโล่พลังงานทนทาน แน่นอนว่าเครื่องส่งพลังงานของมันส่งพลังออกมาได้อย่างมากมาย

“เพราะทั้งหมดหุ่นยนตร์ต่อสู้โปแกรมล่วงหน้าระดับไททันมันเป็นตัวสำคัญสำหรับการเข้าปะทะทางบก ในความเป็นจริง กองกำลังพื้นดินจักรวรรดิที่ตอนนี้ส่วนใหญ่นั้นประกอบไปด้วยหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้า”

“เพราะพวกมันเปลี่ยนง่ายและยิ่งสบายกระเป๋ามากกว่าหือ”

นาวาอวกาศโทเซเรน่ายักไหล่หลังจากได้ยินคำพูดผมอย่างเงียบๆ

มันใช้อย่างน้อย 15 ถึง 18 ปีเพื่อฝึกคนหนึ่งให้เป็นทหารจักรวรรดิมีคุณสมบัติและพร้อมต่อสู้เป็นเวลาเฉลี่ย

สิบห้าปีนั้นยังน้อยเกินไปในความคิดของผมแต่คนหนึ่งอย่างน้อยต้องสร้างความสามารถทางร่างกายอย่างน้อยก็ให้ถึงระดับที่น่าเคารพในเวลาจำนวนนั้น แต่ถ้าพวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับวิธีของพวกเขา พวกเขาจะสามารถปั๊มทหารออกมายิ่งเร็วกว่านั้น

พูดอีกอย่าง พวกเขาสามารถได้รับผลลัพธ์ถ้าพวกเขายินดีที่จะใช้เส้นทางของการใช้ทหารเด็กและทหารโคลนผู้ถูกผลิตโดยเทคโนโลยีชีวภาพ อืม ผมไม่ได้เคยเห็นประเภทนั้นเท่าที่ผ่านมา และตัดสินจากหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าด้านหน้าผม มันดูเหมือนจักรวรรดิไม่ได้เดินเส้นทางนั้นเป็นอย่างน้อย…… หรือว่า พวกเขาไม่ทำใช่ไหม? ในแง่หนึ่ง ไม่ใช่พวกทวิสต์เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาได้แหย่มือไปในการค้นคว้าวิจัยเช่นนั้น

อย่างน้อยตัวตนของทวิสต์เป็นข้อพิสูจน์ว่ามีฝ่ายของพวกเขาในจักรวรรดที่ได้ใช้เทคโนโลยีชีวิภาพสำหรับเหตุผลทางทหารไปแล้ว

ไม่ว่าอย่างไร ผมคุยนอกเรื่อง ผมพูดถึงหุ่นยนต์โปรแกรมล่วงหน้าว่าเปลี่ยนง่ายกับกระเป๋าเงิน ถูกไหม? อืม พูดอีกอย่าง… การฝึกและนำทหารมนุษย์ลงสนามรบมันเพียงแค่มีราคาสูงมาก

อย่างไรก็ตาม แล้วการนำหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าลงสนามรบเล่า? แม้ว่ามันก็ใช้เงินเยอะเพื่อผลิตพวกมันด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่ามันถูกว่าการกลายเป็นทหารภายใน 15 ถึง 18 ปี

ไม่เพียงแค่มันถูกกว่าแต่เวลาที่ใช้ลงทุนก็ลดลงไปอย่างสูงมากด้วย

สำหรับหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้า เมื่อสายการผลิตถูกสร้าง มันเป็นไปได้ที่จะผลิตหุ่นยนต์โปรแกรมล่วงหน้าเยอะมากเรื่อยๆตราบใดที่ทรัพยากรอนุญาตสำหรับการทำมัน

มากกว่านั้น ในกรณีวิธีได้มาซึ่งทักษะการต่อสู้ คนหนึ่งเพียงแค่จำเป็นต้องติดตั้งข้อมูลต่อสู้ที่ต้องการเพื่อให้พวกมันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่านั้น ไม่เหมือนทหารมนุษย์ แม้ว่าพวกมันถูกได้รับความเสียหายในการต่อสู้ พวกมันจะไม่จำเป็นต้องได้รับมอบค่าทดแทนของผู้รอดชีวิต พวกมันไม่ต้องการอาหาร, น้ำ, เสื้อผ้า, ยา, และแน่นอนว่าพวกมมันไม่จำเป็นต้องถูกจ่ายเงินเดือนอะไรใดๆทั้งสิ้นให้พวกมัน ดังนั้นค่าใช้จ่ายทางโลจิสติกส์ก็ต่ำมากด้วยเหมือนกัน ถ้าคนหนึ่งคิดเกี่ยวกับมัน การนำพวกมันลงสนามรบมีความได้เปรียบกว่าเยอะมาก

“เพราะทั้งหมดพวกมันง่ายกับกระเป๋าเนาะ”

“ทำไมนายต้องพูดคำเดียวกันสองครั้ง?”

“เอ่อ ฉันแค่คิดว่ากองทัพจักรวรรดิมีปัญหาของพวกเขาเองด้วยเหมือนกันหลังจากทั้งหมด”

“มันไม่ใช่ธุระอะไรของนาย”

ถ้าพวกเขาใช้งานหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าในยานอวกาศแทนเป็นลูกเรือธรรมดา ผมแน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้เยอะกว่า แต่ผมสงสัยว่าทำไมพวกเขาไม่ทำอย่างนั้น? หืม

อืม จักรวรรดิกรากันดูเหมือนได้รับผลกระทบจากเอไอในอดีต ดังนั้นบางทีพวกเขาไม่ได้ชอบความคิดเรื่องการใช้หุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้ามาลงสนามรบเป็นกองกำลังต่อสู้หลักเนื่องจากนั่น ดังนั้นมันดูเหมือนหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้านั้นส่วนใหญ่ถูกใช้แค่การต่อสู้บนพื้นดินหือ

บางทีนั่นเพราะพวกเขาสามารถรับมือกับพวกมันได้ง่ายๆผ่านการระดมยิงจากวงโคจรถ้าอะไรมันแย่หนักด้วยเหตุผลบางอย่างอย่างนั้นหรือ? ผมสงสัยนิดหน่อยแล้วตอนนี้

“แต่เธอเตรียมกองกำลังแบบนี้ในเวลาสั้นๆอย่างนี้ได้ยังไงกัน”

“ดั้งเดิมแล้วพวกมันเอาไว้ส่งออกไปรับมือกับสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่โจมตีฐานโคโลนีโคแม็ต III เราเพียงแค่ขนส่งพวกมันมาที่นี่สู่โคแม็ต IV”

“อา เข้าใจแล้ว”

มันผ่านมาวันสองวันตั้งแต่สิ่งมีชีวิตดุร้ายเหมือนจอมจับปรากฏตัวบนโคแม็ต III ระบบดาวโคแม็ต ไม่ได้ไกลจากประตูทางขนาดนั้น และมันจะไม่ใช้เวลานานเพื่อติดต่อเมืองหลวงและขนส่งกองกำลังที่ต้องการมา

เมื่อเทียบกับระบบดาวด่านหน้าที่ว่ากันบ่อยๆเหมือนอิซรุกส์ที่เราสู้สิ่งมีชีวิตผลึกและเทอร์เมนที่ผมเจอมีมิ การขนส่งนั้นเข้าถึงได้ง่ายมากๆที่นี่

“แต่นี่มันกลายเป็นน่าเบื่อแล้วรู้ป่ะ”

“อ่ะร้า ฉันจะไม่พยายามหยุดนายถ้านายอยากกระโดดเข้าไปกลางนั่นรู้ไหม”

“ฉันขอผ่านแล้วกัน ขอบคุณ”

ถ้าผมพุ่งเข้าไปในกลางการต่อสู้ระยะประชิดที่วุ่นวายระหว่างสิ่งมีชีวิตอันตรายและหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้า ไม่ว่าผมมันมีชีวิตเก็บไว้อยู่มากเท่าไหร่มันก็จะไม่เพียงพอ แม้ว่าในมิตินี้นั้นคล้ายกับเอสโอแอลในสายตาของผม มันก็เป็นความจริงอย่างไม่ผิดพลาด ไม่เหมือนเกมต่างๆ เมื่อคนหนึ่งสิ้นที่นี่ คนนั้นสิ้นตลอดกาล ผมว่า?

ไม่ว่าอย่างไร ผมไม่มีเจตนาทดสอบทฤษฎีนั้น

“ยังไงซะ เรายังไม่รู้ว่าเป้าหมายของเขามีทรัพยากรมากเท่าไหร่ไว้ใช้ ฉันเชื่อว่านี่จะใช้เวลามากกว่านี้เพื่อสรุป ดังนั้นเอาเลยแล้วพยายามผ่อนคลายสำหรับเวลานี้”

“เหรอ ขอบคุณนะ”

มันดูเหมือนเราจะดู ‘เกมสงคราม’ ไปนานมากกว่านี้ ผมมองดูเครื่องไร้สายขนของใหม่กำลังลงอย่างรวดเร็วขณะผมเอื้อมออกไปหากระติกน้ำที่ห้อยอยู่ตรงเอวของผมผม

 

 

『เราก็ได้เห็นทุกอย่างตรงนี้ด้วย! มันน่าทึ่ง! เท่ม้ากมากเลย!』

『คุณแวมโดดีใจจิตไปท้องฟ้าหลังจากได้รับชุดภาพสดเลยล่ะ』

“นั่นดี”

ผมคุยกับมีมิและเอลม่าผ่านหน้ากากอเนกประสงค์

การต่อสู้ระหว่างทวิสต์และหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้ายังดำเนินไปอยู่ แต่พวกทวิสต์ดูเหมือนจะถูกดันให้ล่าถอยอย่างต่อเนื่องจากการร่วมมือกับแบบไร้รอยต่อและพลังการยิงเข้มข้นของหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนที่พวกทวิสต์ที่นี่ถูกกวาดเกลี้ยงอย่างสมบูรณ์โดยหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าและพวกมันดำเนินการบุกรุกฐานพวกมัน

『ช่วงเวลาที่เธอพุ่งใส่เจ้าตัวใหญ่มากด้วยดาบนั้นค่อนข้างเข้มข้นเลย』

『นั่นมันแค่เท่ม้ากมาก! หนูได้ดาตาจากแวมโดซังดังนั้นหนูจะส่งมันไป!』

หลังจากมีมิพูดเช่นนั้น หน้าต่างเล็กๆบนจอเหนือจอของหน้ากากอเนกประสงค์เล่นภาพฉากผมและนาวาอวกาศโทเซเรน่ามุ่งตรงไปใส่จอมจับซึ่งได้รับจากมุมมองกล้องที่ประณีต 

“มุมมองกล้องค่อนข้างดีนี่”

หลังจากพูดอย่างนั้นผมเลื่อนความสนใจของผมไปสู่ลูกกลมลอยใกล้ไหล่ของผม

ลูกกลมนี้คืออุปกรณ์กล้องทำงานอัตโนมัติที่ตามทุกการเคลื่อนไหวของผมในวิธีเดียวกันกับลูกกลมแรงโน้มถ่วงที่เราใช้เพื่อนำเครื่องดื่มมาข้างในห้องนักบินของเรา มันผสมวิธีการทางโฮโลแกรมและอะไรๆลำหน้าอย่างอื่นเพื่อบันทึกทุกการเคลื่อนไหวของเราบนพื้น ตอนแรก มันเป็นลูกกลมแรงโน้มถ่วง และตอนนี้นี่อีกอัน

คนหนึ่งไม่คิดว่ามนุษย์ในมิตินี้มีการพัฒนาแขนงสายเทคโนโลยีแปลกหรือ?

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็โล่งใจจากหน้าที่สนับสนุนทางอากาศแล้วเหรอ?”

『เพราะทั้งหมดกองกำลังโจมตีพื้นดินหลังจากกองทัพจักรวรรดิมาถึงแล้ว แล้วก็ ยานที่พิเศษในการโจมตีอากาศสู่พื้นผิวก็มาถึงพร้อมพวกมันด้วย ดังนั้นเราไม่มีบทอะไรให้เล่นแล้ว แต่เรายังจะอยู่แถวนี้และคุ้มกันเธอและพวกพ้องของเธอนะ』

“โอ้ เข้าใจแล้ว ยานกองทัพพิเศษในด้านการระดมยิงอากาศสู่พื้นผิวหือ? ฉันแน่ใจว่าความสามารถสนับสนุนทางอากาศของพวกเขาดีสุดแล้วแหละ”

ผมพยักหน้าและหันความสนใจไปสู้เส้นแสงพลาสมาสีเขียวที่ลงมาจากข้างบนเป็นฝน

ปืนใหญ่ลำกล้องใหญ่แบบพลาสมาถูกพัฒนาโดยการใช้วิธีการแบบโล่พลังงานและพื้นฐานแล้วทำงานโดยการกักขังพลาสมาอุณหภูมิสูงเหนือมากภายในโล่พลังงานอ่อนแอและจากนั้นส่งเชิงยิงมันออกไป เพราะวัตถุบินนั้นช้าและระยะใกล้ ทหารรับจ้างไม่ค่อยติดตั้งพวกมันบนยานเพราะหลักๆนั้นพวกเขาเข้าปะทะในการต่อสู้ในอวกาศ

มันก็มีเครื่องเร่งความเร็วพลาสมาอันถูกพัฒนาใหม่ด้วย แต่กระสุนบินยังคงค่อนข้างช้าและส่วนใหญ่มันรับมือยาก……

แม้ว่ามีขีดจำกัดกับจำนวนอันยัดได้บนยาน ตอร์ปิโดต่อต้านยานยังสะดวกมากกว่าเมื่อเทียบกัน เพราะทั้งหมดยานใหญ่มากส่วนมากช้าเป็นเต่า

ขณะสำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์พลาสมา หุ่นยนต์ต่อสู่โปรแกรมล่วงหน้ากำลังสู้กันต่อหน้าเราก็มีพวกมันติดตั้งด้วย

พวกมันทรงพลังอย่างเหลือเฟือ

พวกมันติดตั้งด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์พลาสมารุ่น 2 ที่ยิงพลาสมาอันขังอยู่ภายในโล่พลังงานอันอ่อนแอและอาวุธยุทโธปกรณ์พลาสมารุ่น 1 ที่ยิงกระสุนปืนใหญ่กายภาพที่ก่อระเบิดพลาสมาช่วงเวลาที่มันโดนเป้าหมาย

พลังทำลายล้างของพวกมันเทียบได้กับกันและกันเองคร่าวๆ แต่ความได้เปรียบหนึ่งมีอยู่ในคุณสมบัติอาวุธรุ่น 2 คือทางวิธีการนั้นไม่มีขีดจำกัดเรื่องกระสุน เพราะพลาสม่าถูกกักเก็บไว้ในโล่พลังงาน แรงกดดันที่มีต่อปากกระบอกปืนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ และมันก็มีความสามารถยิงกระสุนได้เกือบไม่มีขีดจำกัดตราบใดที่แรงส่งพลังงานเครื่องส่งพลังงานอนุญาตมัน

  『ฉากนี้ก็มีความประทับใจเหลือเฟือด้วยเหมือนกันเนาะ』   

『นั่นถูกแล้ว หุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าดูพึ่งพาได้ขณะที่พวกมันพิฆาตสิ่งมีชีวิตอันตราย』   

“มันคล้ายกับฉากจากหนังโฮโลต่อสู้ดังหือ…… แต่ไม่มีหนังมากที่หุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าเล่นบทบาทนำนะ”   

มันก็มีหนังเหลือเฟือเพื่อความบันเทิงรอพร้อมในมิตินี้ ในพวกมัน คนชั้นสูงจักรวรรดิสู้กับสายพันธุ์ต่างด้าวที่ไม่เป็นมิตรและเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เหตุผลด้วยบ่อยครั้ง และฉากคล้ายกับฉากที่ตอนนี้เรากำลังเป็นพยานนั้นค่อนข้างเห็นได้บ่อย แต่ในงานเหล่านั้น มันเป็นทหารจักรวรรดิ – รวมไปถึงคนที่ไม่ได้เป็นมนุษย์ – ที่รับมือหน้าที่ต่อสู้หลัก แต่ในความเป็นจริง หุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าเหมือนตัวเหล่านี้เล่นบทบาทหนักมากกว่าหือ

“ยังไงซะ เมื่อมันเป็นเรื่องการสู้กันกองทหารของจักรวรรดิ…… มันไม่เหมือนว่าฉันเป็นทหารจักรวรรดิแต่มีเหตุการณ์ที่อุบัติเหลือเฟือที่กองทหารจักรวรรดิสู้กับสิ่งมีชีวิตก่อนหน้าด้วยเหมือนกัน ดังนั้นฉันแน่ใจว่าแวมโดรู้ว่าต้องทำอะไร”   

『นั่นจริง』   

ขุนนางของจักรวรรดิกรากันชอบที่จะไม่ทิ้งงานหนักหนาจริงใดๆให้เครื่องจักรและเอไอหลังจากทั้งหมด

อืม บางทีขุนนางจักรวรรดิแค่หวังจะเลี่ยงการพึ่งพาเอไออย่างสมบูรณ์เพียงเท่านั้นและอยากทำงานหนักด้วยตัวเอง แต่ผมไม่แน่ใจ

“เมื่อหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้าเสร็จการกวาดสิ่งมีชีวิตไปแล้ว ฉันสงสัยว่ามันจะเป็นคราวของฉันและนาวาอวกาศโทเซเรน่าให้จัดการจบอะไรๆกับหัวหน้าโดยการปะทะดาบกับเขางั้นเรอะ? ……พวก มันเหมือนหนังโฮโลต่อสู้ดังๆเลยจริงๆ”   

『และมันเป็นมาตรฐานที่ต้องมีการต่อสู้ที่ทำด้วยมือเปล่า, ด้วยมีด, หรือดาบระหว่างถูกล้อมด้วยไฟในตอนจบหือ』   

『อ-อ่าฮ่าฮ่า…… มันฟังดูเหมือนบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นจริงๆภายหลังเลย』   

ถ้าอย่างนั้นก็มีฉากคลาสสิคที่ต้องมีที่นี่ด้วยเหมือนกันหือ ฉากสู้สุดท้ายที่ตัวละครหลักต้องสู้ด้วยเนื้อคือที่ผมพูดถึง แต่ถาเราใช้วิธีดีกว่าในความเป็นจริงดีกว่าไหม? ผมหมายถึง เหมือน โยนถังก๊าซพิษซักหนึ่งหรือสองถังเข้าไปข้างในห้องหัวหน้าหรือบางอย่าง

 

 

[1] วายุ: อะนิกิเป็นคำแสลงในญี่ปุ่นซึ่งถูกใช้โดยสมาชิกแก้งยากูซ่าหรือนักเลงบ่อยครั้งเพื่อพูดถึงคนเหล่านั้นผู้อยู่เหนือพวกเขา แม้ว่ามันก็ถูกใช้โดยคนธรรมดาและ พี่น้อง/ญาติ ด้วยเหมือนกัน พื้นฐานแล้วมันแค่วิธีเรียก ‘พี่ใหญ่’ อย่างไม่เป็นทางการ

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu